กลุ่มที่ 13 ประกอบด้วยกลุ่มบุคคลที่มาจากหลายเขต เช่น เขต 1, 2, 3, 10, 15 มีทั้งหมด 3 ประเด็นด้วยกัน คือ 1. สรุปกระบวนการและข้อเสนอแนะการนิเทศ รพ.สต. รอบที่ 1 2. การจัดการงบประมาณให้ รพ.สต. ที่เป็น ธรรม โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ 3. การรักษาเบื้องต้น ระบบให้คำปรึกษา ทางไกล การเชื่อมต่อข้อมูลระบบส่งต่อระหว่าง ชุมชน สอ. และ รพ.
สรุปกระบวนการและข้อเสนอแนะการนิเทศ รพ.สต. รอบที่ 1 ประเด็นที่ 1
โครงสร้างการนิเทศ นิเทศ พัฒนา เขต (นิเทศ เขต) นิเทศ พัฒนา จังหวัด (นิเทศ จังหวัด) นิเทศ พัฒนา CUP (นิเทศ CUP)
ทีมนิเทศ ประกอบด้วย 1. นักวิชาการ, กรมกอง 2. ทีมจังหวัด (ที่รับผิดชอบ รพ.สต. และ SRM เขต) กระบวนการนิเทศ แบ่งเป็น 1. กระบวนการนิเทศแบบแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 2. กระบวนการนิเทศผ่านโครงสร้างปกติ
กระบวนการนิเทศแบบแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ข้อดีและข้อเสีย
ข้อดี 1.มีตัวอย่างความสำเร็จของการพัฒนา เห็นตัวบริบท / ความหลากหลายของพื้นที่ ได้ความสัมพันธ์ / เครือข่าย / พี่ช่วยน้อง 2. เกิดความเชื่อมโยงในการพัฒนา 3. ต่อยอดความรู้ / การพัฒนาได้ตามบริบทของ ตัวเอง 4. การถ่ายทอดนโยบายชัดเจน 5. คนทำงานเกิดขวัญกำลังใจ 6. ผู้บริหารระดับสูงเห็นปัญหาของพื้นที่ด้วย ตนเองและสั่งแก้ไขปัญหาทันที
ข้อดี 7. ลดช่องว่างของการนิเทศเขตกับจังหวัด 8. ประสานช่องว่างของการทำงาน (บูรณา การ) ข้อเสีย 1. ใช้เวลามาก 2. งบประมาณไม่สอดคล้องกับภารกิจ (รูปแบบการ นิเทศ) บางเขต
กระบวนการนิเทศแบบผ่านโครงสร้างปกติ ข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีข้อเสีย 1. ใช้ระยะเวลาสั้นกว่า กระบวนการนิเทศแบบ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ 1. ผู้นิเทศไม่มีความ เข้าใจในงานและ บริบท 2. สนใจเฉพาะเรื่องของ ตัวแยกส่วน / ไม่สนใจ ภาพรวม 3. มีช่องว่างระหว่างผู้ นิเทศและผู้ถูกนิเทศ (มีปัญหาการสื่อสาร (สู่ผู้ปฏิบัติจริง))
ข้อสังเกต ประเด็นที่สำคัญ *** การแก้ปัญหาในงาน (ควรมี) (SHOULD) มีศักยภาพในการคิดเชิงระบบ *** การแก้ปัญหาในบริบท (ควรมี) (SHOULD) มีหัวใจของความเป็นมนุษย์ (เข้าใจเขา - เข้าใจเรา)
ข้อเสนอแนะการนิเทศ รพ. สต. รอบที่ 1 1. ปรับรูปแบบการนิเทศให้เป็นการนิเทศแบบสร้าง การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 2. พัฒนาโครงสร้างกลไกการนิเทศ ( สำนักดูแล ปฐมภูมิ ) ของงานทั้งหมด ทั้งระดับจังหวัดและเขต 3. มีเครื่องมือที่ใช้เป็นสื่อกลางการนิเทศ ( สื่อโดย แผน 4) ( แผนลงทุน, แผนกำลังคน, แผนพัฒนา ระบบบริการ, แผนคุณภาพ ) 4. มีเวทีสะท้อนกลับถึงผลในกลุ่มผู้ปฏิบัติ ( การ สื่อสาร 2 ทาง ) 5. มีแนวทางการนิเทศชัดโดยการปรับจากตัวชี้วัด ระดับ
6. ควรจัดงบประมาณตามรูปแบบการนิเทศ 7. มีการเตรียมผู้นิเทศให้เข้าใจ * งานปฐมภูมิ / รพ.สต. (แนวคิด, การเชื่อมโยง, แนว ทางการพัฒนา) * บริบทของพื้นที่ 8. พัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับปฐมภูมิให้กับคนทำงานทุก ระดับ เพื่อให้มีความพร้อมในการพัฒนา (มีการสื่อสาร นโยบายทางวิชาการ) 9. พัฒนาเจตนารมณ์ของตัวชี้วัดแต่ละข้อ รวมทั้งสื่อสาร นโยบายให้เกิดความเข้าใจอย่างชัดเจนเป็นแนวทางเดียวกัน 10. พัฒนาบทบาท CPU ในการพัฒนาปฐมภูมิ 11. Reconstruct โครงสร้างองค์กรในการทำงาน (องค์กร ประกอบของหน่วยประจำ) 12. การพัฒนาบริการต้องไม่ยึดติดกับการรักษาโรคมาก เกินไป
ประเด็นที่ 2 การจัดงบประมาณให้ รพ.สต. ที่เป็น ธรรม โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ ข้อเสนอแนะทั้ง 12 ข้อ จะนำไปสู่การตอบ โจทย์หัวข้อที่ 2 คือเกิดความโปร่งใส ความเป็นธรรม และมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้หากมีแผนที่ดี จะทำให้ความเป็นธรรม โปร่งใส และมีประสิทธิภาพเกิดขึ้นได้ อันได้แก่ *** แผนลงทุน *** แผนกำลังคน *** แผนพัฒนาระบบบริการ *** แผนคุณภาพ
ประเด็นที่ 3 การรักษาเบื้องต้น ระบบให้คำปรึกษา ทางไกล การเชื่อมต่อข้อมูลระบบส่งต่อระหว่างชุมชน สอ. และ รพ. วิธีการต่างๆที่ปฏิบัติอยู่ 1. พัฒนาด้วยการอบรมพยาบาลเวชปฏิบัติทั่วไป (Nurse Practitioner - NP) 2. พัฒนา Infrastructure *** เครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ *** Web camera *** Skype *** Mobile phone 3. พัฒนาแนวปฏิบัติทางคลินิก (Clinical Practice Guideline - CPG)
4. พัฒนาเวชภัณฑ์ 5. พัฒนาระบบเชื่อมโยงฐานข้อมูลผู้ป่วย (Patient) ระหว่างปฐมภูมิกับฑุติยภูมิ เพื่อ นำไปสู่ * Patient Care Management (การใช้ ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง) * ลดความแออัด (รพ.) * พัฒนาประสิทธิภาพและบทบาทปฐม ภูมิ * สร้างศรัทธาให้กับปฐมภูมิ * สร้างความสัมพันธ์ระหว่างปฐมภูมิ และฑุติยภูมิ
ประสิทธิภาพ การรักษาเบื้องต้น ระบบให้คำปรึกษาทางไกล การเชื่อมต่อข้อมูลระบบส่งต่อ ระหว่างชุมชน สอ. และ รพ. พัฒนา NP พัฒนา CPG พัฒนา Infrastructure พัฒนา เวชภัณฑ์ พัฒนาเชื่อม โยมฐานข้อมูล ผู้ป่วย
ข้อเสนอแนะการแก้ปัญหาทั้งระบบ *** ควรมีวาระนโยบาย (Policy Agenda) ที่ ไม่ยึดติดกับการเมืองหรือรัฐบาลแต่ละสมัย *** สร้างเกณฑ์ความเข้าใจ 4 หมวด 22 ข้อ ให้ชัดเจน เพื่อนำไปสู่ความชัดเจนเชิง นโยบายสู่ปฏิบัติ (Clearly Policy to Practice – CP2P)