การเรียนวิทยาศาสตร์ของนักเรียน ส่วน หนึ่งมาจากนักเรียนมีพื้นฐานความรู้ ที่ แตกต่างกัน มีความสนใจและความสามารถ ในการรับรู้ แตกต่างกัน นักเรียนบางส่วน ขาดความตระหนักไม่เห็นความสำคัญของ วิชาวิทยาศาสตร์และคิดว่ามันเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะเรื่องพันธุกรรม การเรียน นักเรียนต้องปฏิบัติจริงจึงจะเกิด กระบวนการเรียนรู้ และสร้างองค์ความรู้ได้ แต่นักเรียนยังขาดส่วนนี้ ส่วนครูผู้สอนก็มี ภาระงานมาก ไม่มีเวลาเตรียมการสอน
การสอนมุ่งเนื้อหาไม่ได้มุ่งเน้นกระบวนการ เรียนรู้ บรรยากาศการเรียนการสอนไม่ กระตุ้นให้นักเรียนสนใจที่จะเรียน การสอน เน้นแต่การท่องจำไม่เน้นปฏิบัติ ครูไม่สนใจ และให้ความสำคัญกับนักเรียนน้อย ครูผู้สอนไม่คำนึงถึงพื้นฐานของผู้เรียน ไม่ ปรับพื้นฐานให้นักเรียน นักเรียนแต่ละคน ได้รับการปฏิบัติอย่างเดียวกัน โดยไม่ คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ( รุ่ง แก้วแดง : ) นักเรียนจึงเรียน ด้วยความเบื่อหน่ายและไม่สนุกกับการเรียน จึงทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ
เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของแผนการจัด กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 4 MAT และกิจกรรม การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น เรื่อง พันธุกรรม รายวิชาวิทยาศาสตร์ประยุกต์ ชั้น ปวช.2 ตามเกณฑ์ 75/75 เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัด กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 4 MAT และกิจกรรม การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณา การ และเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ของนักเรียน ระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบวัฏจักร การเรียนรู้ 4 MAT และกิจกรรมการเรียนรู้แบบ สืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น
จากสภาพการเรียนการสอนดังกล่าวทำให้ ผู้วิจัยได้ศึกษาค้นคว้าแนวคิดวิธีการ และ งานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาเป็นแนวทาง ในการดำเนินการวิจัยซึ่งสามารถเขียน ออกมาเป็นกรอบแนวคิดได้ดังนี้ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องพันธุกรรม รายวิชา วิทยาศาสตร์ประยุกต์ ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ขั้นบรูณา การและเจตคติต่อการ เรียนวิทยาศาสตร์ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบวัฎจักรการเรียนรู้ 4 MAT และการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ แบบสืบ เสาะหาความรู้ 7 ขั้น
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบวัฏจักร การเรียนรู้ 4 MAT และกิจกรรมการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น เรื่อง พันธุกรรมรายวิชาวิทยาศาสตร์ประยุกต์ ชั้น ปวช.2 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ / และ / ตามลำดับ ดังนี้ ผู้เรียนได้ค่าเฉลี่ยจากการปฏิบัติกิจกรรม การทำแบบฝึกหัด และการทำแบบทดสอบ ย่อยประกอบกิจกรรมการเรียนรู้แบบวัฏจักร การเรียนรู้ 4 MAT เรื่อง พันธุกรรม คิดเป็น ร้อยละ 79.17
ได้ค่าเฉลี่ยจากการทำแบบทดสอบวัดผล สัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง พันธุกรรม คิด เป็นร้อยละ ผู้เรียนได้ค่าเฉลี่ยจากการทำแบบฝึกหัด การปฏิบัติทดลอง และการทำแบบทดสอบ ย่อยประกอบกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบ เสาะหาความรู้ 7 ขั้น คิดเป็นร้อยละ ได้ค่าเฉลี่ยจากการทำแบบทดสอบวัดผล สัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง พันธุกรรม คิด เป็นร้อยละ 81.67
ครูผู้สอนควรนำรูปแบบการพัฒนาการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ไปใช้ร่วมเพื่อนำแนวทางการพัฒนาไป ประยุกต์ใช้กับเนื้อหาวิชาและระดับชั้นอื่น ๆโดยการ ปรับระยะเวลาที่ใช้หรือยืดหยุ่นตามความเหมาะสม กับสภาพของโรงเรียนและห้องเรียน ควรศึกษาเปรียบเทียบแผนการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 4 MAT และกิจกรรม การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น ที่ ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นกับวิธีสอนอื่นๆว่ามีความแตกต่างต่อ การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการและเจต คติต่อวิทยาศาสตร์ที่เหมือนกันหรือแตกต่างกัน ครูควรนำการทดลองนี้ไปใช้เรียนกับรูปแบบอื่นเพื่อ พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ และเจตคติต่อ วิทยาศาสตร์ต่อไป 7