ทฤษฎีพัฒนาการทางความคิด (Cognitive Theories) ของเพียเจท์
เพียเจท์เชื่อว่าโดยธรรมชาติแล้วมนุษย์ทุกคนมีความพร้อมที่จะมีปฏิสัมพันธ์และปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมตั้งแต่เกิด เพราะมนุษย์ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมซึ่งต้องมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ผลจากกระบวนการดังกล่าวจะทำให้มนุษย์เกิดพัฒนาการของเชาวน์ปัญญา
ธรรมชาติของมนุษย์มีพื้นฐานติดตัวตั้งแต่กำเนิด 2 ชนิด คือ ธรรมชาติของมนุษย์มีพื้นฐานติดตัวตั้งแต่กำเนิด 2 ชนิด คือ 1. การจัดและรวบรวม (organization) 2. การปรับตัว (adaptation) 2.1 การซึมซาบหรือดูดซึมประสบการณ์ (assimilation) 2.2 การปรับโครงสร้างทางเชาวน์ปัญญา (accomodation)
องค์ประกอบสำคัญที่เสริมพัฒนาการทางสติปัญญา 4 องค์ประกอบคือ วุฒิภาวะ (maturation) ประสบการณ์ (experience) การถ่ายทอดความรู้ทางสังคม (social transmission) กระบวนการพัฒนาสมดุลย์ (equilibration)
Piaget- devepment
Piaget’s Model
ขั้นพัฒนาการเชาว์ปัญญา ขั้นใช้ประสาทสัมผัสและกล้ามเนื้อ (sensorimotor period) อายุ 0- 2 ปี ขั้นเริ่มมีความคิดความเข้าใจ (pre-operational period) อายุ 2-7 ปี - ขั้นกำหนดความคิดไว้ล่วงหน้า (preconceptual thought) อายุ 2-4 ปี -ขั้นคิดเอาเอง (intuitive thought)อายุ 4-7 ปี
ขั้นใช้ความคิดอย่างมีเหตุผลเชิงนามธรรม (formal operational period) อายุ 11-15 ปี ขั้นใช้ความคิดอย่างมีเหตุผลเชิงรูปธรรม (concrete operational period ) อายุ 7-11 ปี
ทฤษฏีพัฒนาการเชาว์ปัญญาของเคส พัฒนาการเชาว์ปัญญาเป็นไปตามขั้น (เหมือนทฤษฏีเพียเจท์) พัฒนาการเชาว์ปัญญาเกิดขึ้นเพราะ การเปลี่ยนแปลง
ทฤษฏีพัฒนาการเชาว์ปัญญาของวิก็อทสกี้ เขากล่าวว่า การเข้าใจพัฒนาการของมนุษย์ จะต้องเข้าใจวัฒนธรรมที่เด็กได้รับการอบรม เลี้ยงดู มนุษย์จะได้รับอิทธิพลจาก “วัฒนธรรม” พัฒนาการเชาว์ปัญญาของเด็ก จะเพิ่มขึ้นก็ต่อเมื่อการได้รับความช่วยเหลือ จากผู้ใหญ่หรือผู้ใกล้ชิด
วิก็อทสกี้ แบ่งระดับสติปัญญาเป็น 2 ขั้นคือ 1.ระดับเชาว์ปัญญาขั้นเบื้องต้น (Elementary mental Processes) เป็นไปตามธรรมชาติไม่ต้องเรียนรู้ 2.ระดับเชาว์ปัญญาขั้นสูง (Higher mental processes) หมายถึง เชาว์ปัญญาที่เกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์กับ ผู้ใหญ่ที่ให้การอบรมเลี้ยงดูถ่ายทอดวัฒนธรรมให้โดยใช้ภาษา
บทบาทของภาษาในพัฒนาการเชาว์ปัญญา 1.ภาษาสังคม (Social Speech) แรกเกิด-3 ขวบ 2.ภาษาที่พูดกับตนเอง (Egocentric Speech) 3 – 7 ขวบ มีบทบาทสำคัญในการประสานความคิดและพฤติกรรม 3.ภาษาที่พูดในใจเฉพาะตนเอง(Inner Speech) 7 ขวบขึ้นไป เป็นตัวแปรสำคัญในการพัฒนาการเชาว์ปัญญาขั้นสูง
สรุป วิก็อทสกิ้เน้นความสำคัญของสังคมและ วัฒนธรรมต่อการเรียนรู้ และพัฒนาการทางเชาว์ปัญญามาก และถือว่าการเรียนรู้เกิดจากปฏิสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างเด็กและผู้ใหญ่ (พ่อแม่ หรือครู) และเพื่อนในขณะที่เด็กอยู่ในสภาพสังคม (Social Context)
ขอขอบคุณ จาก... นายณรงค์ศักดิ์ พรมวัง นางอรุณรุ่ง โยธสิงห์ สวัสดี ขอขอบคุณ จาก... นายณรงค์ศักดิ์ พรมวัง นางอรุณรุ่ง โยธสิงห์ สวัสดี