ชื่อกลุ่ม เด็กผู้หญิง จัดทำโดย นางสาว อักษราภัค อุปคำ ม เลขที่ 8 นางสาว อักษราภัค อุปคำ ม เลขที่ 8 นางสาว พัชราพร พวงอินใจ ม เลขที่ 23 นางสาว พัชราพร พวงอินใจ ม เลขที่ 23 นางสาว ศรุตา โลหะจันที ม เลขที่ 38 นางสาว ศรุตา โลหะจันที ม เลขที่ 38
เทคโนโลยีมีความสัมพันธ์ กับวิทยาศาสตร์ อย่างไร ……
ความสัมพันธ์ของวิทยาศาสตร์กับเทคโนโลยี จากความหมายของคำว่า " วิทยาศาสตร์ " และ ความหมายของคำว่า " เทคโนโลยี " ที่กล่าวมา ข้างต้นจะเห็นว่า วิทยาศาสตร์เป็นความรู้ที่นำไปใช้ อธิบายได้ว่า ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น เช่น นักชีววิทยา จะอธิบายได้ว่า ทำไมเมื่อขวั้นและขูดเปลือกของพืช ยืนต้นออกจะมีรากงอกออกมาได้ นักฟิสิกส์ก็จะ อธิบายได้ว่า ทำไมเมื่อขดลวดตัดสนามแม่เหล็ก จึง มีกระแสไฟฟ้าเกิดขึ้น เป็นต้น ส่วนเทคโนโลยีนั้นจะ เป็นความรู้ว่าจะทำอย่างไร ตัวอย่างเช่น จะ ขยายพันธุ์พืชโดยการตอนได้อย่างไร จะผลิต กระแสไฟฟ้านำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร จะผลิต อุปกรณ์เครื่องใช้ เครื่องอำนวยความสะดวกในด้าน ต่าง ๆ โดยนำไฟฟ้ากระแสมาใช้ได้อย่างไร เหล่านี้ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าวิทยาศาสตร์เป็นตัวความรู้ ส่วน เทคโนโลยีนั้นเป็นการนำความรู้ไปใช้ในทางปฏิบัติ ให้เกิดสิ่งที่เป็นรูปธรรมได้ วัดได้ หรือจับต้องได้ โดยการนำทรัพยากรธรรมชาติ ต่าง ๆ มาใช้ในทาง ปฏิบัติ
ระบบเทคโนโลยี ประกอบด้วยอะไรบ้าง
แรม (RAM) RAM ย่อมาจากคำว่า Random-Access Memory เป็นหน่วยความจำของระบบ มีหน้าที่รับข้อมูล เพื่อส่งไปให้ CPU ประมวลผลจะต้องมีไฟเข้า Module ของ RAM ตลอดเวลา ซึ่งจะเป็น chip ที่เป็น IC ตัวเล็กๆ ถูก pack อยู่บนแผงวงจร หรือ Circuit Board เป็น module เทคโนโลยีของหน่วยความจำมีหลักการที่แตกแยกกัน อย่างชัดเจน 2 เทคโนโลยี คือหน่วยความจำแบบ DDR หรือ Double Data Rate (DDR-SDRAM, DDR-SGRAM) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่องมาจากเทคโนโลยีของ หน่วยความจำแบบ SDRAM และ SGRAM และอีกหนึ่งคือ หน่วยความจำแบบ Rambus ซึ่งเป็นหน่วยความจำที่มี แนวคิดบางส่วนต่างออกไปจากแบบอื่น ROM คือหน่วยความจำชนิดหนึ่ง ที่มีโปรแกรม หรือข้อมูล อยู่แล้ว และพร้อมที่จะนำมาต่อกับ ไมโครโปรเซสเซอร์ได้ โดยตรง ซึ่งโปรแกรม หรือข้อมูลนั้นจะไม่สูญหายไป แม้ว่าจะไม่มีการจ่ายไฟเลี้ยงให้แก่ระบบ ข้อมูลที่เก็บอยู่ ใน ROM จะสามารถอ่านออกมาได้ แต่ไม่สามารถเขียน ข้อมูลเข้าไปได้ เว้นแต่จะใช้วิธีการพิเศษซึ่งขึ้นกับชนิด ของ ROM
ปัจจัยในด้านต่างๆที่มีผลต่อการ แก้ปัญหาหรือสนองความต้องการที่ นำเทคโนโลยีมาใช้งาน
ความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมี 5 ประการ ได้แก่ ประการแรก การสื่อสารถือเป็นสิ่งจำเป็นในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ สิ่งสำคัญที่มี ส่วนในการพัฒนากิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ประกอบด้วย Communications media, การสื่อ สารโทรคมนาคม (Telecoms), และเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ประการที่สอง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ หลักที่มากไปกว่า โทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ เช่น แฟกซ์, อินเทอร์เน็ต, อีเมล์ ทำให้สารสนเทศ เผยแพร่หรือ กระจายออกไปในที่ต่าง ๆ ได้สะดวก ประการที่สาม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีผลให้การใช้งานด้าน ต่าง ๆ มีราคาถูกลง ประการที่สี่ เครือข่ายสื่อสาร (Communication networks) ได้รับประโยชน์ จากเครือข่ายภายนอก เนื่องจากจำนวนการใช้เครือข่าย จำนวนผู้เชื่อมต่อ และจำนวนผู้ที่มีศักยภาพในการเข้าเชื่อมต่อกับเครือข่ายนับวันจะเพิ่มสูงขึ้น ประการที่ห้า เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทำให้ฮาร์ดแวร์ คอมพิวเตอร์ และต้นทุนการใช้ ICT มีราคาถูกลงมาก ความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมี 5 ประการ ได้แก่ ประการแรก การสื่อสารถือเป็นสิ่งจำเป็นในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ สิ่งสำคัญที่มี ส่วนในการพัฒนากิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ประกอบด้วย Communications media, การสื่อ สารโทรคมนาคม (Telecoms), และเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ประการที่สอง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ หลักที่มากไปกว่า โทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ เช่น แฟกซ์, อินเทอร์เน็ต, อีเมล์ ทำให้สารสนเทศ เผยแพร่หรือ กระจายออกไปในที่ต่าง ๆ ได้สะดวก ประการที่สาม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีผลให้การใช้งานด้าน ต่าง ๆ มีราคาถูกลง ประการที่สี่ เครือข่ายสื่อสาร (Communication networks) ได้รับประโยชน์ จากเครือข่ายภายนอก เนื่องจากจำนวนการใช้เครือข่าย จำนวนผู้เชื่อมต่อ และจำนวนผู้ที่มีศักยภาพในการเข้าเชื่อมต่อกับเครือข่ายนับวันจะเพิ่มสูงขึ้น ประการที่ห้า เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทำให้ฮาร์ดแวร์ คอมพิวเตอร์ และต้นทุนการใช้ ICT มีราคาถูกลงมาก
บทกลอน ดินที่พอกหางหมู มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น ๆ และถ่วงหมูให้กินอยู่หลับนอนไม่เป็นสุขยิ่ง ๆ ขึ้น ไปฉันใด การงานที่ปล่อยทิ้งไว้คั่งค้าง ก็มีแต่จะยิ่งเพิ่มมาก ขึ้น และถ่วงความเจริญก้าวหน้าทั้งแก่ตนเอง และหมู คณะฉันนั้น “ ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน หากปล่อยการงาน ให้คั่งค้าง ก็เท่ากับกำลังทำลายค่าของตนเอง ”