เรื่อง การใช้หนังสือเพื่อส่งเสริมพัฒนาการลูกรัก (เล่า) แผนกิจกรรมสำหรับพ่อแม่ ผู้เลี้ยงดู เรื่อง การใช้หนังสือเพื่อส่งเสริมพัฒนาการลูกรัก (เล่า) สำหรับเด็กอายุ 0-5 ปี
วัตถุประสงค์ มีความรู้เรื่องพัฒนาการปกติด้านภาษาการพูด มีความรู้เรื่อง เทคนิคการส่งเสริมความสามารถ ด้านภาษาและการพูดของลูก สามารถเลือกนิทานที่เหมาะสมกับวัยของลูกได้ มีแนวทางในการเล่านิทานและปลูกฝังลูกให้รัก การอ่าน
อุปกรณ์ แบบสังเกตการณ์การใช้ภาษาพูดสำหรับเด็กอายุ 0-5 ปี หนังสือนิทาน 5 เล่ม (ประกอบด้วยหนังสือนิทานตามวัย 0-5 ปี) บัตรภาพคำศัพท์หมวด อวัยวะ สัตว์ ผลไม้ สิ่งของ ชุดบัตรข้อความนิทาน เรื่อง “ยายเช้าปากกว้าง”
สาระสำคัญ การอ่านหนังสือ ให้เด็กฟังตั้งแต่ยังเป็นทารกจะช่วยสร้างความคุ้นเคยระหว่างเด็กกับหนังสือ ถือเป็นการบ่มเพาะนิสัยรักการอ่านหนังสือให้กับเด็กได้
สาระสำคัญ หนังสือ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเด็กในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านภาษา การที่เราให้เด็กดูภาพจากหนังสือ และผู้ใหญ่อ่านหนังสือให้เด็กฟัง เด็กจะคุ้นเคยกับคำและเสียง และสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างเสียง ความหมายและภาพ จะช่วยให้เด็กได้ฝึกฝนการพูด รู้จักคำศัพท์และการใช้ภาษา ส่งผลดีต่อการพัฒนาสติปัญญาของเด็ก
วิธีการดำเนินกิจกรรม กิจกรรมที่ 1 วิธีการดำเนินกิจกรรม วิทยากรให้ผู้เข้ารับการอบรมทำแบบสังเกตการณ์การเข้าใจภาษาและการพูด ตามใบกิจกรรมที่ 1 (5 นาที) วิทยากร และผู้เข้ารับการอบรมร่วมอภิปรายผลการทำแบบสังเกตการณ์การเข้าใจภาษาและการพูด (5 นาที) วิทยากรให้ความรู้เรื่อง “พัฒนาการปกติด้านการพูด” ตามใบความรู้ที่ 1 (10 นาที)
วิธีการดำเนินกิจกรรม กิจกรรมที่ 2 วิธีการดำเนินกิจกรรม วิทยากรให้ผู้เข้ารับการอบรมแบ่งกลุ่มระดมความคิดเห็น และอภิปรายเรื่อง “เทคนิคการส่งเสริมความสามารถด้านภาษาและการพูด” และให้ผู้เข้ารับการอบรมส่งตัวแทนนำเสนอความคิดเห็น ตามใบกิจกรรมที่ 2 (25 นาที) วิทยากรสรุปสิ่งที่พ่อแม่จะช่วยได้เกี่ยวกับเทคนิคการพัฒนาความสามารถด้านภาษาและการพูด ตามใบความรู้ที่ 2 (10 นาที)
วิธีการดำเนินกิจกรรม กิจกรรมที่ 3 วิธีการดำเนินกิจกรรม วิทยากรสุ่มผู้เข้ารับการอบรมให้ทำกิจกรรม “เลือกนิทานตามวัย” ตามใบกิจกรรมที่ 3 (15 นาที) วิทยากรสรุปและให้ความรู้เรื่องประโยชน์ของนิทาน และการเลือกนิทานที่เหมาะสมตามวัย ตามใบความรู้ที่ 3 (10 นาที)
กิจกรรมที่ 4 วิธีการดำเนินกิจกรรม วิทยากรให้ผู้เข้ารับการอบรมแบ่งกลุ่มเล่าเรื่องโดยใช้บัตรภาพ หรือบัตรข้อความ ตามใบกิจกรรมที่ 4 (30 นาที) วิทยากรสรุปหลักการเล่าเรื่องโดยใช้บัตรภาพหรือบัตรข้อความ และแนวทางการปลูกฝังลูกให้รักการอ่าน ตามใบความรู้ที่ 4 (10 นาที)
วิธีการดำเนินกิจกรรม กิจกรรมที่ 1 วิธีการดำเนินกิจกรรม วิทยากรให้ผู้เข้ารับการอบรมทำแบบสังเกตการณ์การเข้าใจภาษาและการพูด ตามใบกิจกรรมที่ 1 (5 นาที) วิทยากร และผู้เข้ารับการอบรมร่วมอภิปรายผลการทำแบบสังเกตการณ์การเข้าใจภาษาและการพูด (5 นาที) วิทยากรให้ความรู้เรื่อง “พัฒนาการปกติด้านการพูด” ตามใบความรู้ที่ 1 (10 นาที)
พัฒนาการปกติด้านการพูด ใบความรู้ที่ 1 พัฒนาการปกติด้านการพูด การใช้ภาษาพูด พื้นฐานของภาษาอยู่ในสมองของเด็ก แม้เด็กหูหนวกก็ยังส่งเสียงอ้อแอ้เช่นเดียวกับเด็กปกติในวัยเดียวกัน นักทฤษฎีบางคนเชื่อว่า สมองเรามี “กลไกการสร้างคำ” รอพร้อมอยู่แล้ว
พัฒนาการปกติด้านการพูด ใบความรู้ที่ 1 พัฒนาการปกติด้านการพูด การใช้ภาษาพูด ภาษาและการใช้ภาษาพูดเกี่ยวพันกันอย่างแยกไม่ออก เราพอจะจำกัดความได้ว่า ภาษาคือ สัญลักษณ์ในการออกเสียง ส่วนการใช้ภาษาพูดนั้นก็คือ การแสดงความรู้สึกภายในออกมา ทั้งสองเรื่องสะท้อนสัญชาตญาณความต้องการสื่อสารของมนุษย์
พัฒนาการด้านการพูดในเด็กแรกเกิดถึง 5 ปี ร้องไห้แสดง ความต้องการ เช่น หิว เปียก ตกใจ อายุ 0-2 เดือน
พัฒนาการด้านการพูดในเด็กแรกเกิดถึง 5 ปี เสียงอ้อแอ้ ส่งเสียง ด้วยความพอใจ ส่งเสียงเพื่อ สื่อสารกับผู้อื่น อายุ 2-2 ½ เดือน อายุ 5-6 เดือน
พัฒนาการด้านการพูดในเด็กแรกเกิดถึง 5 ปี เลียนแบบ การออกเสียง และพูดคำที่มี ความหมาย พูดคำที่ยาว 2 พยางค์ หรือคำ 2 คำ รวมกันเป็นวลี หรือประโยค อายุ 10-18 เดือน อายุ 12-24 เดือน
พัฒนาการด้านการพูดในเด็กแรกเกิดถึง 5 ปี อายุ 3-4 ปี ใช้คำได้ทุกประเภทเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนคำและพยางค์ พูดเป็นประโยค ตอบคำถาม อะไร ใคร ทำไม อย่างไร และคำถามที่ต้องใช้เหตุผลประกอบ ใช้ถาม อะไร ทำไม ใช้คำต่างๆ มาเรียบเรียงเป็นประโยคที่ยาวและซับซ้อนมากขึ้น
พัฒนาการด้านการพูดในเด็กแรกเกิดถึง 5 ปี อายุ 3-4 ปี สนทนาได้นานขึ้น และมีการตอบรับมากกว่าปฏิเสธ ออกเสียงสระ พยัญชนะ และวรรณยุกต์ ชัดเจนมากขึ้น เล่าเรื่องแบบถามคำตอบคำไม่เป็นเรื่องราวต่อเนื่อง
พัฒนาการด้านการพูดในเด็กแรกเกิดถึง 5 ปี อายุ 4-5 ปี พูดคำนามได้เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นคำศัพท์ที่ได้จากการพบเห็นนอกเหนือจากชีวิตประจำวันทั้งสิ่งใกล้ตัวและไกลตัว การพูดหรือตอบคำวิเศษณ์และคำบุพบทอาจสับสน อยู่บ้าง ใช้คำลักษณะนามมากขึ้นโดยมักใช้ กับสิ่งที่คุ้นเคย
พัฒนาการด้านการพูดในเด็กแรกเกิดถึง 5 ปี อายุ 4-5 ปี สามารถจัดเรียงคำในประโยคได้อย่างถูกต้อง ตอบคำถามต่างๆ ได้ทุกคำถาม เช่น อะไร ใคร ทำไม ที่ไหน อย่างไร เท่าไร เมื่อไหร่ ชอบใช้คำถามถามในสิ่งที่ตนอยากรู้หรือสงสัยเสมอโดยไม่สนใจคำตอบ
พัฒนาการด้านการพูดในเด็กแรกเกิดถึง 5 ปี อายุ 4-5 ปี เล่าเรื่องในลักษณะจับใจความสำคัญของเรื่องมาเล่า เล่าเรื่องที่ประสบมาเสริมตาม จินตนาการทำให้เรื่องเล่าเกินจริง
วิธีการดำเนินกิจกรรม กิจกรรมที่ 2 วิธีการดำเนินกิจกรรม วิทยากรให้ผู้เข้ารับการอบรมแบ่งกลุ่มระดมความคิดเห็น และอภิปรายเรื่อง “เทคนิคการส่งเสริมความสามารถด้านภาษาและการพูด” และให้ผู้เข้ารับการอบรมส่งตัวแทนนำเสนอความคิดเห็น ตามใบกิจกรรมที่ 2 (25 นาที) วิทยากรสรุปสิ่งที่พ่อแม่จะช่วยได้เกี่ยวกับเทคนิคการพัฒนาความสามารถด้านภาษาและการพูด ตามใบความรู้ที่ 2 (10 นาที)
เทคนิคการส่งเสริมความสามารถด้านภาษาและการพูดของลูก ใบความรู้ที่ 2 เทคนิคการส่งเสริมความสามารถด้านภาษาและการพูดของลูก
ภาษาพัฒนาได้อย่างไร อายุ 0-6 เดือน แสดงความรัก ให้ความอบอุ่น ขณะที่สัมผัสหรือโอบอุ้ม น้ำเสียงนุ่มนวล เปิดเพลง เลียนแบบการเล่นเสียง
ภาษาพัฒนาได้อย่างไร อายุ 6-12 เดือน พูดคำง่ายๆ และคุ้นเคย ในสถานการณ์ขณะนั้น และให้โอกาสเลียนแบบ ฟังเสียงต่างๆ ในสิ่งแวดล้อม หัดพูดกับของเล่นที่ช่วยส่งเสริมการพูด
ภาษาพัฒนาได้อย่างไร อายุ 12-18 เดือน เรียนรู้ภาษาตามประสบการณ์ บอกชื่อ กิริยาท่าทาง ความรู้สึก รูปร่าง คุณสมบัติเฉพาะของสิ่งนั้นๆ และให้โอกาสเลียนแบบ อ่านหนังสือให้ฟัง พร้อมทั้งอธิบายภาพ
ภาษาพัฒนาได้อย่างไร อายุ 18-24 เดือน ฟังเทปเพลง ดนตรี นิทานภาพ ไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ ใช้ของเล่นที่มีการพูดสนทนาโต้ตอบกัน
ภาษาพัฒนาได้อย่างไร อายุ 2-3 ปี ให้โอกาสพูดคุย สนทนาเรื่องต่างๆ แก้ไขการพูด เป็นแบบอย่างเมื่อเด็กพูดผิด ทำกิจกรรม เล่นสำรวจสิ่งต่างๆ เคาะจังหวะ เต้นรำ ฟังนิทาน จัดสมุดถ่ายภาพ ปั้นดินเหนียว เล่นส่งจดหมาย
ร้องเล่นเป็นทำนองเพลง เล่นเกมส์ แล้วสนทนาเกี่ยวกับกิจกรรมนั้นๆ ภาษาพัฒนาได้อย่างไร อายุ 3-4 ปี เล่าเรื่อง อ่าน ร้องเล่นเป็นทำนองเพลง เล่าเรื่องจากภาพ เล่นกับเพื่อน เล่นกับเพื่อน เล่นเกมส์ แล้วสนทนาเกี่ยวกับกิจกรรมนั้นๆ
ภาษาพัฒนาได้อย่างไร อายุ 4-5 ปี ดูโทรทัศน์ในรายการที่เหมาะสม พูดคุย ขยายคำพูดของเด็ก ใช้สมุดภาพ ฝึกออกเสียงที่ไม่ชัด ฝึกความจำ เล่นเกมส์ แล้วสนทนาเกี่ยวกับกิจกรรมนั้นๆ
วิธีการดำเนินกิจกรรม กิจกรรมที่ 3 วิธีการดำเนินกิจกรรม วิทยากรสุ่มผู้เข้ารับการอบรมให้ทำกิจกรรม “เลือกนิทานตามวัย” ตามใบกิจกรรมที่ 3 (15 นาที) วิทยากรสรุปและให้ความรู้เรื่องประโยชน์ของนิทาน และการเลือกนิทานที่เหมาะสมตามวัย ตามใบความรู้ที่ 3 (10 นาที)
ประโยชน์ของหนังสือนิทานและการเลือกหนังสือนิทานตามวัย ใบความรู้ที่ 3 ประโยชน์ของหนังสือนิทานและการเลือกหนังสือนิทานตามวัย
ประโยชน์ของหนังสือนิทาน ด้านร่างกาย จากการอ่านหนังสือให้เด็กฟัง เด็กจะได้ บริหารร่างกายตามเรื่องราวของหนังสือ ทำให้อวัยวะส่วน ต่าง ๆ ของร่างกายแข็งแรง ด้านอารมณ์และจิตใจ จากการอ่านหนังสือให้เด็กฟัง เด็กจะรู้สึกสนุกและมีความสุขที่ได้ฟังเรื่องราวหรือท่อง บทกลอนและแสดงท่าทางอย่างอิสระตามความต้องการ เด็กจะมีอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส
ประโยชน์ของหนังสือนิทาน ด้านสังคม สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวและสังคม รอบด้าน ด้านสติปัญญา การอ่านหนังสือจะช่วยให้เด็กสามารถ จดจำถ้อยคำ จำประโยคและเรื่องราวในหนังสือได้ รู้จักเลียนแบบคำพูด เข้าใจความหมายของเรื่องที่อ่าน รู้จักคิดและรู้จักจินตนาการ
ประโยชน์ของหนังสือนิทาน ด้านภาษา การที่ให้เด็กได้มีโอกาสดูหนังสือภาพและผู้ใหญ่อ่านคำอธิบายประกอบภาพ ซึ่งอาจจะเป็นคำๆ คำสัมผัสคล้องจองหรือเป็นประโยคอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับภาพให้เด็กฟัง ให้เด็กได้คุ้นเคยกับคำและเสียง และสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างเสียง ความหมาย และภาพ จะช่วยให้เด็กได้ฝึกฝนการพูด รู้จักคำศัพท์และการใช้ภาษา ตลอดจนรู้จักสังเกตรายละเอียดต่าง ๆ ของภาพและหาความหมายจากภาพ
การเลือกหนังสือนิทานตามวัย วัยแรกเกิด - 3 เดือน หนังสือที่เหมาะสมสำหรับทารกในวัยนี้ ควรเป็นหนังสือที่มีรูปภาพโต ๆ และชัดเจน มีสีสัน หรือสีขาวดำตามแบบภาพเหมือนจริง ควรทำด้วยกระดาษหนา ๆ และมีความทนทาน หรือเป็นหนังสือนุ่มนวล เช่น หนังสือผ้า หนังสือพลาสติก หนังสือฟองน้ำ เป็นต้น
การเลือกหนังสือนิทานตามวัย วัย 4 - 6 เดือน หนังสือที่เหมาะสมสำหรับทารกในวัยนี้ ควรเป็นหนังสือที่มีรูปภาพสีสดตัดกับสีพื้น ทำด้วยผ้า หรือกระดาษแข็งๆ เป็นภาพสิ่งของใกล้ตัวเด็ก หรือสิ่งที่เด็กวัยนี้รู้จักมักคุ้นดี
การเลือกหนังสือนิทานตามวัย วัย 7 - 9 เดือน หนังสือที่เหมาะสมกับวัยนี้ ควรเป็นหนังสือเล่มหนาแต่มีขนาดกระทัดรัดเหมือนแท่งสี่เหลี่ยม ทำด้วยกระดาษหนา ๆ เพราะจับได้เต็มมือ เปิดพลิกได้ง่าย และมีความทนทาน ภาพภายในหนังสือชัดเจน และมีเรื่องราวง่ายๆ เป็นเรื่องใกล้ตัวเด็ก
การเลือกหนังสือนิทานตามวัย วัย 9 - 12 เดือน หนังสือที่เหมาะสมกับวัยนี้ ควรเป็นหนังสือที่มีขนาดเล็กกระทัดรัด ทำด้วยกระดาษแข็งอาบมันและเปิดเองได้ง่าย แต่ควรเลือกเนื้อเรื่องที่น่าสนใจด้วย เพราะเนื้อเรื่องจะเริ่มดึงดูดความสนใจของเด็ก เด็กเริ่มรู้จักจำ เริ่มเข้าใจและรู้จักเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างวัตถุกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น หนังสือที่มีรูปภาพที่คุ้นตากับกิจกรรมต่าง ๆ ที่เด็กเคยทำ
การเลือกหนังสือนิทานตามวัย วัย 1 ขวบ หนังสือสำหรับวัยนี้เป็นเหมือนของเล่นชิ้นหนึ่ง เด็กเห็นหนังสือเป็นของสี่เหลี่ยมที่มีภาพติดอยู่และเปิดได้ พอเปิดดูข้างในก็มีภาพต่างๆ หลากสี เรียงรายกันอยู่ในแต่ละหน้า เด็กจะสนุกกับการค้นพบสิ่งต่างๆ ที่ปรากฏแก่สายตา ถ้าเปิดหน้าไหนแล้วพบกับสิ่งที่เด็กรู้จัก เด็กก็จะยิ่งสนใจมาก ส่งเสียงร้อง เลียนเสียงของสิ่งต่างๆ ใช้นิ้วจิ้มภาพเหล่านั้นด้วยความสนุก
การเลือกหนังสือนิทานตามวัย วัย 1 ขวบ หนังสือที่เหมาะสมกับวัยนี้จึงควรเป็นภาพเหมือนของรูปสิ่งของในชีวิตประจำวัน ผลไม้ สัตว์ สิ่งของ มีความสวยงาม ดูแล้วรู้สึกประทับใจ ไม่ควรเป็นภาพนามธรรมหรือภาพสีลูกกวาดที่ไม่มีความหมาย ไม่ควรมีส่วนประกอบภาพที่รกรุงรัง
การเลือกหนังสือนิทานตามวัย วัย 2 ขวบ เด็กแต่ละคนในวัยนี้เริ่มมีความชอบแตกต่างกัน แล้วแต่สภาพแวดล้อมที่ถูกเลี้ยงดู วัยนี้เป็นวัยที่เด็กมีประสาทหูดีมาก จะจดจำเสียงต่างๆ หรือดนตรีได้ดี หนังสือที่เหมาะกับเด็กวัยนี้คือหนังสือภาพที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน เกี่ยวกับสัตว์และสิ่งของ การใช้ภาษาเป็นจังหวะหรือคำกลอนสำหรับเด็ก
การเลือกหนังสือนิทานตามวัย วัย 3 ขวบ เด็กวัยนี้มีพัฒนาการทางภาษาที่รวดเร็วอย่างน่าทึ่ง มีจินตนาการสร้างสรรค์ และมีความอยากรู้อยากเห็น สามารถติดตามและเข้าใจเรื่องเล่าต่างๆ ได้ดี หากเด็กวัยนี้ได้รับประสบการณ์ทางภาษาและภาพจะเป็นพื้นฐานการสร้างนิสัยรักการอ่านในอนาคต
การเลือกหนังสือนิทานตามวัย วัย 3 ขวบ หนังสือที่เหมาะกับวัยนี้ควรเป็นหนังสือที่ภาพและเรื่องประสานกลมกลืนกันเป็นอย่างดี เวลาเด็กดูหนังสือเขาไม่ดูอย่างคนภายนอกแต่จะสมมุติตัวเองเป็นตัวละครในเรื่องและเข้าไปอยู่ในเนื้อเรื่องด้วย ภาพของหนังสือที่ดีต้องเป็นภาพที่เล่าเรื่องได้ เมื่อพลิกดูภาพทั้งหมดโดยไม่อ่านคำบรรยายก็เข้าใจโครงเรื่องทั้งหมด ภาพควรมีรายละเอียดมากพอที่จะสื่อสารได้
การเลือกหนังสือนิทานตามวัย วัย 4 ขวบ เด็กวัยนี้จะพัฒนาความสามารถทางภาษารวดเร็วมาก วัยนี้เป็นวัยที่สร้างพื้นฐานทางด้านจินตนาการสร้างสรรค์ เมื่อเด็กได้ฟังนิทานในหัวของเขาก็จะวาดภาพไปตามเรื่องราวที่ได้ยิน หนังสือที่มีภาพจะช่วยให้เด็กสามารถจินตนาการต่อเติมได้ง่าย
การเลือกหนังสือนิทานตามวัย วัย 5 ขวบ เด็กวัยนี้จะชอบหนังสือภาพนิทานและเรื่องเล่าที่ยาวขึ้น เด็กต้องการฟังนิทานมาก และมักจะมีเล่มโปรดที่ต้องการฟัง – ดู ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดีของการรักหนังสือต่อไป
กิจกรรมที่ 4 วิธีการดำเนินกิจกรรม วิทยากรให้ผู้เข้ารับการอบรมแบ่งกลุ่มเล่าเรื่องโดยใช้บัตรภาพ หรือบัตรข้อความ ตามใบกิจกรรมที่ 4 (30 นาที) วิทยากรสรุปหลักการเล่าเรื่องโดยใช้บัตรภาพหรือบัตรข้อความ และแนวทางการปลูกฝังลูกให้รักการอ่าน ตามใบความรู้ที่ 4 (10 นาที)
ใบความรู้ที่ 4 เทคนิคการเล่านิทาน เล่านิทานที่ไหนดี เลือกสถานที่ ที่ไหนก็ได้ สะดวกและเหมาะสมกับกลุ่มผู้ฟัง
ใบความรู้ที่ 4 เทคนิคการเล่านิทาน เล่านิทานอย่างไรให้สนุกตื่นเต้น มีความหนักเบา เน้นคำให้ชัดเจน มีช่วงจังหวะช้าเร็วตามเนื้อเรื่อง น้ำเสียง แสดงสีหน้าตามบทบาทและอารมณ์ของตัวละครอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าท่าทาง
ใบความรู้ที่ 4 เทคนิคการเล่านิทาน เล่านิทานอย่างไรให้สนุกตื่นเต้น การสบตา สบตาผู้ฟังให้ทั่วถึง การมีส่วนร่วม หยิบ จับ สัมผัส สื่อหรือออกเสียงท่าทางประกอบตัวละครไปพร้อมกับผู้เล่า
ใบความรู้ที่ 4 เทคนิคการเล่านิทาน เล่านิทานอย่างไรให้สนุกตื่นเต้น เปิดโอกาสให้ซักถาม เปิดโอกาสให้ถาม หรือใช้คำถามนำช่วยกระตุ้นให้ผู้ฟังตอบและอยากมีส่วนร่วม การปรบมือ กล่าวชมเชย ให้รางวัล เมื่อผู้ฟังมีส่วนร่วม ให้แรงเสริม
วิธีการปลูกฝังลูกให้รักการอ่าน
วิธีการปลูกฝังลูกให้รักการอ่าน อุ้มลูกนั่งตัก อ่านออกเสียงสูงๆ ต่ำๆ ทำเสียงเล็กเสียงน้อย มีจังหวะหนัก เบา ขณะอ่านหนังสือให้ลูกฟัง ชี้ชวนให้ลูกดูภาพในหนังสือ หยอกเย้า กอดสัมผัส เคลื่อนไหวร่างกายลูกเหมือนในภาพ
วิธีการปลูกฝังลูกให้รักการอ่าน อ่านหนังสือให้ลูกฟังอย่างน้อยวันละ 5-15 นาที เพื่อสร้างความผูกพันในครอบครัว และช่วยให้ลูกได้ใกล้ชิดและผูกพันกับการอ่านหนังสือ
วิธีการปลูกฝังลูกให้รักการอ่าน ขณะที่อ่านหนังสือกับลูก ใช้ช่วงเวลานี้ในการพูดคุยและตั้งคำถาม เพื่อเป็นการต่อยอดความคิดของลูก เชื่อมโยงประสบการณ์ กระตุ้นให้ลูกได้ใช้ทักษะทางภาษาและความคิด
วิธีการปลูกฝังลูกให้รักการอ่าน ขณะที่อ่านหนังสือกับลูก หากลูกถามคำถาม ควรตอบคำถามของลูก ไม่ควรเฉยหรือดุ เพราะวัยเด็กเป็นวัยอยากรู้อยากเห็น การได้ถามคำถามเป็นการต่อยอดความคิดของลูก ถ้าคำถามข้อใดที่ไม่รู้ ก็พยายามหาคำตอบ โดยพยายามแสดงให้ลูกเห็นว่า การหาคำตอบของพ่อแม่นั้นสามารถหาได้จากการอ่านหนังสือ
วิธีการปลูกฝังลูกให้รักการอ่าน การเล่านิทาน ถ้าเป็นคุณพ่อ คุณแม่มือใหม่ แนะนำให้อ่านตามหนังสือทุกตัวอักษร ไม่ต้องกลัวว่าลูกจะไม่สนุก เพราะว่าถ้าหากหนังสือเล่มนั้นเนื้อหาดี วิธีการเล่าถือเป็นประเด็นรอง และใช้วิธีชี้ตัวหนังสือที่เราอ่านไปพร้อมๆ กัน จะช่วยให้เด็กจดจำในเรื่องภาษาได้ดี
วิธีการปลูกฝังลูกให้รักการอ่าน จัดมุมหนังสือในบ้าน มีมุมที่แสงสว่างเพียงพอ อากาศถ่ายเท สร้างบรรยากาศห้องสมุดในบ้าน ให้ลูกได้หัดเลือกหนังสืออ่านเอง
วิธีการปลูกฝังลูกให้รักการอ่าน จัดช่วงเวลาให้คนในครอบครัวอ่านหนังสือร่วมกัน อย่างน้อยวันละนิดก็ยังดี การทำให้ดูเป็นตัวอย่างนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่ละเลยไม่ได้
สวัสดี