Present Simple Tense วิชาภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 นางสาวลัดดา พวงมณี
ตัวชี้วัด - พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกับตนเองกิจวัตรประจำวันประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์ที่อยู่ในความ สนใจของสังคม
1. นักเรียนสามารถใช้Present Simple Tense ได้อย่างถูกต้อง จุดประสงค์ 1. นักเรียนสามารถใช้Present Simple Tense ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมกับสถานการณ์และโอกาส 2.นักเรียนสามารถใช้ Adverbs of Frequency ในประโยค Present Simple Tense ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม 3. นักเรียนสามารถเปลี่ยนคำกริยาให้อยู่ในรูปเอกพจน์โดยการเติม “s”หรือ ”es”ได้ถูกต้อง 4.นักเรียนสามารถใช้ประธานและกริยาในประโยคให้สอดคล้องกันในรูปประโยค Present Simple Tense ได้ 5.นักเรียนสามารถเปลี่ยน Present Simple Tense ในรูปประโยคบอก เล่าที่มีคำกริยาแท้ให้อยู่ในรูปปฏิเสธได้
เนื้อหา 1. ความหมายของ Present Simple Tense 3. คำบอกเวลา(adverb of frequency) 4. ทำไมคำกริยาต้องเติม “s”หรือ “es’ 5. Present Simple Tense ในรูปประโยคบอกเล่า 6. Present Simple Tense ในรูปประโยคปฏิเสธ
1.ความหมายของ Present Simple Tense
2. หลักการใช้ Present Simple Tense หลักการใช้ 1) ใช้กับเหตุการณ์ที่กระทำซ้ำๆ เป็นประเพณีและเป็นนิสัย (Repeated actions , customs and habits) 2) ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริงเสมอ (universal truth) 3) ใช้กับความสามารถ (ability) 4) ใช้แทน Future หลังคำ if , unless, in case ในขณะที่ประโยคเงื่อนไข และคำ when , until, as soon as 5) คำกริยาบางคน เราจะไม่ใช้รูป present continuous tense แม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะกำลังเกิดขึ้นหรือกำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบันก็ตาม เช่น verb to be 6) ใช้กับ adverbs of time
3. คำบอกเวลา( Adverbs of Frequency) 3. คำบอกเวลา( Adverbs of Frequency) การใช้ Adverbs of Frequency ในประโยค 1. โดยปกติจะวางคำดังกล่าวหน้า คำกริยาPresent Simple Tense นันๆไปแต่จะวางไว้หลัง is,am,are,can,must,may,shouldฯลฯ 2.ในประโยคปฏิเสธ often always ฯลฯ จะอยู่หลัง not 3.ในประโยคคำถาม often always sometimesฯลฯ อยู่หลังประธานเสมอ
จะใช้กับประโยค Present Tenseที่มีประธานเป็นเอกพจน์ 4.ทำไมต้องเติม s หรือ es ต้องแยกก่อนว่าเป็นคำนามหรือกริยา ถ้าเป็นคำนาม เติม –s, -es จะแปลว่านามตัวนั้นมีมากกว่าหนึ่งเป็นนามพหูพจน์ เช่น Students นักเรียน cars รถยนต์ แต่ถ้าคำนามนั้นลงท้ายด้วย s, s, sh, ch, x, z ก็ให้เติม –es ให้สังเกตจากเสียงถ้าเติม –s เวลาอ่านออกเสียงจะฟังดูแปลก a bus เป็น buses รถประจำทาง a glass เป็น glasses แก้ว a watch เป็น watches นาฬิกาข้อมือ ส่วนถ้าเป็นกริยาเติม s หรือ es ก็เมื่อเป็นประโยคที่เป็น Present Simple Tense เกิดขึ้นเป็นปัจจุบันเป็นปกติวิสัย ถ้าประธานเป็นเอกพจน์หรือ he she it กริยาเติม s หรือ es นามเติม s หรือ es แปลว่าเป็นนามพหูพจน์มีหลายสิ่ง ส่วน คำกริยาที่เติม s หรือ es จะใช้กับประโยค Present Tenseที่มีประธานเป็นเอกพจน์
5. Present Simple Tense ในรูปประโยคบอกเล่า ประโยคบอกเล่า หมายถึงประโยคที่พูดหรือเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟัง เช่น ฉันดื่มน้ำทุกๆวัน ในภาษาอังกฤษรูปกริยาที่ใช้ต้องเป็นช่องที่ 1 ( V .1 ) ถ้าประธานเป็นเอกพจน์กริยาต้องเติม s หรือ es ส่วนประธานพหูพจน์ ( รวมทั้ง I และ You ) กริยาไม่ต้องเติมให้คงรูปเดิม โครงสร้างประโยค Present Simple Tense ประธาน + กริยา + กรรม + คำบอกเวลา
6. Present Simple Tense ในรูปประโยคปฏิเสธ 1.ประโยคบอกเล่าที่มี verb to be สามารถทำให้เป็นประโยคปฏิเสธได้โดยการเติม not หลัง verb to be ทันที . ประโยคบอกเล่า (Affirmative) ประโยคปฏิเสธ (Negative) She is a nurse. She is not a nurse.
2. ประโยคบอกเล่าที่มี has หรือคำกริยาที่เติม s, es สามารถทำให้เป็นประโยคปฏิเสธได้โดยใช้ does not (doesn’t) วางระหว่างประธานและกริยาแท้ และกริยาแท้ต้องเปลี่ยนจาก has เป็น have หรือต้องตัด s, es ออกเพื่อกลับไปใช้กริยาช่องที่ 1 ตามเดิม ประโยคบอกเล่า (Affirmative) ประโยคปฏิเสธ (Negative) She has a pen. She does not have a pen.
ประโยคบอกเล่า (Affirmative) ( ประโยคปฏิเสธ (Negative) 3. ประโยคบอกเล่าที่มี have หรือคำกริยาที่ไม่เติม s, es สามารถทำให้เป็นประโยคปฏิเสธได้โดยใช้ do not (don’t) วางระหว่างประธานและกริยาแท้ ประโยคบอกเล่า (Affirmative) ( ประโยคปฏิเสธ (Negative) We have breakfast at 7.30. We do not have breakfast at 7.30.
1.Your train _______ (leave) at 17.25 from platform 3. Fill in the blanks with the correct form of words given: leaves 1.Your train _______ (leave) at 17.25 from platform 3. 2.Joanne ____________ (work) eight hours a day. works 3. Rain seldom _________(fall) in the Sahara. falls 4.The monsoon season ______(come)once or twice a year. comes gets 5.The weather ______(get) very cold in Moscow in the winter.
1.They …….the students. a. is b. am c. are d. was 2.Dang …….a farmer. a. is b. was c. are d. were 3.…….you and Joe students here ? a. is b. are c. Do d. Dose 4.Where …..your home,Prateep ? a. are b. was c. do d. is
5. The bird always …….in the sky. a. fly b. flys c. flyes d. flies 6. My father …….to the church every Sunday. a. go b. goes c. going d. went 7. Wilai……..the watch for her mather. a. buy b. buies c. buys d. buyes 8. I and my sister always…….six o’clock every Morning. a. get up b. gets up c. got up d. gots up
9. …… she ….to the market everyday? a. is ,go b. is, goes c. Dose , go d. Dose , goes 10. I and you ……close friends. a. am b. are c. we d. was
Thank you T h e e n d