บทที่ 4 ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร พระสมนึก บุญมายอง
Number (ตัวเลข) ในภาษาอังกฤษมีตัวเลขอยู่ 2 กลุ่ม ได้แก่ Cardinal number (ตัวนับเลข) และ Ordinal number (ตัวเลขเรียงลำดับ) Cardinal number (ตัวเลขนับ) ได้แก่ one, two, three … ตัวอย่างเช่น I have two sister = ฉันมีพี่สาวน้องสาวจำนวน 2 คน Ordinal number (ตัวเลขเรียงลำดับ) ได้แก่ first, second, third … ตัวอย่างเช่น My second brother is Tom = พี่ชายคนที่สองของฉันคือ ทอม
การทักทาย (Greeting) Informal greeting (การทักทายอย่างไม่เป็นทางการ) Hi, Hello, Hullo How are you (doing) ? / Fine, thank you. And you ? How’s everything ? (How’re things?) / All right. Formal greeting (การทักทายอย่างเป็นทางการ) Good Morning, afternoon, evening How do you do ? And how are you ? / I’m fine, thank you. And you ?
Informal Self Introductions (การแนะนำตนเองอย่างไม่เป็นทางการ) Hi, My name is Robert. / Hi, I’m Edith Hi, I’m Pat Winston. What’s your name ? / My name is Connie Francis. Formal Self Introductions (การแนะนำตนเองอย่างเป็นทางการ) I’d like to introduce myself. / How are you Mr…? I’m Clark Peterson.(Name/job) / How do you do Mr..?
Preposition (คำบุรพบท) On หมายถึง ข้างบน จะใช้นำหน้าชื่อถนน เช่น On Paholyothin Rd. และใช้บอกทิศทาง เช่น on the right. In หมายถึง ข้างใน ใช้กับอาคารสิ่งก่อสร้าง เช่น in the building. Across from หมายถึง ตรงข้าม เช่น across from the bank Between หมายถึง อยู่ระหว่างสิ่งสองสิ่ง เช่น between the bank and the school Next to หมายถึง ถัดไป เช่น next to the hospital
Grammar คำถามที่ขึ้นต้นด้วย Wh- ในที่นี้ มี 3 คำ คือ Where หมายถึง ที่ไหน เช่น where are they ? แปลว่า เขาทั้งหลายอยู่ที่ไหน ? คำตอบต้องเป็นสถานที่ เช่น they are in the post office. แปลว่า พวกเขาทั้งหลายอยู่ที่ไปรษณีย์ What หมายถึง อะไร เช่น what is your occupation ? Who หมายถึง ใคร เช่น who are they ? แปลว่า เขาทั้งหลายคือใคร ? คำตอบต้องเป็นชื่อคน
Present Simple Tense Present simple Tense คือ ประโยคที่แสดงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยมีกฎว่า ประธาน (Subject) + กริยา ช่องที่ 1 (Verb1) + (กรรม, object) ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ ได้แก่ he, she, it หรือชื่อคนๆเดียว กริยาที่ตามมาต้องเติม s หรือ es เช่น He walks to the market. = เขาเดินไปตลาด ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ ได้แก่ I, we, you, they หรือชื่อคน 2 คนขึ้นไป กริยาที่ตามมาไม่ต้องเติม s หรือ es เช่น We play football.
Present Simple Tense ในรูปประโยคปฏิเสธ และคำถาม ในรูปประโยคปฏิเสธ และคำถาม ต้องใช้ V. to do ซึ่งมี do และ does เข้าช่วย โดย do จะใช้กับประธานที่เป็นเอกพจน์ (He, She, It) ส่วน does ใช้กับประธานที่เป็นพหูพจน์ (I, You, We, They) ประโยคคำถาม ให้นำ do, does ไว้หน้าประโยค ส่วนคำตอบจะต้องตอบ Yes หรือ No เท่านั้น ! V. to have มี have กับ has แปลว่า “มี” have ใช้กับประธานที่เป็นพหูพจน์ ส่วน has ใช้กับประธานที่เป็นเอกพจน์
Grammar (ไวยากรณ์) การใช้ It’s สำหรับ วัน, วันที่, เวลา เช่น It’s Monday. = มันเป็นวันจันทร์ It’s June 2.2001. = มันเป็นวันที่ 2 เดือนมิถุนายน ปี 2001 It’s 8:20. = มันเป็นเวลา 8:20 การใช้ Is it…? ในการถามเรื่อง วัน, วันที่, เวลา เช่น Is it Friday ? = มันเป็นวันศุกร์ใช่ไหม ? Is it midnight ? = มันเป็นเวลาเที่ยงคืนใช่ไหม ? *การตอบ Yes, it is. หรือ No, it isn’t. การใช้ what time / when does..ประธาน.. ..กริยา..? เช่น What time = กี่โมง , When = เมื่อไร การใช้ what time / when is ..ประธาน..? เช่น What time is it ? = มันเป็นเวลากี่โมง ? When is your class ? = ห้องเรียนของเธอเริ่มเมื่อใด ข้อสังเกต ถ้ามี Verb (กริยา) ในประโยคคำถาม ให้ใช้ what time / when dos…?