การพัฒนาการจัดเรียนการสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด ชื่องานวิจัย การพัฒนาการจัดเรียนการสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด ที่มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชา พลังงานและสิ่งแวดล้อม ของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยเทคโนโลยีพายัพและบริหารธุรกิจ นางสาวแววดาว บุญตา แผนกสามัญ วิทยาลัยเทคโนโลยีพายัพและบริหารธุรกิจ
ที่มาและความสำคัญ การปฏิรูปการศึกษาในศตวรรษที่ 21 การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด ผู้เรียนทุกคน สามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และในการพัฒนาคนให้เป็นผู้ที่มีความรู้ มีคุณธรรมจริยธรรม ตามที่สังคมต้องการ จากการที่ผู้วิจัยได้รับมอบหมายให้สอนวิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นวิชาในหลักสูตรของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 2 เนื้อหาในรายวิชาที่มีค่อนข้างมาก ผู้เรียนไม่สามารถจดจำในสิ่งที่ตนเองได้เรียนไปได้หมด หรือจำได้น้อย ทำให้ผู้เรียนขาดความกระตือรือร้นเอาใจใส่ในการเรียน ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนยังไม่ดีเท่าที่ควร จากปัญหาดังกล่าวผู้วิจัยในฐานะครูผู้สอนจึงมีความสนใจที่จะพัฒนาการจัดเรียนการสอนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) ในรายวิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อมของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยเทคโนโลยีพายัพและบริหารธุรกิจ เพื่อให้นักศึกษาได้สามารถสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเองและมีความเข้าใจในบทเรียนและจดจำในสิ่งที่ได้เรียนรู้ให้ได้มากที่สุด
วัตถุประสงค์การวิจัย 1. เพื่อพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ วิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อม ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2. หาดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อม 3. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาการโรงแรมและการท่องเที่ยว คณะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ห้อง TI201 และ ห้อง TI202 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) ในรายวิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อม วิทยาลัยเทคโนโลยีพายัพและบริหารธุรกิจ 4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาการโรงแรมและการท่องเที่ยว คณะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ห้อง TI201 และ ห้อง TI202 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) ในรายวิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อม วิทยาลัยเทคโนโลยีพายัพและบริหารธุรกิจ
แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) กรอบแนวคิดตัวแปรการวิจัย ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม - ผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาการโรงแรมและการท่องเที่ยว คณะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ห้อง TI201 และ ห้อง TI202 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) ในรายวิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อม การจัดการเรียนรู้ แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) ความพึงพอใจของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาการโรงแรมและการท่องเที่ยว คณะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ห้อง TI201 และ ห้อง TI202 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) ในรายวิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อม
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ขอบเขตการวิจัย ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ได้แก่ นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 2 ที่เรียนวิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อม ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 วิทยาลัยเทคโนโลยีพายัพและบริหารธุรกิจ จำนวน 5 ห้อง จำนวน 141 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ใช้วิธีการคัดเลือกแบบเจาะจง คือ นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาการโรงแรมและการท่องเที่ยว คณะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ห้อง TI201 และ ห้อง TI202 ที่เรียนวิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อม ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 วิทยาลัยเทคโนโลยีพายัพและบริหารธุรกิจ จำนวน 67 คน ขอบเขตเนื้อหา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน-หลังเรียน และความพึงพอใจในของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาการโรงแรมและการท่องเที่ยว คณะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ห้อง TI201 และ ห้อง TI202 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) ในรายวิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อม วิทยาลัยเทคโนโลยีพายัพและบริหารธุรกิจ
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1. แผนการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) ในรายวิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อม สำหรับนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้นจำนวน 3 แผนการเรียนรู้ สถิติที่ใช้ในการิเคราะห์ประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ ใช้สูตรคำนวณหาค่า E1/ E2 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน (Pre-test) และหลังเรียน (Post-test) เป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก 30 ข้อ โดยเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียว ถ้าตอบถูกให้ 1 คะแนน ถ้าตอบผิดได้ 0 คะแนน (แบบทดสอบก่อนเรียน และหลังเรียน เป็นข้อสอบชุดเดียวกัน แต่นำมาสลับข้อ เพื่อป้องกันการจดจำข้อสอบ) การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ดัชนีประสิทธิผล (การหาพัฒนาการที่เพิ่มขึ้นของนักศึกษา) (Effectiveness Index : E.I) และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่า t – test แบบ dependent 3. แบบสอบถามความพึงพอใจทางการเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) ในรายวิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อม เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าความเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย (ต่อ) การหาคุณภาพของแบบทดสอบ แบบทดสอบ นำแบบทดสอบเสนอผู้เชี่ยวชาญ ตรวจสอบคุณภาพและความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา ซึ่งผลการตรวจสอบได้สัมประสิทธิ์ความสอดคล้อง (IOC) เท่ากับ 0.98 นำแบบทดสอบไป (Try out) เพื่อหาคุณภาพของข้อสอบกับนักศึกษาที่มีลักษณะใกล้เคียงกับกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 30 คน นำผลการทดสอบมาวิเคราะห์รายข้อ เพื่อหาความยากง่าย (p) ตั้งแต่ 0.20-0.80 และอำนาจจำแนก (r) ตั้งแต่ 0.20-1.00 พบว่าข้อสอบทุกข้อผ่านคุณภาพ โดยมีค่าความยากง่าย (p) ระหว่าง 0.20-0.33 และมีค่าอำนาจจำแนก (r) ทั้งฉบับ เท่ากับ 0.48 ตรวจสอบค่าความเชื่อมั่น (Reliability) โดยนำข้อสอบที่ผ่านเกณฑ์ จำนวน 30 ข้อ นำมาหาค่าความเชื่อมั่นของ แบบทดสอบ โดยใช้สูตร KR 20 ของคูเดอร์ ริชาร์ดสัน (Kuder Richardson) ผลการตรวจสอบค่าความเชื่อมั่นของ แบบทดสอบทั้งฉบับ เท่ากับ 0.99 มีความเชื่อมั่นสูง นำแบบสอบถามเสนอผู้เชี่ยวชาญ ตรวจสอบคุณภาพและความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา เสนอต่อคณะผู้เชี่ยวชาญชุดเดิมโดยใช้แบบประเมินค่าความสอดคล้อง IOC (Index of Item-Objective Congruence) นำผลจากการวิเคราะห์ค่า IOC มาหาสัมประสิทธิ์ความสอดคล้อง ซึ่งผลการตรวจสอบได้สัมประสิทธิ์ความสอดคล้อง (IOC) เท่ากับ 0.97 นำแบบสอบถามที่ทดลองใช้กับกลุ่มนักศึกษาที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 30 คน ในวิทยาลัยเทคโนโลยีพายัพและบริหารธุรกิจ ได้ค่าความเชื่อมั่น (Reliability) ค่าสัมประสิทธ์แอลฟา (α-Coefficient) เท่ากับ 0.90
ผลการวิเคราะห์/ตารางที่สำคัญ (ต่อ) ตารางที่ 4.1 วิเคราะห์หาค่าประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ จากตารางที่ 4.1 พบว่านักศึกษาที่เรียนโดยการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) วิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อม มีคะแนนเฉลี่ยจากการทำแบบทดสอบย่อยหลังเรียน (E1) เท่ากับ 24.60 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 82 ของคะแนนเต็ม และคะแนนเฉลี่ยจากแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน (E2) เท่ากับ 25.63 คิดเป็นร้อยละ 85.42 ของคะแนนเต็ม ตารางที่ 4.2 การวิเคราะห์ค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้ จากตารางที่ 4.2 พบว่าดัชนีประสิทธิผลแผนการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) วิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อม มีค่าเท่ากับ 0.75 แสดงให้เห็นว่า ผู้เรียนมีคะแนนหลังเรียนเพิ่มขึ้นจากก่อนเรียนคิดเป็นร้อยละ 75
ผลการวิเคราะห์/ตารางที่สำคัญ (ต่อ) ตารางที่ 4.3 วิเคราะห์เปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน จากตารางที่ 4.3 พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาการโรงแรมและการท่องเที่ยว คณะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ห้อง TI201 และ ห้อง TI202 จากการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) วิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อมก่อนเรียนและหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีคะแนนทดสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
ผลการวิเคราะห์/ตารางที่สำคัญ (ต่อ) ตารางที่ 4.4 วิเคราะห์ความพึงพอใจของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) วิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อมก่อนเรียน
ผลการวิเคราะห์/ตารางที่สำคัญ (ต่อ)
สรุปผลการวิจัย ผลการวิเคราะห์/ตารางที่สำคัญ (ต่อ) ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยสรุปผลการวิจัยได้ดังนี้ 1. แผนการจัดการเรียนรู้โดยการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) วิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อม มีประสิทธิภาพ (E1/ E2) เท่ากับ 82/85.42 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ 2. ดัชนีประสิทธิผลแผนการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) วิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อม มีค่าเท่ากับ 0.75 แสดงให้เห็นว่า ผู้เรียนมีคะแนนหลังเรียนเพิ่มขึ้นจากก่อนเรียนคิดเป็นร้อยละ 75 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือ ร้อยละ 50 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
สรุปผลการวิจัย (ต่อ) ข้อเสนอแนะ 3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาการโรงแรมและการท่องเที่ยว คณะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ห้อง TI201 และ ห้อง TI202 จากการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) วิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อม พบว่า คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 25.63 ค่าคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 12.51 และผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ 4. ความพึงพอใจในวิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อม ของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 2 สาขาวิชา การโรงแรมและการท่องเที่ยว คณะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ห้อง TI201 และ ห้อง TI202 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) โดยภาพรวมมีระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ข้อเสนอแนะ ข้อเสนอแนะในการนำไปใช้ 1. ผู้สอนควรศึกษาการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) ให้สอดคล้องกับกลุ่มของผู้เรียนและลักษณะของกิจกรรมการเรียนการสอนก่อนการนำแผนที่ความคิดไปใช้ 2. ครูผู้สอนควรอธิบายให้ผู้เรียนทราบถึงการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) ก่อนให้ผู้เรียนได้ลงมือทำผลงาน 3. ในการจัดการเรียนการสอนครูผู้สอนควรมีการแบ่งกลุ่มผู้เรียน โดยกำหนดให้มีทั้งกลุ่ม เก่ง ปานกลาง และอ่อน เพื่อให้ผู้เรียนได้ช่วยเหลือกันระหว่างการทำกิจกรรมในห้องเรียน
ข้อเสนอแนะ (ต่อ) ผลกระทบที่เกิดขึ้น ข้อเสนอแนะเพื่อการวิจัยครั้งต่อไป 1. ในการจัดการเรียนการสอนโดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับรายวิชาอื่น ๆ ได้ทั้งในวิชาที่เป็นวิชาสามัญทั่วไปและวิชาชีพ เพราะการทำกิจกรรมแผนที่ความคิดทำให้ผู้เรียนได้ฝึกการทำงานของสมองซีกซ้ายและสมองซีกขวา ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงเนื้อหาความรู้ และจดจำสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดจากการเรียนรู้ได้รวดเร็วและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น 2. ควรมีการศึกษาผลที่เกิดขึ้นจากการใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) ในรายวิชาอื่น ๆ ทั้งในด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและด้านความคิดสร้างสรรค์ ผลกระทบที่เกิดขึ้น ผลกระทบด้านบวก 1. ผู้วิจัยสามารถนำวิธีการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) ไปบูรณาการกับรายวิชาอื่น ๆ ได้ เช่น วิชาวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต 2. จากผลการวิจัยทำให้ผู้วิจัยสามารถกำหนดสัดส่วนของการให้คะแนนในรายวิชาทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติได้อย่างเหมาะส ผลกระทบด้านลบ 1. ในการจัดการจัดการเรียนรู้แบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) นักศึกษาบางคนยังไม่สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ผู้สอนจัดขึ้นในชั้นเรียนได้ หรือถ้าทำได้จะทำได้ค่อนข้างช้า ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากนักศึกษายังขาดทักษะในการสรุปความคิดรวบยอดในการเรียนในแต่ละเรื่องในรายวิชา จึงส่งผลทำให้นักศึกษาบางคนมีส่วนร่วมในกิจกรรมในชั้นเรียนน้อยเกินไป 2. ผู้เรียนไม่ชอบการวาดรูป วาดแผนภาพแสดงความคิดรวบยอด จึงควรเพิ่มสัดส่วนคะแนนด้านทักษะพิสัยในกับนักศึกษาให้มากขึ้น
บรรณานุกรม