วิชาธรรมศึกษา จัดทำโดย พระ บุญมี อนามโย วัดคลองมะนาว
ธรรมมีอุปการะมาก ๒ อย่าง หมวดที่ ๒ ธรรมมีอุปการะมาก ๒ อย่าง ๑ . สติ คือ ความระลึกได้ ๒ . สัมปชัญญะ คือ ความรู้ตัว
๒ . โอตตัปปะ คือ ความเกรงกลัว ต่อบาป ธรรมเป็นโลกบาล คือ คุ้มครองโลก ๒ อย่าง ๑ . หิริ คือ ความละอายแก่ใจ ๒ . โอตตัปปะ คือ ความเกรงกลัว ต่อบาป
๒ . โสรัจจะ คือ ความเสงี่ยม ธรรมอันทำให้งาม ๒ อย่าง ๑ . ขันติ คือ ความอดทน ๒ . โสรัจจะ คือ ความเสงี่ยม
๒ . กตัญญูกตเวที คือ บุคคลผู้รู้อุปการะที่ ท่านทำแล้วตอบแทน บุคคลหาได้ยากในโลก ๒ อย่าง ๑ . บุพพการี คือ บุคคลผู้ทำอุปการะก่อน ๒ . กตัญญูกตเวที คือ บุคคลผู้รู้อุปการะที่ ท่านทำแล้วตอบแทน
หมวดที่ ๓ รัตนะ ๓ ๑ . พระพุทธ ๒ . พระธรรม ๓ . พระสงฆ์
คุณของรัตนะ ๓ ๑ . คุณของพระพุทธเจ้า คือ ทรงรู้ดี รู้ชอบ ด้วยพระองค์เองก่อน แล้วสอนให้ผู้อื่นรู้ตาม ๒ . คุณของพระธรรม คือ ย่อมรักษาผู้ปฏิบัติไม่ให้ตก ไปสู่ที่ชั่ว ๓ . คุณของพระสงฆ์ คือ ผู้ปฏิบัติตามคำสอนของพระ พระพุทธเจ้าแล้วสอนให้ผู้อื่นกระทำตาม
โอวาทของพระพุทธเจ้า ๓ ๑ . สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง เว้นจากการทุจริต คือ เว้นจากการประพฤติชั่ว ด้วยกาย วาจา ใจ ๒ . กุสะลัสสูปะสัมปะทา ประกอบสุจริต คือ ประพฤติ ชอบด้วยกาย วาจา ใจ ๓ . สะจิตตะปะริโยทะปะนัง การทำใจให้บริสุทธิ์ คือ การทำใจของตนให้หมดจดจากเครื่องเศร้าหมอง ใจ มีโลภ โกรธ หลง เป็นต้น
๑ . กายทุจริต คือ การประพฤติชั่วทางกาย ทุจริต ๓ ๑ . กายทุจริต คือ การประพฤติชั่วทางกาย ๒ . วจีทุจริต คือ การประพฤติชั่วทางวาจา ๓ . มโนทุจริต คือ การประพฤติชั่วทางใจ
๒ . วจีสุจริต คือ การประพฤติชอบทางวาจา สุจริต ๓ ๑ . กายสุจริต คือ การประพฤติชอบทางกาย ๒ . วจีสุจริต คือ การประพฤติชอบทางวาจา ๓ . มโนสุจริต คือ การประพฤติชอบทางใจ
อกุศลมูล ๓ ๑ . โลภะ คือ ความอยากได้ ๒ . โทสะ คือ ประทุษร้ายเขา ๓ . โมหะ คือ หลงไม่รู้จริง
กุศลมูล ๓ ๑ . อโลภะ คือ ไม่อยากได้ ๒ . อโทสะ คือ ไม่คิดประทุษร้ายเขา ๓ . อโมหะ คือ ไม่หลงงมงาย
สัปปุริสบัญญัติ ๓ ๑ . ทาน คือ การสละสิ่งของของตนเพื่อประ โยชน์แก่ผู้อื่น ๒ . ปัพพัชชา คือ การบวช เป็นอุบาย เว้น จากการเบียดเบียนกันและกัน ๓ . มาตาปิตุอุปัฏฐาน การปฏิบัติมารดาบิดา ให้เป็นสุข
บุญกิริยาวัตถุ ๓ ๑ . ทานมัย คือ บุญสำเร็จด้วยการบริจาค ทาน ๑ . ทานมัย คือ บุญสำเร็จด้วยการบริจาค ทาน ๒ . สีลมัย คือ บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล ๓ . ภาวนามัย คือ บุญสำเร็จด้วยการเจริญ ภาวนา
หมวดที่ ๔ อคติ ๔ ๑ . ฉันทาคติ คือ ลำเอียงเพราะรักใคร่ ๒ . โทสาคติ คือ ลำเอียงเพราะไม่ชอบ ๓ . โมหาคติ คือ ลำเอียงเพราะเขลา ๔ . ภยาคติ คือ ลำเอียงเพราะกลัว
อธิษฐานธรรม ๔ ๑ . ปัญญา คือ รอบรู้สิ่งที่ควรรู้ ๒ . สัจจะ คือ ความจริง ๓ . จาคะ คือ การเสียสละ ๔ . อุปสมะ คือ ความสงบ
อิทธิบาท ๔ ๑ . ฉันทะ คือ พอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น ๒ . วิริยะ คือ เพียรประกอบสิ่งนั้น ๓ . จิตตะ คือ เอาใจฝักใฝ่ในสิ่งนั้นไม่วาง ธุระ ๔ . วิมังสา คือ หมั่นตริตรองพิจารณา เหตุผลในสิ่งนั้น
พรหมวิหาร ๔ ๑ . เมตตา คือ ความรัก ๒ . กรุณา คือ ความสงสาร ๓ . มุทิตา คือ พลอยยินดี ๔ . อุเบกขา คือ วางเฉย
อริยสัจ ๔ ๑ . ทุกข์ คือ ความไม่สบายกายไม่สบายใจ ๒ . สมุทัย คือ เหตุให้เกิดทุกข์ ๓ . นิโรธ คือ ความดับทุกข์ ๔ . มรรค คือ ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์
มิตรปฏิรูป ๔ ( มิตรเทียม ) ๑ . คนปอกลอก ๒ . คนดีแต่พูด ๓ . คนหัวประจบ ๔ . คนที่ชักชวนไปในทางที่พินาศ
มิตรปฏิรูป ๔ มีลักษณะดังนี้ ๔ . คบเพื่อนเพราะหวังประโยชน์ของตัว คนปอกลอก ๑ . คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ๒ . เสียให้น้อย คิดเอาให้ได้มาก ๓ . เมื่อมีภัยถึงตัว จึงรับทำกิจ ๔ . คบเพื่อนเพราะหวังประโยชน์ของตัว
คนดีแต่พูด ๑ . นำสิ่งที่ล่วงไปแล้วมาพูด ๒ . อ้างเอาของที่ยังไม่มีมาพูด ๓ . สงเคราะห์ด้วยของที่หาประโยชน์ มิได้
คนหัวประจบ ๑ . จะทำชั่วก็คล้อยตาม ๒ . จะทำดีก็คล้อยตาม ๓ . ต่อหน้าสรรเสริญ ๔ . ลับหลังนินทา
คนชักชวนไปในทางพินาศ ๑ . ชักชวนดื่มน้ำเมา ๒ . ชักชวนเที่ยงกลางคืน ๓ . ชักชวนเล่นการพนัน ๔ . ชักชวนในการละเล่นต่างๆ
มิตรแท้ ๔ ๑ . มิตรมีอุปการะ ๒ . มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ ๓ . มิตรแนะนำประโยชน์ ๔ . มิตรมีความรักใคร่
มิตรแท้มีลักษณะดังนี้ มิตรมีอุปการะ ๑ . ป้องกันเพื่อนผู้ประมาทแล้ว คอยเตือนสติ ๒ . ป้องกันทรัพย์สมบัติของเพื่อนผู้ประมาท ๓ . เมื่อมีภัยเป็นที่พึ่งพำนักได้ ๔ . เมื่อมีธุระ ช่วยออกทรัพย์ให้เกินกว่าที่ออก ปาก
มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ ๑ . ขยายความลับของตนแก่เพื่อน ๒ . ปิดความลับของเพื่อนไว้เสมือน ความลับของตน ๓ . ไม่ละทิ้งในยามวิบัติ ๔ . แม้ชีวิตก็สละให้เพื่อนได้
มิตรแนะประโยชน์ ๑ . แนะนำไม่ให้ทำชั่ว ๒ . แนะนำให้ตั้งอยู่ในความดี ๓ . ให้ฟังในสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง ๔ . บอกทางสวรรค์ให้
มิตรมีความรักใคร่ ๑ . ทุกข์ ก็ทุกข์ด้วย ๒ . สุข ก็สุขด้วย ๓ . โต้เถียงคนที่พูดติเตียนเพื่อน ๔ . รับรองคนที่พูดสรรเสริญเพื่อน
ฆราวาสธรรม ๔ ๑ . สัจจะ คือ ความจริงใจ ๒ . ทมะ คือ การข่มใจ ๓ . ขันติ คือ ความอดทน ๔ . จาคะ คือ การบริจาค