ระบบเซนเซอร์ป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ผู้จัดทำ นาย ศุภโชค หนองโศรก ระบบเซนเซอร์ป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ผู้จัดทำ นาย ศุภโชค หนองโศรก
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS เป็นที่รู้จักและใช้งานแพร่หลายมานานพอสมควร ชนิดที่เรียกว่าหากจะหาศูนย์ซ่อมรถยนต์สักแห่งที่ไม่ได้เจอปัญหาเกี่ยวกับระบบเบรก ABS
ปัญหาของระบบเบรก ABS ที่ตรวจพบบ่อยที่สุดด้วยเครื่องมือตรวจสอบวิเคราะห์ที่ทันสมัย เช่น ‘ทีอาร์ดับบลิว อีซี่เช็ค’ (TRW easycheck) ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือแบบพกพาที่ ‘ทีอาร์ดับบลิว’ ออกแบบขึ้นเพื่อใช้งานในศูนย์ซ่อมรถยนต์ คือ ปัญหาความบกพร่องของระบบเซนเซอร์
ในการขับขี่ปกติ ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Control Unit: ECU) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ควบคุมการทำงานของระบบเบรก ABS จะตรวจสอบความเร็วในการหมุนของล้อรถแต่ละล้ออยู่ตลอดเวลา
โดยเมื่อหักเลี้ยวความเร็วของล้อแต่ละล้อจะเปลี่ยนแปลงไป หากค่าความเร็วที่เปลี่ยนไปอยู่ในขอบเขต (Tolerance) ที่กำหนดไว้ สัญญาณไฟจะไม่ติดและระบบเบรก ABS จะทำงานต่อไป
แต่หากมีเหตุที่ทำให้ค่าความเร็วเปลี่ยนไปเกินขอบเขตที่กำหนด สัญญาณไฟจะสว่างขึ้นและตัดการทำงานของระบบเบรก ABS ต่อเมื่อค่าการเปลี่ยนแปลงความเร็วกลับมาอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดแล้ว สัญญาณไฟจึงจะดับและระบบจะบันทึกรหัสความผิดพลาดแบบครั้งคราว (Intermittent Fault Code) เก็บไว้ในหน่วยความจำ
ระบบเซนเซอร์เป็นอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยที่มีความสำคัญอย่างยิ่งและเป็นหัวใจของการทำงานของระบบเบรก ABS ในรถยนต์ โดยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ด้วยการควบคุมแรงเบรกและช่วยให้รถชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วและปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
โดยเมื่อหักเลี้ยวความเร็วของล้อแต่ละล้อจะเปลี่ยนแปลงไป หากค่าความเร็วที่เปลี่ยนไปอยู่ในขอบเขต (Tolerance) ที่กำหนดไว้ สัญญาณไฟจะไม่ติดและระบบเบรก ABS จะทำงานต่อไป
ทั้งนี้ ระบบเซนเซอร์ ABS ต้องมีศักยภาพที่จะตรวจวัดและส่งข้อมูลได้อย่างเที่ยงตรงในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าการเคลื่อนไหวภายนอก อุณหภูมิ หรือตัวแปรแทรกซ้อน จะเป็นเช่นไรก็ตาม วัสดุที่ใช้ผลิตจึงเป็นวัสดุประเภท ‘เทอร์โมพลาสติก โพลีเอสเตอร์’ (Thermoplastic Polyester) หรือ ‘โพลีอาไมด์เสริมไฟเบอร์กลาส’ (Fibreglass Reinforced Polyamides)
ซึ่งมีคุณสมบัติทางกลไฟฟ้าและเทคนิคไฟฟ้าชั้นเยี่ยม เพื่อให้มีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ โดยชิ้นส่วนและสายเคเบิลเชื่อมต่อต่างๆ ในระบบเซนเซอร์สามารถทนอุณหภูมิใช้งานได้ตั้งแต่ -40 ถึง +150 องศาเซลเซียส ขณะเดียวกันยังคงให้ความปลอดภัยอยู่ในระดับสูง