เทคนิคการนำกฎเกณฑ์การให้คะแนน ไปใช้พัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน เทคนิคการนำกฎเกณฑ์การให้คะแนน ไปใช้พัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน รศ.ดร.องอาจ นัยพัฒน์ ภาควิชาการวัดผลและวิจัยการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วันที่ 30-31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
เทคนิคการใช้กฎเกณฑ์การให้คะแนนในการจัดการเรียนการสอน 1 ใช้กฎเกณฑ์การให้คะแนนเป็นส่วนหนึ่งของการวัดประเมินงานของผู้เรียน และควร แจกให้ผู้เรียนทราบงานที่มอบหมายให้ปฏิบัติพร้อมกับเกณฑ์การให้คะแนน แจกกฎเกณฑ์การให้คะแนนและเกรดแสดงผลการปฏิบัติงานกลับคืนพร้อมกันไปยัง ผู้เรียน เพื่อสื่อสารให้ผู้เรียนทราบและปรับปรุง/พัฒนา ให้ผู้เรียนมีส่วนช่วยในการพัฒนากฎเกณฑ์การให้คะแนนเพื่อใช้วัดประเมินผลการ เรียนรู้ของตน ให้ผู้เรียนใช้กฏเกณ์การให้คะแนนวัดประเมินการเรียนรู้ของตนเองและของเพื่อน ร่วมชั้น ควรมีการพูดคุยหรืออภิปรายเกี่ยวกับการวัดประเมินโดยใช้กฎเกณฑ์การให้คะแนน โดยเฉพาะการกำหนดเกณฑ์และคำบรรยายตามมาตรวัดประเมินแต่ละระดับว่าเป็น ปรนัย เที่ยงตรง คงเส้นคงวาและยุติธรรมได้ดีเพียงใด ใช้กฎเกณฑ์การให้คะแนนแบบวิเคราะห์สำหรับให้ผู้เรียนปรับปรุงการเรียนรู้ของตน ในมิติคุณภาพที่ยังอ่อนด้อยอย่างต่อเนื่อง
เทคนิคการใช้กฎเกณฑ์การให้คะแนนในการจัดการเรียนการสอน 2 ต้องใช้กฎเกณฑ์การตรวจให้คะแนนอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดความคลาดเคลื่อนจาก Halo effect (ความลำเอียงที่มีอิทธิพลมาจากอาจารย์มีความประทับใจในบุคลิกลักษณะอื่นๆ ที่ไม่ เกี่ยวข้องกับสมรรถนะของผู้เรียนที่ต้องการวัดประเมิน) Item or task carry-over effects (ความคลาดเคลื่อนจากคุณภาพของการวัดประเมินด้วยข้อคำถาม หรืองานครั้งแรกส่งผลตกทอดต่อการวัดประเมินด้วยข้อคำถามหรืองานครั้งถัดไปของผู้เรียนคน เดียวกัน) Test or performance carry-over effects (ความคลาดเคลื่อนจากผลของการวัดประเมินผู้เรียนก่อน หน้าส่งผลตกทอดต่อผลการวัดประเมินผู้เรียนถัดไป) Order effects (ความคลาดเคลื่อนจากการตรวจให้คะแนนของผู้เรียนลำดับท้ายด้วยแบบแผนไม่คง เส้นคงวาหรือ “ลื่นไถล” ไปจากผู้เรียนในลำดับต้น ด้วยเหตุแห่งความหนื่อยล้าหรือเบื่อหน่ายกับการ ทำซ้ำ) Writing and Language Mechanics Effects (ความลำเอียงจากทักษะในการเขียนหรือวาทศิลป์ทาง ภาษาของผู้เรียนที่มีอิทธิพลต่อคะแนนการวัดประเมิน แม้ว่าจะไม่ได้วัดประเมินความสามารถในการ เขียนก็ตาม) Chatterji (2003, pp. 244-245)
หลักการสำคัญให้สารสนเทศป้อนกลับ (Feedback) เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ 1 ใช้กฎเกณฑ์/แนวทางการให้คะแนน (Scoring rubrics or guidelines) เป็นแนวทางการให้ สารสนเทศป้อนกลับเพื่อความชัดเจน เน้นการให้สารสนเทศป้อนกลับเชิงเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน (มากกว่าการให้ สารสนเทศป้อนกลับเชิงเปรียบเทียบระหว่างผู้เรียนด้วยกัน) ส่งเสริมบรรยากาศในหมู่ผู้เรียนให้มีการวิพากษ์เชิงสร้างสรรค์ มีการคิดใคร่ครวญทวนสอบ ความคิดและการเรียนรู้ของตนเอง และการยอมรับจุดจำกัดที่ต้องพัฒนาปรับปรุง ใช้ผลงานหรือทักษะจากการปฏิบัติงานของผู้เรียนเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานแต่ละระดับเพื่อ บ่งชี้ข้อดีและข้อจำกัดในการเรียนรู้ของผู้เรียน ควรเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอตลอดกระบวนการเรียนรู้ (มิใช่เฉพาะตอนจบการสอนแต่ละหัวข้อ) ครู/อาจารย์และผู้เรียนต้องเข้าใจร่วมกันว่าการให้สารสนเทศป้อนกลับช่วยเอื้ออำนวยให้เกิด การเรียนรู้ ต้องเชื่อถือและไว้วางใจระหว่างกัน
หลักการสำคัญให้สารสนเทศป้อนกลับเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ 2 ควรรวบรวมและวิเคราะห์ข้อผิดพลาดสำคัญ (Key errors) ที่เกิดจากการเรียนรู้ ของผู้เรียนว่ามีอะไรบ้าง เกิดจากสาเหตุอะไร และจะให้สารสนเทศป้อนกลับอะไร เพื่อช่วยให้ผู้เรียนหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านั้น (อาจกระทำผ่านกระบวนการวิจัย ในชั้นเรียน) ใช้กลยุทธ์การเสริมแรงทางบวกด้วยการสื่อสารให้ผู้เรียนรู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง (Self-esteem) และรับรู้ความสามารถของตนเอง (Self-efficacy) ในขณะให้ สารสนเทศป้อนกลับเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ สื่อสารด้วยถ้อยคำทางภาษาที่เข้าใจง่ายๆ ตรงประเด็นที่ต้องพัฒนาปรับปรุง และมี ระดับความยากง่ายเหมาะสม (ไม่ง่ายเกินไปจนขาดความท้าทาย หรือยาก เกินไปจนเกิดความท้อแท้ !!!)
เอกสารอ้างอิง Chatterji, M. (2003). Designing and using tools for educational assessment. Boston, MA: Pearson Education. Cohen, L.G., & Spenciner, L.J. (2003). Assessment of children and youth with special needs (2nd ed.). Boston, MA: Pearson Education. Links to examples of rubrics: http://www.intel.com/content/dam/www/program/education/us/ en/documents/assessing-projects/strategies/demonstrating-understanding-rubrics-scoring-guides.pdf
สวัสดี รศ.ดร. องอาจ นัยพัฒน์ Ong-Art Naiyapatana Ong-art@swu.ac.th โทร 089-169-9141