บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบและการวิเคราะห์ระบบ บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบและการวิเคราะห์ระบบ
บทนำ การวิเคราะห์และออกแบบระบบ จัดเป็นกุญแจความสำเร็จอันสำคัญของการพัฒนาระบบสารสนเทศ เพื่อไปสู่ความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับข้อกำหนดทางธุรกิจ โดยการวิเคราะห์ระบบเป็นกระบวนการหนึ่งที่ต้องทำการศึกษาให้เข้าใจถึงรายละเอียดของปัญหา ด้วยการพิจารณาถึงระบบว่าต้องทำอะไรบ้าง เพื่อสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ ในขณะที่การออกแบบระบบจะเป็นการพัฒนาระบบสารสนเทศในแต่ละส่วนว่าต้องทำอย่างไร นักวิเคราะห์ระบบ จัดได้ว่าเป็นบุคคลหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อการผลักดันให้การพัฒนาระบบสารสนเทศไปสู่ความสำเร็จได้
หัวข้อการเรียนรู้ ความหมายของระบบ และภาพรวมของระบบ ส่วนประกอบของสารสนเทศ และชนิดของระบบสารสนเทศ ความสำคัญของระบบสารสนเทศที่มีต่อองค์กรธุรกิจ ความหมายของการวิเคราะห์ระบบ เหตุผลสำคัญที่ทำให้ต้องมีการพัฒนาระบบใหม่ บทบาทหน้าที่ และลักษณะงานของนักวิเคราะห์ระบบ ทักษะและความรู้ที่นักวิเคราะห์ระบบพึงมี ผังโครงสร้างองค์กรกับตำแหน่งนักวิเคราะห์ระบบ ความสำคัญของสภาพแวดล้อมทางด้านธุรกิจในการพัฒนาระบบ
ความหมายของระบบ ระบบ (System) คือกลุ่มขององค์ประกอบต่าง ๆ ที่มีความสัมพันธ์กัน โดยแต่ละองค์ประกอบจะทำงานร่วมกันเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน ส่วนประกอบภายในระบบจำเป็นต้องได้รับการประสานการทำงานที่ดี หากมีส่วนประกอบส่วนใดส่วนหนึ่งไม่สามารถประสานการทำงานร่วมกับส่วนอื่น ๆ ได้ตามที่ควรจะเป็น ย่อมส่งผลให้ระบบเกิดข้อขัดข้อง ไม่ราบรื่น หรือท้ายสุดอาจก่อให้เกิดความล้มเหลวในระบบได้ Hardware Software Peopleware
ความหมายของระบบ รูปที่ 1.2 หน้า 17 รูปแสดงตัวอย่างระบบงานทางคอมพิวเตอร์ที่มีองค์ประกอบบางส่วนขาดประสิทธิภาพ ทำให้การประสานงานภายในระบบเกิดปัญหา ซึ่งอาจส่งผลให้ระบบล้มเหลวได้
ภาพรวมของระบบ ระบบจะถูกกำหนดด้วยขอบเขตจะประกอบด้วยองค์ประกอบที่เรียกว่าระบบย่อย ถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบ และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในระหว่างขั้นตอนการออกแบบระบบ ระบบที่ดีจะต้องได้รับการออกแบบระบบย่อยต่าง ๆ ให้มีความเป็นอิสระต่อกันมากที่สุด ด้วยการลดจำนวนเส้นทางการไหลของข้อมูล (Flows) ระหว่างกันเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะทำให้ระบบแลดูง่าย รวมถึงช่วยลดความซับซ้อนของระบบลงได้มาก ทำให้ง่ายต่อการบำรุงรักษา
ประเภทของระบบ ระบบ ยังสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน ระบบปิด (Closed System) ระบบเปิด (Open System) ระบบปิด เป็นระบบที่ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม มีจุดมุ่งหมายในการทำงานภายในตัวเอง โดยจะไม่ยุ่งเกี่ยวหรือไม่รับข้อมูลจากสิ่งแวดล้อมใด ๆ เข้ามา ระบบเปิด จะเป็นระบบที่มีปฎิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมด้วยการแลกเปลี่ยน หรือการรับส่งข้อมูลจากสภาพแวดล้อมเข้ามาในระบบเพื่อนำมาประมวลผลร่วม
ไดอะแกรมระบบการผลิตของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งประกอบไปด้วย 5 ระบบย่อย ระบบธุรกิจ ระบบธุรกิจจำเป็นต้องรับข้อมูลจากสิ่งแวดล้อมภายนอกต่าง ๆ เข้ามาในระบบ ซึ่งปัจจุบันสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ ย่อมมีอิทธิพลต่อการดำเนินการของระบบธุรกิจเป็นอย่างมาก วิกฤตการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อระบบธุรกิจได้ทั้งภายในและภายนอก ไดอะแกรมระบบการผลิตของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งประกอบไปด้วย 5 ระบบย่อย
ระบบธุรกิจ ผลกระทบภายในระบบ (Internal Environment) คือ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภายในองค์กรที่ส่งผลกระทบต่อองค์กร เช่น ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ปัญหาความขัดแย้งระหว่างพนักงาน ปัญหาการขาดงาน เป็นต้น ผลกระทบภายนอกระบบ (External Environment) คือ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภายนอกองค์กรที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา โดยที่องค์กรไม่สามารถหลีกเลี่ยง และยากต่อการควบคุม หรือบางครั้งอาจควบคุมไม่ได้เลย เช่น คู่แข่งทางการค้า ภัยจากธรรมชาติ ความต้องการของลูกค้า เทคโนโลยี เป็นต้น
ระบบธุรกิจ เมื่อมีการศึกษาระบบงานใด จึงควรมีการพิจารณาจากมุมมองทั้ง 4 คือ 1. อะไร (What) 2. อย่างไร (How) 3. เมื่อไร (When) 4. ใคร (Who)
องค์กร และระบบสารสนเทศ เทคโนโลยีในปัจจุบันได้มีความก้าวล้ำไปมาก รูปแบบของธุรกิจได้มีการปรับตัวไปตามเทคโนโลยี เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้เข้ามามีบทบาทสูงขึ้น ฐานข้อมูลต่าง ๆ สามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ทั้งหมด สำหรับองค์กรภาคธุรกิจ เป้าหมายส่วนใหญ่ก็คือผลกำไรหรือผลตอบแทนจากการดำเนินงาน
องค์กร และระบบสารสนเทศ 1. ผลตอบแทนที่สามารถประเมินค่าได้ (Tangible) คือ ผลตอบแทนที่สามารถประมาณค่าในตัวเองได้ เช่น การเพิ่มยอดขาย การลดค่าล่วงเวลาทำงาน การประหยัดพลังงาน เป็นต้น 2. ผลตอบแทนที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ (Intangible) คือ ผลตอบแทนที่ไม่สามารถประมาณค่าได้โดยตรง ซึ่งยากต่อการประเมินมูลค่าในรูปของตัวเงิน แต่เป็นผลตอบแทนที่มีผลทางอ้อมต่อธุรกิจ เช่น ทัศนคติของลูกค้าที่มีต่อองค์กรดีขึ้น พนักงานมีขวัญและกำลังใจในการทำงานดีขึ้น มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น การนำเสนอสารสนเทศตรงเวลามากขึ้น เป็นต้น
ข้อมูล สารสนเทศ และระบบสารสนเทศ ข้อมูล คือ ข้อมูลดิบ (Raw Data) หรือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นที่มีความหมายในตัวเอง ซึ่งยังไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ สารสนเทศที่มีการนำข้อมูลดิบเหล่านี้มาผ่านกระบวนการ (Process) เพื่อให้เกิดผลลัพธ์หรือสารสนเทศที่มีประโยชน์ต่อการตัดสินใจ ระบบสารสนเทศ (Information System: IS) เทคโนโลยีสารสนเทศจะเป็นการผสมผสานการทำงานระหว่างเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ (ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์) กับเทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม
ข้อมูล สารสนเทศ และระบบสารสนเทศ ระบบสารสนเทศ จัดเป็นกลไกชนิดหนึ่ง ด้วยการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ โดยเฉพาะเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่นำมาใช้กับการจัดการข้อมูลในองค์กร โดยระบบสารสนเทศมีส่วนประกอบสำคัญ 5 ส่วน ดังนี้ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ซอฟต์แวร์ (Software) ข้อมูล (Data) บุคลากรทางคอมพิวเตอร์ (Peopleware) กระบวนการทำงาน (Procedures)
เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง เทคโนโลยี ที่เป็นการรวมคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น เทคโนโลยีด้าน ฮาร์ดแวร์ ด้านซอฟต์แวร์ ด้านฐานข้อมูล ด้านโทรคมนาคมและการสื่อสาร เทคโนโลยีเครือข่าย มาทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนสารสนเทศโดยผ่านทางอิเลคทรอนิคส์ หรือข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบดิจิตอล หรือข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบที่คอมพิวเตอร์สามารถนำไปใช้งานได้
ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วยให้เกิดการสื่อสารที่แม่นยำและราคาเยา ประหยัดเนื้อที่ในการจัดเก็บสารสนเทศแต่ค้นคืนได้ง่าย สามารถเข้าถึงสารสนเทศอย่างรวดเร็วและด้วยราคาประหยัด เสริมสร้างประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงาน สามารถแสดงสารสนเทศได้อย่างชัดเจนทำให้เกิดแนวคิดได้หลากหลาย ปรับการทำงานที่ใช้มือและกึ่งอัตโนมัติให้เป็นงานแบบอัตโนมัติได้
เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศ แบ่งได้ 5 ชนิด ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ แบ่งได้ 5 ชนิด ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบโทรคมนาคม ระบบฐานข้อมูล
เทคโนโลยีสารสนเทศ 1. ฮาร์ดแวร์ 1. ฮาร์ดแวร์ หมายถึง อุปกรณ์ทางอิเลคทรอนิคส์ที่สามารถนำข้อมูลเข้าเพื่อทำการประมวลผล ให้เกิดเป็นสารสนเทศที่เกิดประโยชน์ รวมทั้งเป็นอุปกรณ์ ในการเก็บบันทึกเพื่อให้สามารถนำมาใช้ต่อไปได้ โดยใช้พื้นฐานการทำงานแบบดิจิตอลที่เป็นสัญญาณของ 2 สถานะ (Binary Signals) คือ เปิดและปิด
เทคโนโลยีสารสนเทศ องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 4 ส่วน คือ 1. ส่วนนำข้อมูลเข้า (Input) 2. ส่วนประมวลผล (Process) 3. ส่วนแสดงผล (Output) 4. ส่วนเก็บข้อมูล (Storage)
เทคโนโลยีสารสนเทศ ฮาร์ดแวร์ประกอบด้วย 1. อุปกรณ์อินพุต (Input devices) 2. หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit หรือ CPU) 3. หน่วยเอาท์พุตหรือหน่วยแสดงผล (Output devices) 4. หน่วยความจำ (Storage devices) 5. อุปกรณ์สื่อสาร (Communication devices)
เทคโนโลยีสารสนเทศ 2. ซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์ คือ โปรแกรมต่าง ๆ ที่ใช้สั่งงานคอมพิวเตอร์ให้ทำงาน โดยทั่วไปเราแบ่งซอฟต์แวร์เป็น 1. ซอฟต์แวร์ระบบ 2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์
เทคโนโลยีสารสนเทศ 3. ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) โดยทั่วไประบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ประกอบด้วย 1. คอมพิวเตอร์หลายเครื่องสำหรับใช้ทำงานประมวลผล 2. ซอฟต์แวร์สำหรับควบคุมการทำงาน ปกติคือ Network OS 3. เครื่องปลายทางสำหรับใช้ในการป้อนข้อมูลและโปรแกรม 4. อุปกรณ์โทรคมนาคม 5. มาตรฐานในการสื่อสารติดต่อสำหรับให้อุปกรณ์สื่อสาร
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายแลน ระบบแลน (Local Area Network) คือ เครือข่ายขนาดเล็กที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เข้าด้วยกันเพื่อประโยชน์ในการร่วมกันใช้อุปกรณ์บางอย่างเช่น เครื่องพิมพ์ และ หน่วยความจำรองอื่น ๆ หรือเพื่อแบ่งกันใช้ซอฟต์แวร์ และ ข้อมูล
เทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบเครือข่ายแมน ระบบแมน (Metropolitan Area Network) เป็นระบบเครือข่ายที่เชื่อมต่อ ระบบแลนหลายวงเข้า ด้วยกัน โดยระบบแลนเหล่านั้นอาจจะ กระจายตัวอยู่ทั่วไปในอาณา บริเวณกว้างขวาง
เทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบเครือข่ายแวน ระบบแวน (Wide Area Network) เป็นระบบเครือข่ายที่เชื่อมโยง คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายอื่น ๆอย่างกว้างขวาง กินอาณาบริเวณข้ามจังหวัด ข้ามประเทศ
เทคโนโลยีสารสนเทศ 4. เทคโนโลยีโทรคมนาคม สามารถจัดเป็นองค์ประกอบหลัก ๆ ได้ ดังต่อไปนี้ ช่องทางการสื่อสาร หมายถึง วิธีการในการสื่อสาร ตัวกลางสื่อสาร หมายถึง ส่วนที่ใช้ในการนำพาสัญญาณระหว่างผู้ส่งกับผู้รับ อุปกรณ์ประมวลสัญญาณ หมายถึง อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ช่วยในการส่งสัญญาณ ซอฟต์แวร์ หมายถึง โปรแกรมและคำสั่งต่าง ๆ ที่ใช้ในการสื่อสาร
เทคโนโลยีสารสนเทศ 5. เทคโนโลยีฐานข้อมูล ฐานข้อมูลประกอบด้วยส่วนประกอบต่าง ๆ จากระดับง่ายสุดไปยากสุดดังต่อไปนี้ อักขระ (charactor) เช่น ตัวอักษร และ ตัวเลข เขตข้อมูล (field) เป็นส่วนย่อยที่สุดที่มีความหมายและสามารถตั้งชื่อได้ ระเบียน (record) คือ กลุ่มของเขตข้อมูล แฟ้ม (file) คือ กลุ่มของระเบียน ฐานข้อมูล (database) คือกลุ่มของแฟ้ม
เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีฐานข้อมูล Field Charactor Record File ลำดับ ชื่อ นามสกุล อีเมล์ 01 ธีระเดช วงพัวพันธ์ ken@sru.ac.th 02 พัชราภา ไชยเชื้อ aum@sru.ac.th 03 Record File
ระบบจัดการฐานข้อมูล (Database Management System) เทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบจัดการฐานข้อมูล (Database Management System) DBMS เป็นระบบซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่ในการควบคุมการดำเนินงานต่าง ๆ เกี่ยวกับฐานข้อมูล เช่น การกำหนดโครงสร้างของฐานข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลลงในฐานข้อมูล การกำหนดตัวและสิทธิของผู้ใช้ การควบคุมการสำรองข้อมูลและกู้ระบบ
ชนิดของระบบสารสนเทศ ระบบประมวลผลรายการประจำวัน (Transaction Processing Systems: TPS) ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (Management Information Systems: MIS) ระบบสำนักงานอัตโนมัติ (Office Information System/Office Automation System: OIS/OAS) ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support Systems: DSS) ระบบสนับสนุนผู้บริหารระดับสูง (Executive Support System: ESS) ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System: ES)
ชนิดของระบบสารสนเทศ ระบบประมวลผลรายการประจำวัน (Transaction Processing Systems: TPS) เป็นการประมวลผลข้อมูลทางธุรกิจประจำวันที่ข้องเกี่ยวกับการดำเนินงานประจำวันที่ต้องทำในธุรกิจ ในบางครั้ง ระบบประมวลผลรายการประจำวันนี้ อาจเรียกว่า ระบบปฏิบัติงาน (Operational Systems) ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (Management Information Systems: MIS) นำมาใช้ร่วมกับระบบประมวลผลรายการประจำวัน เพื่อใช้จัดเก็บข้อมูลแทนระบบการจัดเก็บด้วยมือ ทำให้สามารถจัดเก็บข้อมูลได้ในปริมาณมาก ค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดต้นทุนและส่งผลต่อทัศนคติที่ดีในด้านของการบริการแก่ลูกค้า
ชนิดของระบบสารสนเทศ ระบบสำนักงานอัตโนมัติ (Office Information System/Office Automation System: OIS/OAS) เป็นระบบที่เพิ่มประสิทธิภาพงานด้านการจัดการสำนักงานและการสื่อสาร พนักงานในองค์กรสามารถใช้คอมพิวเตอร์ในการจัดการกับเอกสาร และข้อมูลต่าง ๆ โดยมีผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ต่าง ๆ มากมาย ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support Systems: DSS) เป็นระบบสารสนเทศที่ตอบสนองความต้องการของระดับผู้บริหาร ด้วยการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลทางสถิติต่างๆ หรือการแสดงผลในรูปแบบของกราฟเปรียบเทียบ เพื่อใช้ประโยชน์ต่อการตัดสินใจของผู้บริหาร
ชนิดของระบบสารสนเทศ ระบบสนับสนุนผู้บริหารระดับสูง (Executive Support System: ESS) เป็นการตัดสินใจในระดับกลยุทธ์ และนโยบายของผู้บริหารระดับสูง ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System: ES) เป็นระบบที่รวบรวมความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในสาขาต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งจัดเป็นแขนงหนึ่งของระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ความสามารถของคอมพิวเตอร์ในระดับสูงขึ้นโดยมีระบบสมองกลที่ชาญฉลาด
การใช้สารสนเทศของผู้บริหารระดับต่าง ๆ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับด้วยกันคือ ผู้บริหารระดับสูง เป็นระดับวางแผนระยะยาว ควบคุมนโยบาย รวมทั้งการวางแผนเชิงกลยุทธ์เพื่อไปสู่เป้าหมาย โดยส่วนใหญ่จะใช้สารสนเทศจากแหล่งภายนอก เพื่อนำมาวิเคราะห์หรือประเมินแนวโน้มสถานการณ์เศรษฐกิจของโลก ผู้บริหารระดับกลาง เป็นระดับวางแผนระยะสั้น ด้วยการสั่งการเพื่อควบคุมจัดการตามข้อปฏิบัติเพื่อความสำเร็จตามเป้าหมายที่ผู้บริหารระดับสูงวางแผนไว้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะใช้สารสนเทศจากแหล่งภายในมากกว่า ผู้บริหารระดับล่าง เป็นระดับปฏิบัติงาน ซึ่งถือเป็นเครื่องมือการทำงานของผู้บริหารระดับกลางและผู้บริหารระดับสูง มักเป็นเรื่องของภายในที่เน้นรายละเอียดเกี่ยวกับการปฏิบัติงานหรือการควบคุมการปฏิบัติงาน
การใช้สารสนเทศของผู้บริหารระดับต่าง ๆ ลำดับชั้น ความรับผิดชอบ การตัดสินใจ ความต้องการชนิดของระบบสารสนเทศ ผู้บริหารระดับสูง พัฒนาแผนระยะยาว กำหนดเป้าหมาย วางแผนและกลยุทธ์ ไม่มีโครงสร้าง ESS, MIS, DSS, OIS ผู้บริหารระดับกลาง พัฒนาแผนระยะสั้น กำหนดเป้าหมาย วางแผน และกลวิธี กึ่งโครงสร้าง MIS, DSS, OIS ผู้บริหารระดับล่าง พัฒนางานแบบวันต่อวัน วางแผนและควบคุมดูแลการปฏิบัติงาน มีโครงสร้าง MIS, OIS พนักงานปฏิบัติงาน งานในหน้าที่ประจำวัน TPS, OIS
การใช้สารสนเทศของผู้บริหารระดับต่าง ๆ รูปแบบการตัดสินใจ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ชนิดด้วยกัน การตัดสินใจแบบมีโครงสร้าง (Structured Decision) เป็นการตัดสินใจด้วยการรู้ล่วงหน้าว่า เหตุการณ์นั้นจะต้องเกิดขึ้น การตัดสินใจแบบกึ่งโครงสร้าง (Semi-Structured Decision) เป็นการตัดสินใจที่สามารถคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถระบุได้ชัดเจนลงไป การตัดสินใจแบบไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Decision) เป็นการตัดสินใจแบบที่ไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้เลย
คุณสมบัติของสารสนเทศที่ดี ตรงกับความต้องการ (Relevance) ทันเวลาต่อการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ (Timeliness) มีความเที่ยงตรง (Accurate) ประหยัด (Economy) มีประสิทธิภาพ
ความสำคัญของสภาพแวดล้อมทางด้านธุรกิจในการพัฒนาระบบ การเปลี่ยนแปลงของตลาด (Changing Marketplace) ความสำคัญของคุณภาพ (Importance of Quality) การให้ความห่วงใยเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม (Concern for the Environment) การใช้คอมพิวเตอร์ของลูกค้า และผู้บริโภค (Consumer and Customer Computing) การลดข้อจำกัด (Deregulation) การข้ามเขตอุตสาหกรรม (Crossing Industry Boundaries) กระบวนโลกาภิวัฒน์ (Globalization) วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์และบริการที่สั้นลง (Shorter Product and service Development Cycles)
ความสำคัญของสภาพแวดล้อมทางด้านธุรกิจในการพัฒนาระบบ 2. สภาพแวดล้อมในการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป (Changing Work Environment) ความเจริญเติบโตของทีมงานธุรกิจ (Growth of Business Teams) งานสารสนเทศที่คล่องตัวทุกเวลา และทุกสถานที่ (Anytime, Anyplace Information Work) การจ้างดำเนินการและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Outsourcing and Strategic Alliances) การเพิ่มความห่วงใยเกี่ยวกับทุนมนุษย์ (A Growing Concern for Human “Capital”)
ปัญหาของระบบสารสนเทศที่มีผลต่อองค์กร
การวิเคราะห์ระบบ (System Analysis) การวิเคราะห์ระบบ เป็นการศึกษาถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบงานปัจจุบัน เพื่ออกแบบระบบการทำงานใหม่ การวิเคราะห์ระบบต้องการปรับปรุงและแก้ไขระบบงานเดิมให้มีทิศทางที่ดีขึ้น ระบบงานที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันเรียกว่า “ระบบปัจจุบัน” แต่หากต่อมาได้มีการพัฒนาระบบใหม่และมีการนำมาใช้งานทดแทนระบบงานเดิม จะเรียกระบบปัจจุบันที่เคยใช้นั้นว่า “ระบบเก่า”
การวิเคราะห์ระบบ (System Analysis) การวิเคราะห์ระบบ เพื่อพัฒนาระบบใหม่ทดแทนระบบงานเดิม มีเหตุผลสำคัญดังนี้ ปรับปรุงบริการแก่ลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มกระบวนการควบคุมการทำงาน ลดต้นทุนการดำเนินการ ต้องการสารสนเทศมากขึ้น การวิเคราะห์ระบบ ก็ใช่ว่าจะเป็นการพัฒนาระบบใหม่เสมอไป ซึ่ง นักวิเคราะห์ระบบจะต้องทำการศึกษาถึงความเป็นไปได้ และตัดสินใจเลือกแนวทางที่เหมาะสม โดยแนวทางในการจัดการดำเนินงานประกอบด้วย 3 แนวทางด้วยกัน คือ 1.ไม่ต้องดำเนินการใด ๆ 2.ปรับปรุงระบบเดิมให้ดีขึ้น 3.พัฒนาระบบใหม่
นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst: SA) นักวิเคราะห์ระบบ เป็นผู้ที่ประสานการติดต่อบุคคลต่าง ๆ เพื่อรวบรวมข้อมูล รวบรวมความต้องการในองค์กรที่ประสบกับปัญหาการดำเนินงานเพื่อทำการปรับปรุงหรือสร้างระบบใหม่ งานหลักคือการวางแผน (Planning), การวิเคราะห์ความต้องการ (Requirements Analysis) ด้านสารสนเทศและการประมวลผลของหน่วยงาน, การเขียนข้อกำหนดของระบบใหม่ว่าควรทำงานอย่างไร ต้องใช้อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ใดที่เหมาะสม, การตรวจสอบพิจารณาเห็นสมควรที่จะนำระบบสารสนเทศมาใช้หรือไม่ หรือควรดำเนินการปรับปรุงระบบเดิมเท่านั้น นักวิเคราะห์ระบบจึงต้องวิเคราะห์ออกแบบระบบ เพื่อให้โปรแกรมเมอร์พัฒนาโปรแกรมตามระบบงานที่ได้ทำการวิเคราะห์ออกแบบไว้
นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst: SA) Management User Programmer System Analyst
นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst: SA) วิธีการทั่วไปสำหรับการแก้ไขปัญหาของตัวนักวิเคราะห์ระบบ จะประกอบไปด้วยขั้นตอนดังนี้ ศึกษาวิจัย และทำความเข้าใจกับปัญหา ตรวจสอบถึงประโยชน์ที่ได้จากการแก้ไขปัญหา และความคุ้มค่าต่อการลงทุน กำหนดความต้องการสำหรับการแก้ไขปัญหา สร้างโซลูชัน หรือแนวทางแก้ไขปัญหาหลายๆ แนวทาง เลือกโซลูชันที่ดีและเหมาะสมที่สุด กำหนดรายละเอียดของโซลูชันที่เลือก นำโซลูชันนั้นไปใช้งาน ตรวจสอบและติดตามผล เพื่อความมั่นใจว่าได้ผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์
ลักษณะงานของนักวิเคราะห์ระบบ วิเคราะห์ระบบเท่านั้น ในตำแหน่งนี้เรียกว่า Information Analysts วิเคราะห์และออกแบบระบบ ในตำแหน่งนี้เรียกว่า System Designers หรือ Applications Developers วิเคราะห์ ออกแบบและเขียนโปรแกรม ในตำแหน่งนี้เรียกว่า Programmer Analysts
ความรู้และทักษะของนักวิเคราะห์ระบบ ทักษะ และความรู้ทางเทคนิค (Technical Knowledge and Skills) นักวิเคราะห์ระบบจำเป็นต้องมีความเข้าใจในสิ่งพื้นฐานต่อไปนี้ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ เทคโนโลยีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และการสื่อสาร เทคโนโลยีฐานข้อมูล และระบบการจัดการฐานข้อมูล ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้สำหรับการโปรแกรม โปรแกรมระบบปฏิบัติการและโปรแกรมยูทิลิตี้
ความรู้และทักษะของนักวิเคราะห์ระบบ นอกจากนี้นักวิเคราะห์ระบบจำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับการใช้เครื่องมือ และเทคนิคในการพัฒนาระบบ ประกอบด้วย ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป เช่น โปรแกรม MS-Access PowerBuilder ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาระบบ รวมถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์แนวใหม่ในรูปแบบของ Integrated Development Environments (IDEs) เช่น MS-Visual Studio.NET เคสทูลส์ (CASE Tools) ที่ใช้สำหรับเป็นฐานข้อมูลซึ่งเป็นแหล่งรวมสารสนเทศของระบบที่พัฒนา ทำให้ทีมงานสามารถพัฒนาระบบไปในทิศทางเดียวกัน โปรแกรมหรือเครื่องมือช่วยอื่น ๆ เช่น เครื่องมือในการทดสอบโปรแกรม, เครื่องมือการจัดการโครงการ เป็นต้น
ความรู้และทักษะของนักวิเคราะห์ระบบ ทักษะและความรู้ทางธุรกิจ (Business Knowledge and Skills) มีฟังก์ชันหน้าที่ทางธุรกิจอะไรบ้าง ที่ต้องปฏิบัติงานในหน่วยงานนั้น? โครงสร้างองค์กรที่รูปแบบอย่างไร? การจัดการองค์กรมีรูปแบบอย่างไร? ชนิดหรือรูปแบบของระบบงานที่ใช้ในองค์กรคืออะไร?
ความรู้และทักษะของนักวิเคราะห์ระบบ ทักษะและความรู้ทางธุรกิจ (Business Knowledge and Skills) นักวิเคราะห์ระบบนอกจากจะต้องมีทักษะความรู้ในระบบธุรกิจแล้วยังไม่เพียงพอ จะต้องศึกษาเกี่ยวกับวัฒนธรรม และรูปแบบการดำเนินงานของตัวบริษัทที่จะเข้าไปพัฒนาระบบงาน เพื่อที่จะได้นำรายละเอียดนี้มาวิเคราะห์ ระบุรายละเอียดที่ต้องทำในบริษัทว่ามีอะไรบ้าง ต้องทำอะไร เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ ใช้กลยุทธ์อะไรในการดำเนินงาน และวางแผน มีข้อปฏิบัติอะไรบ้างที่ต้องดำเนินการ เพื่อมิให้ขัดต่อวัฒนธรรมในองค์กร
ความรู้และทักษะของนักวิเคราะห์ระบบ ทักษะและความรู้ด้านคน และทีมงาน (People Knowledge and Skills) จำเป็นต้องมีความระมัดระวังและเข้าใจเกี่ยวกับบุคคลในด้านต่าง ๆ ดังนี้ การคิด (Think) ความสามารถคาดการณ์ล่วงหน้า แต่ละคนจะมีพฤติกรรมในการโต้ตอบกับคอมพิวเตอร์อย่างไร การเรียนรู้ (Learn) อาจมีการจัดฝึกอบรม หรือการขอใช้ความช่วยเหลือ (Help) ที่บรรจุไว้ในโปรแกรม ผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลง (React to change) ต้องมีกระบวนการจัดการเปลี่ยนแปลงนี้เพื่อช่วยให้การทำงานเป็นไปในทิศทางที่ดี การสื่อสาร (Communicate) กระตุ้นให้ผู้ใช้งานมีแรงจูงใจและมีทัศนคติที่ดีต่อระบบ งาน (Work) หมายถึงงานต่าง ๆ ที่มีความหลากหลาย และมีระดับงานที่แตกต่างกัน นักวิเคราะห์ระบบจะต้องติดต่อเรื่องงานกับบุคคลหลาย ๆ ระดับด้วยกันในองค์กร ความซื่อสัตย์ และจรรยาบรรณในอาชีพ (Personal Integrity and Ethics)
การจัดผังโครงสร้างสารสนเทศแบบเก่า
การจัดโครงสร้างสารสนเทศแบบใหม่