สื่อกลางการสื่อสาร สื่อกลางแบบมีสาย 2. สื่อกลางแบบไร้สาย
1. สื่อกลางแบบมีสาย
1. สายโคแอกเชียล (Coaxcial Cable) เป็นสายสัญญาณที่ประกอบด้วย ลวดทองแดงอยู่ตรงกลาง หุ้มด้วยฉนวนพลาสติก 1 ชั้น แล้วจึงหุ้มด้วยทองแดงที่ถักเป็นแผ่นแล้วหุ้มภายนอกอีกชั้นหนึ่งด้วยฉนวน ใช้ในระบบโทรทัศน์ ความเร็วในการส่ง ข้อมูล 350 Mbps ระยะทาง 2-3 Mile
2. สายคู่ตีเกลียว (Twist Pair) สายคู่ตีเกลียว แต่ละคู่สายทองแดงจะถูกพันกันตามมาตรฐานเพื่อลดการรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จากคู่สายข้างเคียงภายในเคเบิลเดียวกันหรือจากภายนอก สายคู่ตีเกลียวสามารถส่งข้อมูลในระยะทางได้ไกลหลายกิโลเมตร และเนื่องจาก สายคู่ตีเกลียว มีราคาไม่แพงมาก ใช้ส่งข้อมูลได้ดี น้ำหนักเบา ง่ายต่อการติดตั้ง จึงถูกใช้งานอย่างกว้างขวาง ตัวอย่าง คือ สายโทรศัพท์ สายแบบนี้มี 2 ชนิดคือ
สายคู่เกลียวบิดที่ใช้กับเครือข่าย LAN แบ่งออกเป็น 2 ประเภท 1. STP (Shielded Twisted Pairs) สายคู่ตีเกลียวมี Shield 2. UTP (Unshielded Twisted Pairs) สายคู่ตีเกลียวแบบไม่มี Shield
STP (Shielded Twisted Pairs) สายคู่เกลียวบิดแบบมีส่วนป้องกันสัญญาณรบกวน มีส่วนที่ เพิ่มมาคือ ส่วนที่ป้องกันสัญญาณรบกวนจากภายนอก ซึ่งชั้นที่ป้องกันจะเป็นโลหะบาง ๆ หรือใยโลหะที่ถักเป็น ตาข่าย จุดประสงค์ของการเพิ่มชั้นห่อหุ้มเพื่อป้องกันการรบกวน จากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น คลื่นวิทยุจากแหล่งต่าง ๆ
UTP (Unshielded Twisted Pairs) เป็นสายสัญญาณที่นิยมใช้กันมากในระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์ เนื่องจากราคาถูก การใช้สายนี้ความยาวต้องไม่เกิน 100 เมตร โดยการเชื่อมต่อโดยใช้ Star Topology โดยต่อเข้ากับ หัวต่อสัญาณแบบ RJ-45 แล้วนำไปเสียบเข้ากับ Hub สาย UTP มีหลายเกรด (Category) ถ้าในมารฐาน 100 BASE T จะใช้สาย UTP CAT-5
3. สายใยแก้วนำแสง (Fiber Optical Cable ) Fiber Optics ลักษณะภายนอกจะเหมือนกับสาย โคแอกเชียล แต่โครงสร้างภายในจะเป็นใยแก้ว ส่งสัญญาณโดยใช้ลำแสง แทนไฟฟ้า สามารถส่งได้ไกลหลายกิโลเมตร สายใยแก้วนำแสงจะมี 2 ชนิด คือ 1. แบบส่งเป็นลำแสงตรง (Single Mode) 2. แบบส่งเป็นลำแสงสะท้อนหักเหภายในสาย (Multi Mode)
สายใยแก้วนำแสง (Fiber Optic)
2. สื่อกลางแบบไร้สาย Wireless
เครือข่าย LAN ไร้สาย (Wireless LAN) คือ เครือข่ายที่อาศัยคลื่นวิทยุในการรับส่งข้อมูล เช่น ที่บ้านอาจเล่นอินเทอร์เน็ตผ่านเครื่องที่ทำหน้าที่ เชื่อมต่อผ่านโมเด็มได้จากทุกห้อง ในบ้าน เนื่องจากคลื่นวิทยุนี้มีคุณสมบัติในการทะลุทะลวงสิ่งกีดขวางต่างๆ ได้ดี
2.1 ระบบคลื่นไมโครเวฟ
มีอุปกรณ์ระบบทวนสัญญาณ (Repeater) 2.2 ดาวเทียม (Satellite) Up-link Down-link มีอุปกรณ์ระบบทวนสัญญาณ (Repeater)
ระบบดาวเทียม (Satellite System) ใช้หลักการคล้ายกับระบบไมโครเวฟ ในส่วนของการยิงสัญญาณจากแต่ละสถานีต่อกันไปยังจุดหมายโดยอาศัยดาวเทียมที่โคจรอยู่รอบโลก ขั้นตอนในการส่งสัญญาณมี 3 ขั้นตอน คือ 1. การ Up-Link 2. ตรวจสอบสถานีปลายทาง 3. Down-Link อัตราความเร็วในการส่ง 1-2 Mbps
โทรศัพท์เคลื่อนที่ (Cellular) จะอาศัยการส่งสัญญาณของโทรศัพท์เคลื่อนที่ในการส่งผ่านข้อมูล ประเทศไทยนำเข้ามาใช้ในราว ๆ ปี พ.ศ. 2526 เป็นแบบอะนาล็อก หรือที่เรียกว่าระบบ 800
คลื่นวิทยุ (Radio Wave) การใช้คลื่นวิทยุเป็นสื่อนำสัญญาณในการรับ-ส่งข้อมูล มีข้อดี คือ สามารถส่งได้รอบทิศทางโดยไม่ต้องใช้สาย คลื่นสามารถเดินทางผ่านวัตถุกีดขวางได้ จะมีปัญหากับการขออนุญาตใช้คลื่นความถี่
อินฟราเรด (Infrared Wave) คลื่นอินฟราเรดถูกนำไปใช้ในการส่งข้อมูลระยะใกล้ เช่น ในรีโมตคอนโทรลของทีวี วิทยุ เป็นต้น เพราะราคาถูก มีคุณสมบัติพิเศษ คือ สามารถสะท้อนกลับวัตถุได้ ข้อเสีย มีพลังงานต่ำ และเดินทางในแนวเส้นตรง ไม่สามารถเดินทางผ่านวัตถุกีดขวางได้ และข้อจำกัดของแสง