เด็กไทยรุ่นใหม่ใส่ใจการออม จัดทำโดย ด.ญ. ณฐวิมลกัญจน์ ตั้งจิตนบ ชั้น1/5 เลขที่18
การออมคือ??? คือ การเก็บเงินเล็กน้อยๆวันละ 5 บาท 10 บาทต่อเดือนทำให้เราสามารถมีเงินเก็บเพื่อใช้จ่ายได้แบ่งประเภทของการออมเงินได้ดังนี้ 1.ออมเงินเพื่ออนาคตอันไกล้ ออมเพื่อใช้จ่ายหนี้สินที่มีของแต่ละเดือน เพื่อนำเงินที่ออมไปใช่จ่ายในครอบครัว ออมเงินเพื่อต้องการซื้อสิ่งของ ออมเงินสำรองเพื่อจ่ายค่ารักษาตัวยามป่วยไข้
การออมคือ??? 2.ออมเงินเพื่ออนาคตระยะยาว ใช้จ่ายในยามเกษียณอายุ เพื่อความมั่นคงของครอบครัว เป็นมรดกให้ลูกหลาน ใช้ในการลงทุนต่อยอดเงินออมให้เพิ่ม
ประโยชน์ของการออม ประโยชน์ต่อผู้ออม 1. เพื่อลดความผันผวนของการบริโภคและเพื่อเหตุฉุกเฉิน โดยที่รายได้ของ ครัวเรือนส่วนใหญ่ไม่มีความแน่นอนจึงต้องออมเงินไว้ใช้บริโภคเมื่อรายได้ตกต่ำหรือขาดรายได้ ขณะเดียวกัน ก็ต้องออมไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน เจ็บป่วย เป็นต้น 2. เพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิต ซึ่งได้วางแผนไว้ล่วงหน้าเช่นการออมเพื่อ ใช้จ่ายยามเกษียณอายุ การออมเพื่อการศึกษา การออมเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยโดยหวังผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย เงินปันผลและกำไรจาก ส่วนต่างราคาซื้อขาย
ประโยชน์ของการออม ประโยชน์ต่อประเทศ 1. การออมเป็นปัจจัยสำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นรากฐานและ เป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดการลงทุนพัฒนาเศรษฐกิจเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นการช่วยสนับสนุนการลงทุนการผลิตของประเทศและการจ้างงาน เป็นต้น
ประโยชน์ของการออม 2. สร้างเสริมความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและลดผลกระทบจากความ ผันผวนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากการออมในระดับสูงจะทำให้การลงทุนในระดับประเทศไม่จำเป็นต้องอาศัยเงินทุนจากต่างประเทศ หากการพึ่งพิงเงินทุนจากต่างประเทศในระดับสูงและต่อเนื่อง รวมทั้งนำเงินออมไปลงทุนในโครงการที่ไม่มีประสิทธิภาพย่อมนำมาสู่การเกิดวิกฤติเศรษฐกิจได้ง่าย ดังกรณีปี 2540 ดังนั้น การออมจึงนับว่า มีความสำคัญค่อนข้างมากเพื่อรองรับการลงทุน และเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและต่อผู้ออมเองเพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงในชีวิตระยะยาว จึงขอเชิญชวนทุกท่านมารวมพลังสร้างกลุ่มวัฒนธรรมการออมใหม่ อย่างไรก็ตามปัจจัยเกื้อหนุนให้เกิดการออมที่ยั่งยืนคือการใช้จ่ายอย่างฉลาดมีแบบแผนและหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือย ในทางตรงกันข้ามการออมมิได้หมายถึงการตระหนี่ถี่เหนียวจนเกินไปโดย ไม่จ่ายจนถึงระดับหนึ่งก็จะส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจได้เช่นกัน
สมการการออมเงิน รายรับ – รายจ่าย = เงินออม รายรับ – รายจ่าย = เงินออม ตัวอย่าง คุณมีรายได้จากเงินเดือนเป็นเงิน 15,000 บาท/เดือน แต่คุณมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนทั้งหมดรวมทุกสิ่งอย่าง อาทิเช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าน้ำ ค่าไฟ ฯลฯ เป็นเงินจำนวน 1,3000 บาท/เดือน สมการ = รายรับ – รายจ่าย = เงินออม ดั้งนั้น 1,5000 – 1,3000 = เงินออม 1,5000 – 1,3000 = 2,000 บาท
แง่คิดเพิ่มเติม ตามหลักแล้วเงินจะมีมูลค่าลดลงเรื่อยๆ ท่านที่เรียนเกี่ยวกับเรื่องการเงินมาน่าจะพอรู้เรื่องนี้ แต่เชือได้เลยว่า ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ไม่ทราบมาก่อน อาจจะพอรู้แต่ยังเข้าใจตรงจุดนี้ หากมองย้อนกลับไปในอดีตสมัยรุ่น ปู่ ย่า ตา ยาย เงินเพียง 1 บาท สามารถซื้อ สินค้า ขนม อาหารมารับประทานได้ แต่ในปัจจุบันข้าวหนึ่งจาน ราคาถูกสุดก็ประมาณ 25 บาท ไม่รู้ว่ายังมีขายราคานี้อยู่หรือป่าว ในเมื่อเรารู้แล้วว่าเงินนับวันมันก็ยิ่งมีมูลค่าลดลงไปเรื่อยๆ ก็แสดงว่าเงินที่เราออมมานั้นมีมูลค่าลดลงตามไปด้วย อย่างนี้ต้องทำอย่างไรดี หนทางที่จะทำให้เงินมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เราต้องเปลี่ยนจากเงินออมเป็นทรัพย์สินที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเราได้ หรือนำเงินออมไปลงทุน อาทิเช่น ซื้อกองทุน,ซื้อหุ้น,ซื้อประกันแบบออมเงิน หรือจะซื้อที่ดินเก็บเอาไว้ก็ดี แต่การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนเสมอ