ลัทธิคลาสสิคใหม่ Neoclassical Economics Mr.Natthapart
ลัทธิคลาสสิคใหม่ หรือ Cambridge School เกิดขึ้นลังจากลัทธิคลาสสิคประมาณ 114 ปี(1890) ผู้นำลัทธิคือ Marshall เป็นการอธิบายทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ ด้วยหลักการทางคณิตศาสตร์และสถิติ เน้นการวิเคราะห์ระบบเศรษฐกิจที่แยกเป็น 2 ทาง คือ การวิเคราะห์ดุลยภาพบางส่วน และดุลยภาพทั่วไป ใช้หลักการอนุมาณ ในการพัฒนาทฤษฎี นักเศรษฐศาสตร์คนสำคัญได้แก่ Alfred Marshall(1842 – 1924) J.B.Clark, Irving Fisher , Marie Espit I’eon Walras , Vifredo F.D. Pereto , Authur cecil Pigou
ข้อแตกต่างของลัทธิคลาสสิคใหม่กับลัทธิคลาสสิค ทฤษฎีราคา(มูลค่า) คลาสสิค แบ่งมูลค่าออกเป็น มูลค่าการใช้งานและมูลค่าการแลกเปลี่ยน คลาสสิคใหม่ เห็นว่าราคาถูกกำหนดด้วยดุลยภาพของอุปสงค์กับอุปทาน ซึ่งต่างฝ่ายจะยึดประโยชน์สูงสุดของตนเอง การแบ่งสรรรายได้ คลาสสิค แบ่งสรรรายได้เป็น ดอกเบี้ย ค่าเช่า กำไร และค่าจ้าง คลาสสิคใหม่ กำหนดการแบ่งสรรรายได้ว่าควรจะกำหนดอย่างไร เท่าไร ลัทธิการมองในแง่ร้าย(Pessimism) Ricardo และ Maithus อธิบายกฎประชากร ในแง่ร้าย คลาสสิคใหม่ มองว่าประชากรเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญ นำไปสู่การพัฒนาประเทศ
ทฤษฎีตลาดของ Say Say : อุปทานสร้างอุปสงค์ คลาสสิคใหม่ ในระยะสั้นไม่เกิดขึ้น แต่ในระยะยาวอาจเกิดขึ้นได้
Alfred Marshall(1842 – 1924) ทฤษฎีการกำหนดอุปทานและอุปสงค์ อธิบายถึงความเกี่ยวข้องด้านเวลา แบ่งออกเป็น 3 ระยะได้แก่ ระยะเพียงชั่วครู่ (momentary chang) ระยะสั้น(short run chang) ระยะยาว(long run chang) ทฤษฎีส่วนเกินผู้บริโภค(Consumer’s surplus)
ส่วนเกินของผู้บริโภค ราคา ปริมาณ a b P1 A Q1 P ส่วนเกินผู้บริโภคต่อหน่วย = ส่วนที่ผู้บริโภครับ MU – P Δ ABP1 = 0P1AQ1 – oPAQ1
ส่วนเกินที่ผู้บริโภคได้รับ มูลค่าทางสวัสดิการ(welfare value) ความพอใจสูงสุดที่เรามีกับสินค้านั้นหรือจะเรียนประโยชน์ที่เพิ่มเข้ามานั่นเอง(MU) ราคาที่ผู้ขายตั้งไว้สูงกว่าเป็นจริงแล้ว ยอมลดให้ผู้ซื้อ
ความยืดหยุ่น(elasticity การยืดหยุ่นได้แก่ เปอร์เซ็นต์ของการเปลี่ยนแปลงในปริมาณที่มีผู้ต้องการซื้อหารด้วยเปอร์เซ็นต์ของการเปลี่ยนแปลงของราคา
Irving Fisher ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน(Equation of Exchange) MV + M’V’ = PT
J.B. Clark ทฤษฎีประสิทธิผลเพิ่ม (Marginal Productivity Theory in Distribution) ประสิทธิผลเพิ่มเพิ่มเป็นตัวกำหนดมูลค่าของปัจจัยการผลิตคนงานเพิ่ม เป็นผู้กำหนดค่าจ้างมาตรฐาน