Load balancing by pfSense 54230007 นางสาวกัญญาพัชร คุณารักษ์ 54230035 นางสาวธัญญา ศิริวรรณ 54230089 นางสาวสุชาดา สัมพันธมิตร กลุ่ม 2
Load balancing เป็นการแบ่งงานที่เข้ามาจาก User ให้กระจายไปในกลุ่มของ Server ให้ทำงานได้มากกว่าในเวลาเท่ากัน และได้รับบริการเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติของ Fail Over คือหากมีคอมพิวเตอร์ภายในกลุ่มที่ไม่สามารถทำงานได้ เช่น Down อยู่ หรือไม่สามารถรับงานหรือ User เพิ่มได้ เนื่องจาก Resource ที่ใช้ทำงานไม่พอ ตัว Load Balancing ที่เป็นตัวแจก Load ให้คอมพิวเตอร์ภายในกลุ่มก็จะส่ง Load ไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆแทน จนกว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นจะกลับมาใช้งานได้ใหม่
ข้อดี Load balancing ช่วยเพิ่มความเร็วของระบบ เช่น ทำให้การโหลดข้อมูลจาก เว็บเร็วขึ้น ป้องกันปัญหาเน็ตล้ม เพราะหาก Server ตัวหนึ่งล้ม Server อีกตัวจะมาทำงานแทนทันที รองรับการใช้งานของ User จำนวนมากได้ดี
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 1. ลง Windows 7 ใน Virtual Box
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 2. ติดตั้งโปรแกรม pfSense ใน Virtual Box
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 2.1 Setting Network Adapter 1
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 2.2 Setting Network Adapter 2
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 2.3 Setting Network Adapter 3
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 2.4 เข้าไปที่เมนู Storage เลือก Storage Tree เป็น Empty แล้วเลือกไฟล์ .iso ของ pfSense
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 3. ทำการ installs โปรแกรม 3.1 เมื่อถึงหน้า Boot pfSense ให้กด 1
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 3.2 หน้าจอจะปรากฏข้อความถามว่า Do you want to set up VLANs now [y|n]? ให้ตอบ N
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 3.3 ปรากฏ pfSense Console Setup ให้กด 99
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 3.4 เลือก Accept these Settings
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 3.5 เลือก Custom Install
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 3.6 เลือก ad4: 17 MB
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 3.7 เลือก Format this Disk
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 3.8 เลือก Use this Geometry
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 3.9 เลือก Partition Disk
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 3.10 เลือก Accept and Create
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 3.11 เลือก Yes, partition ad4 แล้วคลิก OK
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 3.12 เลือก Accept and Install Bootblocks
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 4. ลบไฟล์ pfSense.iso ออกจาก Virtual Box
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 5. เข้า PfSense ใหม่อีกครั้ง จะปรากฏหน้าจอ pfSense Console Setup กด 2 และตั้งค่า LAN IP Address เป็น 192.168.10.1 เป็นไอพีที่เอาไว้จัดการบนเว็บ โดยใช้ subnet = 24
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 5.1 จะปรากฏข้อความว่า Do you want to enable to DHCP Server on LAN? ให้ตอบ y
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 6. เปิด Windows 7 จาก Virtual Box แล้วเปิด IE แล้วใส่ URL: 192.168.10.1
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 6.1 Interface WAN
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 6.2 Interface WAN2
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 6.3 การตั้งค่า NAT ใน Firewall
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 6.4 Edit Outbound
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 6.5 ตั้งค่า Services Load Balance
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 6.6 สร้าง WAN1 fail to WAN2
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 6.7 สร้าง WAN2 fail to WAN1
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 6.8 เสร็จแล้วกด Apply changes
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 6.9 ตั้งค่า Rules ใน Firewall
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 6.10 ตั้งค่า LAN Subnet กรณี WAN1 fail to WAN2
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 6.11 ตั้งค่า LAN Subnet กรณี WAN2 fail to WAN1
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 6.12 เสร็จแล้วกด Apply changes
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 7. การตรวจสอบความเร็วของสัญญาณ Internet 7.1 จากสาย LAN อย่างเดียว
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 7.2 จาก Wireless ของโทรศัพท์ สัญญาณ 3G อย่างเดียว
ขั้นตอนการทำ Load Balance โดยใช้ pfSense 7.3 จาก Wireless ของโทรศัพท์ สัญญาณ 3G ได้ความเร็วรวมกัน
จบการนำเสนอ ขอบคุณค่ะ จบการนำเสนอ ขอบคุณค่ะ