ศาสนาเชน นักอหิงสาต่อความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิต - เกิดควบคู่กันมากับพระพุทธศาสนา - เป็นศาสนาประจำชนชาติอินเดียทางภาคเหนือ - บำเพ็ญตบะด้วยวิธีต่างๆ โดยเฉพาะการทรมานร่างกาย(อัตตกิลมถานุโยค) - ปัจจุบันมีศาสนิกชนน้อยลงเรื่อยๆ (มีประมาณ 1 ล้าน 5 แสนคน) - สอนเรื่องอาตมันคล้ายฮินดู แต่แตกต่างที่เป็น อเทวนิยม - มีศาสนามาแล้วถึง ๒๔ องค์ องค์แรก ชื่อ“ฤษภะ” องค์สุดท้ายชื่อ “มหาวีระ”(เจ้าชายวรรธมาน) - ศาสดาเรียกว่า “ตีรถังกร” (ผู้กระทำซึ่งท่า) - เชนหรือชินะแปลว่าผู้ชนะ (หมายถึงการชนะตัวเอง) - เป็นการชนะด้วยวินัยแห่งการควบคุมตัณหาของตนอย่างเข้มงวด
๑) อหิงสา = การไม่ฆ่า ไม่เบียดเบียน ไม่ทำร้ายสัตว์ จริยศาสตร์ (บัญญัติ ๕ ประการ) ๑) อหิงสา = การไม่ฆ่า ไม่เบียดเบียน ไม่ทำร้ายสัตว์ ๒) สัตยะ = ซื่อสัตย์ ๓) อัสตียะ =ไม่ลักขโมย หลบหนีภาษี ๔) พรหมจริยะ = เว้นจากกามสุข ๕) อปริคหะ = ไม่โลภ รวมเรียกว่า พรต = วัตร การปฏิบัติของนักบวชเรียกว่า “มหาพรต” การปฏิบัติของคฤหัสถ์เรียกว่า “อนุพรต” นักบวชที่ปฏิบัติเคร่งครัดเรียกว่า “สาธุ” ศาสนาเชนยึดอหิงสาธรรมและชีวิตสันโดษNon-violence “อหิงสา หมายถึงการไม่ทำร้าย” “มันเป็นการยากที่จะเอาชนะตัวเองได้ แต่เมื่อใดเอาชนะได้แล้วทุกอย่างก็ถูกเอาชนะได้ด้วย”
นิกายนุ่งลมห่มฟ้า และนิกายนุ่งผ้าสีขาว ๑. ทิคัมพร - เปลือยกาย - อนุรักษ์นิยม, เจริญอยู่ทางตอนใต้ของอินเดีย - มีอาภรณ์เป็นอากาศ - พุทธศาสนา เรียกว่า อเจลกะ, นัคคะ, นิครนถ์ ๒. เศวตัมพร - นุ่งห่มผ้าขาว - เจริญอยู่ทางตอนเหนือของอินเดีย - อาภรณ์สีขาว - แก้บทบัญญัติแห่งการเปลือยกายไม่ให้ตึงเกินไป - พุทธศาสนา เรียกว่า ปัณฑรังคะ = ผู้นุ่งขาวห่มขาว
ข้อสังเกต ๑. การแบ่งแยกนิกาย นอกจากอิทธิพลของกาลเวลาแล้วสภาพแวดล้อมก็มีส่วนสำคัญ ๒. ผู้หญิงสำเร็จเป็นสิทธาได้ ก็เพราะบางนิกาย (เศวตัมพร) มีติดถังกรเป็นผู้หญิง ๓. นักบวชทุกท่านต้องถอนผมของตนด้วยทางตาลหรือมือแทนการโกนเพื่อพิสูจน์ความอดทน ๔. ศาสนาเชนยกย่องการปฏิบัติแบบ อัตตกิลมถานุโลก เช่นการนิยมอดอาหาร (ถือเป็นการตายที่บริสุทธิ์)
ความเหมือนกับพุทธศาสนา ๑. เดิมเป็นเทวนิยม เปลี่ยนเป็นอเทวนิยม สมัยศาสดามหาวีระ ๒. เน้นอหิงสาธรรม – เมตตา ๓. ปฏิเสธคัมภีร์พระเวทและความศักดิ์สิทธิ์ของระบบวรรณะ ๔. เชื่อเรื่อง “กรรม”(ความดีต้องมาจากดี) ๕. ยอมรับใน “สังสารวัฏ”และ “การหลุดพ้น” (นิรวาณ-นิพพาน)
ความแตกต่าง สัญลักษณ์ คำสอนยึดถือ “อัตตา”(วิญญาณของบุคคลเป็นนิรันดร) ส่วนพุทธศาสนาเป็น “อนัตตา” ๒) เน้นหลัก “อหิงสาธรรม” มากกว่า (ถือเป็นมงกุฎของศาสนาเชน) ๓) เชนปฏิบัติในหลักอัตตกิลมถานุโยค ส่วนพุทธถือหลักมัชฌิมาปฏิปทา สัญลักษณ์ ๑. รูปของ มหาวีระ ผู้เป็นศาสดาองค์สุดท้าย ทิคัมพร – รูปติดถังกรเปลือยกาย เศวตัมพร – รูปติดถังกรนุ่งห่มผ้า ๒. คัมภีร์เรียกชื่อว่า อาคม(หมายถึงศีล) ๓. เป็นนักมังสวิรัติ (อาชีพพวกพระ ครูอาจารย์ ศิลปิน พ่อค้า นักธุรกิจ นายธนาคาร) “ทุกสิ่งป็นนิรันดรโดยธรรมชาติของตนนั่นเอง”
วจนะและสุภาษิตของเชน จงรู้ว่าอะไรเป็นเหตุผูกมัดวิญญาณ และเมื่อรู้ ก็จงพยายามขจัดออกไป นกติดอยู่ในกรงย่อมออกจากกรงไม่ได้ฉันใด บุคคลผู้เขลาต่อความถูกและความผิดก็ย่อมออกจากความระทมทุกข์ไม่ได้ฉันนั้น มีทางทำบาปอยู่ 3 ทาง คือโดยการกระทำของเรา โดยการสนับสนุนคนอื่น โดยการเห็นด้วย มุนีย่อมนำชีวิตออกห่างจากความรักให้ไกลมากเท่ากับจากความเกลียด ชีวิตทุกชีวิตย่อมเกลียดความเจ็บปวด เพราะฉะนั้นอย่าทำร้ายเขาหรือฆ่าเขา นี่เป็นแก่นสารแห่งปัญญา ไม่ฆ่าสิ่งใด ความเหย่อหยิ่งเป็นหนามที่บางมากแต่เป็นเรื่องยากที่จะดึงออก คนควรปฏิบัติต่อสัตว์โลกทั้งหมดในโลก ดังเช่นตัวเองชอบที่จะให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อตน ฯลฯ
เชน ฑิคัมพร (นุ่งลมห่มฟ้า) เชน ฑิคัมพร (นุ่งลมห่มฟ้า)
เทวรูป เชน
สัญลักษณ์ เทวรูป เชน