เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สาย
เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายยุคต่างๆ 1G (First Generation) 2G (Second Generation) 2.5G (Second Point Five Generation) 3G (Third Generation) 4G (Forth Generation)
เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายยุค 4G เทคโนโลยีการสื่อสารบนโทรศัพท์มือถือในปัจจุบันก้าวเข้าสู่ยุค3G แต่ผู้ให้บริการส่วนใหญ่ในประเทศไทยยังอิงกับเทคโนโลยีของ2G ส่วนประเทศญี่ปุ่นและไต้หวันนั้นเทคโนโลยีการสื่อสารบนโทรศัพท์มือถือได้ก้าวไปสู่ยุคของ 4G อย่างชัดเจน หากมองถึงพัฒนาการของระบบการสื่อสารของโทรศัพท์มือถือทั่วโลกนั้น ต้องยอมรับว่าประเทศญี่ปุ่นผลักดันตัวเองไปสู่ระบบการสื่อสารในอนาคตก่อนใครทั้ง ๆ ที่เทคโนโลยีเหล่านี้แต่เดิมนั้นมาจากทางยุโรปแทบทั้งสิ้น
1G (First Generation) ยุคเริ่มต้นของระบบการสื่อสารของโทรศัพท์มือถือ หรือเรียกว่า 1G (First Generation) เริ่มใช้งานประมาณ พ.ศ. 2525 ใช้การส่งสัญญาณแบบ Analog การเชื่อมโยงของเครือข่ายเป็นแบบ Circuit switching คุณภาพของเสียงยังไม่ดี ความเร็วของการส่งต่ำ ยังไม่มีระบบความปลอดภัยของการใช้งาน ทำให้มีการลักลอบใช้งานกันได้ง่าย
1G (First Generation) ระบบที่ใช้ในยุคนี้ก็คือระบบ AMPS (Advanced Mobile Phone Service) ใช้คลื่นความถี่ระหว่าง 800 – 900 เมกะเฮิรตซ์ ในประเทศไทยใช้งานกันน้อยมาก เนื่องจากเทคโนโลยีเพิ่งเข้ามาทำให้ค่าบริการและตัวเครื่องโทรศัพท์มีราคาสูงมาก
2G (Second Generation) ยุคนี้การส่งข้อมูลเริ่มเปลี่ยนจาก Analog มาเป็นการเข้ารหัสแบบดิจิทัล (Digital Encoding) เริ่มใช้งานประมาณ พ.ศ. 2535 การส่งข้อมูลใช้ความเร็วได้มากขึ้น ระบบที่ใช้งานในยุคนี้ได้แก่ ระบบ GSM มีระบบความปลอดภัยของข้อมูล โดยมีระบบการเข้ารหัสมาใช้ ยุคนี้ถือเป็นยุคเริ่มต้นของการส่งข้อมูลนอกเหนือจากการส่งเสียง เริ่มมีการส่งข้อความสั้น ๆ หรือ Short message
2G (Second Generation) เริ่มมีการใช้งาน Wireless Application Protocol (WAP) เกิดขึ้น ในช่วงปลายของยุคนี้เครือข่ายแลนไร้สาย (Wireless LAN) เริ่มมีการใช้งานด้วยความเร็วไม่มากนัก
2.5G (Second Point Five Generation) เทคโนโลยีการสื่อสารบนโทรศัพท์มือถือปัจจุบันประเทศไทยเพิ่งจะเข้าสู่ยุค 2.5G แต่ก็มีผู้ให้บริการบางรายที่ก้าวไปสู่ยุคของ 3G ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการเป็นผู้นำเทคโนโลยีการสื่อสารแห่งอนาคต เริ่มใช้งานประมาณ พ.ศ. 2545 ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ ยังคุ้นเคยกับระบบสื่อสารในยุค 2G หรือ 2.5G มากกว่า ทำให้การผลักดันไปสู่ยุค 3G จึงเป็นไปค่อนข้างลำบาก และยังไม่คุ้มค่าด้วยการลงทุน ทำให้เทคโนโลยีของ 2.5G จึงเข้ามาเป็นสะพานเชื่อมต่อไปสู่ยุคหน้า สำหรับเทคโนโลยี 2.5G ที่มีใช้อยู่ตอนนี้ก็คือ GPRS : (General Packet Radio Service)
3G (Third Generation) ระบบการสื่อสารที่ได้รับความนิยมทั่วโลกขณะนี้ คือ 3G ที่แพร่หลายมากที่สุด เริ่มใช้งานประมาณ พ.ศ. 2548 คุณสมบัติและความสามารถของ 3G มีดังนี้ ใช้คลื่นความถี่ 2 กิกะเฮิรตซ์ สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายได้ตลอดเวลา สามารถส่งข้อมูลที่เป็นมัลติมีเดียได้ รองรับการใช้งานประเภทดิจิตอลคอนเทนต์
3G (Third Generation) การประชุมทางไกลแบบเห็นหน้า (Video conference) การชมภาพยนตร์หรือ Video clip รองรับการเข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (IP network) อย่างเต็มรูปแบบ สามารถทำโรมมิ่ง (roaming) ได้ทั่วโลก
4G (Forth Generation) ความเร็วในการสื่อสารได้ถึงระดับ 20-40 Mbps เทคโนโลยีสื่อสารในยุค 4G ความเร็วนั้นเหนือกว่า 3G มาก ในประเทศไทยยังไม่มีให้เห็น ความเร็วในการสื่อสารได้ถึงระดับ 20-40 Mbps เครือข่ายโทรศัพท์ที่ใช้เทคโนโลยี 4G ที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นสามารถให้บริการ รับชมรายการโทรทัศน์ผ่านมือถือหรือดาวน์โหลดตัวอย่างภาพยนตร์มาชมบนโทรศัพท์มือถือได้แล้ว สาเหตุที่ญี่ปุ่นก้าวกระโดดไปสู่ยุค 4G อย่างรวดเร็ว คือ ดิจิตอลคอนเทนต์หรือการบริการด้านเนื้อหาในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงเรียกเข้า (ริงโทน) ภาพหน้าจอ(วอลเปเปอร์)เสียงรอสายรวมถึงข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ซึ่งเป็นตัวผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุค 4G
4G (Forth Generation) เมื่อผู้ให้บริการหลายรูปแบบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยจำเป็นต้องอาศัยเครือข่ายที่มีความเร็วสูง สามารถรับส่งข้อมูลได้ในปริมาณมาก ดังนั้น การผลักดันตัวเองให้เข้าสู่ยุค 4G ที่ใช้เทคโนโลยีที่เหนือกว่า 3G ก่อนคู่แข่ง น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด บริษัทที่มีการผลักดันให้เกิดยุค 4G คือบริษัท NTT Docomo ยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของญี่ปุ่น
สรุปคำนิยามมีดังนี้ 1G = Analog 2G = Digital 2.5G = GPRS 3G = Digital Multimedia 4G = Hybrid Network
เอกสารอ้างอิง 4G (online). Available: http://www.itbusinessedge.com/ [2007, September 6]. 4G (online). Available: http:// www.4g-systems.biz/en/index.php [2007, October 24]. 4G(online). Available: http://www.internet.org [2007, October 31].