อาจารย์นัณฑ์ศิตา ชูรัตน์ The Physical Layer อาจารย์นัณฑ์ศิตา ชูรัตน์
Physical Layer Physical Layer ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสื่อสาร (Transmission) ทำหน้าที่ จัดการเชื่อมต่อ และ การส่งสัญญาณทางไฟฟ้า จากผู้ส่ง ไปยังผู้รับ โดยผ่านสื่อกลาง Physical Layer เป็นส่วนล่างที่รองรับทุกอย่าง ทำหน้าที่ขนส่งสัญญาณ ของ Layer ที่สูงกว่าทั้งหมด โดยมาตรฐานที่ใช้กันมากที่สุดใน Physical Layer คือ RS-232C มาตรฐานของสัญญาณ และสายที่กำหนด ว่าสัญญาณไหนทำอะไร และระดับแรงดันไฟฟ้าเท่าใดแทน 0 หรือ 1
การเข้ารหัสสัญญาณดิจิตอล การแปลงข้อมูลดิจิตอลให้เป็นสัญญาณดิจิตอล (Digital Data to Digital Signal) การส่งข้อมูลดิจิตอลผ่านช่องทางสื่อสารแบบดิจิตอลจะต้องมีการเข้ารหัส เพื่อให้สามารถส่งข้อมูลไปได้อย่างปลอดภัย เกิดการผิดพลาดของการส่งข้อมูลน้อย มีเทคนิควิธีเข้ารหัสสัญญาณดิจิตอลหลายวิธีด้วยกัน แบบ NRZ-L เป็นแบบที่ง่ายที่สุด โดยใช้ระดับแรงดันที่แตกต่างกันสองระดับ ส่วนสําหรับเครือข่าย LAN (Ethernet) จะใช้เทคนิค Manchester เทคนิค Differential Manchester สําหรับ Token Ring
การเข้ารหัสสัญญาณดิจิตอล NRZ-L (Nonreturn to Zero Level) 0 = high level ค่าสูง 1 = low level ค่าต่ำ NRZI (Nonreturn to Zero Inverted) 0 = ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่บิตเริ่มต้น 1 = เปลี่ยนแปลงเป็นตรงกันข้าม
การเข้ารหัสสัญญาณดิจิตอล Bipolar-AMI 0 = ไม่มีสัญญาณ 1 = สัญญาณเป็นบวกและลบสลับกัน Pseudoternary 0 = สัญญาณเป็นบวกและลบสลับกัน 1 = ไม่มีสัญญาณ
Differential Manchester 0 = เปลี่ยนจากค่าสูงเป็นค่าต่ำในช่วงกลาง 1 = เปลี่ยนจากค่าต่ำเป็นค่าสูงในช่วงกลาง Differential Manchester จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ช่วงกลางเสมอ 0 = เปลี่ยนเป็นสัญญาณตรงกันข้ามกับด้านหน้า 1 = ไม่เปลี่ยนแปลงสัญญาณจากด้านหน้า
ปจจัยที่มีสวนเกี่ยวของกับความเร็วบนตัวกลางที่ใชสงขอมูล ขอควรพิจารณาในการออกแบบระบบการสงผานขอมูล คืออัตราความเร็วของขอมูล และระยะทาง (Data Rate and Distance) โดยอัตราความเร็วของขอมูลที่สูงและสามารถผานไดในระยะ ทางไกล ยอมดีกว่าอัตราความเร็วของขอมูลที่ต่ำและสงไดในระยะทางที่สั้น สวนจํานวนปจจัยที่ เกี่ยวของกับตัวกลางที่ใชสงข้อมูล และสัญญาณเพื่อนํามาประกอบการพิจารณาดานความเร็วของ ขอมูลและระยะทาง ประกอบดวย แบนดวิดธ (Bandwidth) ความสูญเสียตอการสงผาน (Transmission Impairments) การรบกวนของสัญญาณ (Interference) จํานวนโหนดที่เชื่อมตอ (Number of Receivers)
สายคูบิดเกลียว (Twisted-Pair) ประกอบดวย 4 คู สายคูบิดเกลียวแบงออกไดเปน 2 ประเภท คือ สายคูบิดเกลียวแบบไมมีชีลด (UTP : Unshielded Twisted-Pairs) และ สายคูบิดเกลียวแบบมีชีลด (STP : Shielded Twisted-Pairs) สําหรับการสงขอมูลดวยสายคูบิดเกลียว จะมีคุณลักษณะสําคัญตางๆ ดังตอไปนี้ กรณีสงขอมูลแบบแอนะล็อก จําเปนตองมีเครื่องขยาย (Amplifiers) เพื่อเพิ่มกําลังสง ในระยะทางทุกๆ 5 ถึง 6 กิโลเมตร กรณีสงขอมูลแบบดิจิตอล จําเปนตองใชอุปกรณที่เรียกวาเครื่องทวนสัญญาณ (Repeater) ในระยะทางทุกๆ 2 ถึง 3 กิโลเมตร ใชงานบนระยะทางที่จํากัด มีแบนดวิดที่จํากัด(1 MHz ถึง 100 MHz ) อัตราความเร็วในการสงขอมูลมีจํากัด ไวตอสัญญาณรบกวน
ขอดีและขอเสียของสายคูบิดเกลียว ราคาถูก งายตอการนําไปใชงาน ขอเสีย ความเร็วจํากัด ใชกับระยะทางสั้น ๆ ในกรณีเปนสายแบบไมมีชีลดปองกันสัญญาณรบกวน ก็จะไวตอสัญญาณรบกวนภายนอก