การบริโภค การออม และการลงทุน
Classical Theory and The Keynesian Revolution
มีการจ้างงานเต็มที่ในระยะยาว Classical Theory Classical Economist : Adam Smith มีการจ้างงานเต็มที่ในระยะยาว Say’s Law Supply creates its own Demand
Keynesian School of Economics John Maynard Keynes The General Theory of Employment, Interest and Money (ปี ค.ศ. 1939) Demand creates its own Supply
Aggregate Expenditure = C + I + G + (X – M) Aggregate Demand = C + I + G + (X – M)
รายจ่ายเพื่อการบริโภคและการออม Consumption Expenditure [C] and Saving [S]
ปัจจัยที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและการออม รายได้สุทธิส่วนบุคคลหรือรายได้ที่ใช้จ่ายได้จริง (Disposable Income) รายได้ C S รายได้ C S
ปัจจัยที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและการออม ขนาดของสินทรัพย์สภาพคล่อง สินทรัพย์สภาพคล่อง คือ สิ่งที่เราถือว่าเป็นเงิน (Money) ได้แก่ เงินสด เงินฝากกระแสรายวัน เงินฝากประจำ พันธบัตร ทองคำ หุ้น และที่ดิน ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้รวดเร็วและ ไม่เสียค่าใช้จ่ายมากนัก
> C ก C ข นาย ก. มีรายได้ 10,000 บาท/เดือน นาย ข. มีรายได้ 10,000 บาท/เดือน มีเงินฝากประจำ 1,000,000 บาท มีที่ดินมูลค่า 1,000,000 บาท C ก C ข >
ปัจจัยที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและการออม สินค้าถาวรที่ผู้บริโภคมีอยู่ อุปนิสัยในการใช้จ่ายของผู้บริโภค สินเชื่อเพื่อการบริโภคและอัตราดอกเบี้ย การคาดคะเนราคาสินค้าในอนาคต การคาดคะเนรายได้ในอนาคต ปัจจัยอื่นๆ
ฟังค์ชั่นการบริโภคและการออม C = f ( Yd, A1, A2, A3, … ) C คือ รายจ่ายเพื่อการบริโภค Yd คือ รายได้สุทธิ หรือ รายได้ที่ใช้จ่ายได้จริง (DI) A1, A2, A3,… คือ ปัจจัยอื่นๆ เมื่อ
ฟังค์ชั่นการบริโภคและการออม C = f ( Yd, A1, A2, A3, … ) ในระยะสั้น Consumption Function คือ C = f (Yd ) Saving Function S = f ( Yd )
ความโน้มเอียงเฉลี่ยในการบริโภค (Average Propensity to Consume : APC) อัตราส่วนของค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคต่อรายได้ ค่าที่แสดงว่ารายจ่ายในการบริโภคคิดเป็นสัดส่วนเท่าใดของรายได้ C Yd APC =
ความโน้มเอียงเฉลี่ยในการออม (Average Propensity to Save : APS) อัตราส่วนของการออมต่อรายได้ ค่าที่แสดงว่าการออมคิดเป็นสัดส่วนเท่าใดของรายได้ S Yd APS =
ความโน้มเอียงส่วนเพิ่มในการบริโภค (Marginal Propensity to Consume : MPC) อัตราส่วนของการเปลี่ยนแปลงรายจ่ายในการบริโภคต่อการเปลี่ยนแปลงของรายได้ C Yd MPC =
ความโน้มเอียงในการออมหน่วยสุดท้าย (Marginal Propensity to Save : MPS) อัตราส่วนของการเปลี่ยนแปลงของการออมต่อการเปลี่ยนแปลงของรายได้ S Yd MPS =
0.25 - 0.75 0.12 0.11 0.08 0.05 -0.08 -0.25 -0.75 0.88 0.89 0.92 0.95 1.00 1.08 1.25 1.75 100 75 50 25 -25 -50 -75 -100 700 800 625 550 600 475 500 400 325 300 250 200 175 MPS MPC APS APC S C Yd
ระดับรายได้เสมอตัว (Break even) C Yd C, S 100 -100 200 400 600 800 300 500 700 S C = Yd ระดับรายได้เสมอตัว (Break even)
Yd = 500 APC = 0.95 , APS = 0.05 ณ รายได้ 500 บาท โดยเฉลี่ยแล้ว เงิน 1 บาท จะนำไปบริโภค 0.95 บาท และนำไปออม 0.05 บาท Yd = C + S ถ้า Yd = 1 Yd 1 = APC + APS
เมื่อ Yd เพิ่มขึ้น C จะเพิ่มขึ้น Keynes : เมื่อ Yd เพิ่มขึ้น C จะเพิ่มขึ้น แต่ C จะเพิ่มขึ้นน้อยกว่า Yd ที่เพิ่มขึ้น MPC > 0 MPC < 1 0 < MPC < 1 MPC
MPC = 0.75 , MPS = 0.25 ถ้ามีรายได้เพิ่มขึ้น 1 บาท จะใช้จ่ายเพื่อการบริโภคเพิ่มขึ้น 0.75 บาท และนำไปออมเพิ่มขึ้น 0.25 บาท Yd = C + S ถ้า Yd = 1 Yd = C + S Yd 1 = MPC Yd ดังนั้น = C + S + MPS
การลงทุน (Investment : I)
การลงทุน (Investment : I) ค่าใช้จ่ายในการผลิตสินค้าทุน (Capital goods) การใช้จ่ายโดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ คือ ทำให้ การผลิตสินค้าและบริการในอนาคตเพิ่มขึ้น
การซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ การซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไร การซื้อสินทรัพย์และหลักทรัพย์มือสอง ไม่ถือเป็นการลงทุน แต่เป็นการลงทุนทาง การเงิน (Financial Investment)
ประเภทของการลงทุน การลงทุนโดยอิสระ (Autonomous investment) การลงทุนโดยจูงใจ (Induced investment)
การลงทุนโดยอิสระ (Autonomous investment) ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่ไม่มีความสัมพันธ์กับรายได้ประชาชาติ I Y Ia
การลงทุนโดยจูงใจ (Induced investment) การลงทุนที่มีความสัมพันธ์กับรายได้ประชาชาติ และความสัมพันธ์นี้จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน Y I Y I I Y Ii
รายได้ที่เพิ่มขึ้นนี้ต้องเป็นรายได้ที่องค์กรธุรกิจคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างถาวรเป็นระยะเวลานาน จึงจะมีผลจูงใจให้กลุ่มธุรกิจลงทุนเพิ่ม Y I C G
ตัวทวี หรือ ตัวคูณ (Multiplier) ระบบเศรษฐกิจที่ไม่มีรัฐบาลและการค้าระหว่างประเทศ GDP = Y = C + I I = 25 ล้านบาท (C คงที่) Y = 100 ล้านบาท Multiplier
ตัวทวี หรือ ตัวคูณ (Multiplier) ตัวเลขที่แสดงว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุน (I) แล้วระดับรายได้ประชาชาติ (Y) จะเปลี่ยนแปลงไปในสัดส่วนเท่าใดของการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนนั้น ตัวเลขที่แสดงว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุน (I) ระดับรายได้ประชาชาติ (Y) จะเปลี่ยนแปลงไปเท่ากับตัวทวีคูณด้วยปริมาณการเปลี่ยนแปลงในค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนนั้น
Y = C + I I = 25 ล้านบาท (C คงที่) Y = 100 ล้านบาท 100 = 25 4 x ถ้ามีการลงทุนเพิ่มขึ้น 1 หน่วย รายได้ประชาชาติจะเพิ่มขึ้น 4 เท่าของการลงทุนที่เพิ่มขึ้น Multiplier
100 = 4 x 25 Y = k x I ( k : Multiplier ) Y I k =
การทำงานของตัวทวี รวม การออมที่เพิ่มขึ้น การบริโภคที่เพิ่มขึ้น 25 75 100 รวม I = 25 ... 1.98 5.93 7.91 5 2.64 10.55 4 3.51 14.06 3 4.69 18.75 2 6.25 25.00 1 การออมที่เพิ่มขึ้น การบริโภคที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มขึ้นของรายได้ Y รอบการใช้จ่าย การลงทุนที่เพิ่มขึ้น I กำหนด MPC = 0.75 MPS = 0.25 1 x 25 = 0.75 x 25 = (0.75)2 x 25 = (0.75)3 x 25 = (0.75)4 x 25 =
100 = (1 x 25) + (0.75 x 25) + ((0.75)2 x 25) + ((0.75)3 x 25) + ((0.75)4 x 25) + ... (1 + 0.75 + 0.752 + 0.753 + 0.754 + ... + 0.75n ) x 25 1 1 – 0.75 x 25 Y = 1 – MPC x I MPS = 0.25
Y = k x I ( k : Multiplier ) Y = 1 1 – MPC x I MPS
Y = C + I Y = C + I 1 = MPC + I 1 - MPC = 1 – MPC MPS k
< k < จาก 1 พิจารณา ถ้า I = 25 k = k < > 0 < MPC < 1 จาก < k < 1 พิจารณา ถ้า I = 25 MPC = 0.75 k = 4 MPC < 0.75 k Y = 100 Y < MPC > 0.75 >
รายได้ประชาชาติใหม่เท่ากับ 200 ล้านบาท เดิมรายได้ประชาชาติเท่ากับ 100 ล้านบาท ต่อมามีการลงทุนเพิ่มขึ้น 20 ล้านบาท รายได้ประชาชาติใหม่เท่ากับเท่าใด ถ้า MPC = 0.8 k 1 1 – MPC = 1 – 0.8 = 5 Y I 5 20 Y = 5 x 20 = 100 ล้านบาท รายได้ประชาชาติใหม่เท่ากับ 200 ล้านบาท