Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน
Jesus Enters Jerusalem Luke ลูกา 19:29-48 พระเยซูเสด็จมาถึงกรุงเยรูซาเล็ม The Triumphal Entry into Jerusalem Luke 19:29-40 ลูกา 19:29-40
29 When he drew near to Bethpage and Bethany, at the mount that is called Olivet, he sent two of the disciples, 29 เมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้หมู่บ้านเบธฟายีและหมู่บ้านเบธานี มาถึงภูเขาที่เรียกว่ามะกอกเทศ พระองค์ทรงใช้สาวกสองคน
30 saying, “Go into the village in front of you, where on entering you will find a colt tied, on which no one has ever yet sat. Untie it and bring it here. _
30 สั่งว่า “จงเข้าไปในหมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้า เมื่อเข้าไปแล้วจะพบลูกลาตัวหนึ่งที่ยังไม่มีใครขึ้นขี่เลยผูกไว้ จงแก้มันจูงมาเถิด
31 If anyone asks you, ‘Why are you untying it 31 If anyone asks you, ‘Why are you untying it?’ you shall say this: ‘The Lord has need of it.’” 31 ถ้ามีใครถามว่า 'ท่านแก้มันทำไม?' จงบอกเขาว่า 'องค์พระผู้เป็นเจ้าต้องพระประสงค์จะใช้มัน' ”
32 So those who were sent went away and found it just as he had told them. 32 สาวกสองคนนั้นก็พบเหมือนอย่างที่พระองค์ตรัสกับเขา
33 And as they were untying the colt, its owners said to them, “Why are you untying the colt?” 33 ขณะที่เขากำลังแก้ลูกลาอยู่นั้น พวกเจ้าของก็ถามเขาว่า “ท่านแก้ลูกลาทำไม?”
34 And they said, “The Lord has need of it
35 And they brought it to Jesus, and throwing their cloaks on the colt, they set Jesus on it. 35 แล้วเขาก็จูงลูกลามาหาพระเยซู เอาเสื้อของตนปูบนหลังลา แล้วเชิญพระเยซูขึ้นทรงลานั้น
36 And as he rode along, they spread their cloaks on the road
37 As he was drawing near—already on the way down the Mount of Olives—the whole multitude of his disciples began to rejoice and praise God with a loud voice for all the mighty works that they had seen,
37 เมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้ทางที่จะลงไปจากภูเขามะกอกเทศแล้ว พวกสาวกทุกคนก็มีความชื่นชมยินดีเพราะมหกิจทั้งหลายที่พวกเขาเห็นนั้น จึงเริ่มสรรเสริญพระเจ้าด้วยเสียงดัง
38 saying, “Blessed is the King who comes in the name of the Lord 38 saying, “Blessed is the King who comes in the name of the Lord! Peace in heaven and glory in the highest!” 38 ว่า “ขอให้ พระมหากษัตริย์ ผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ ขอให้มีสันติในสวรรค์และพระเกียรติในที่สูงสุด”
39 And some of the Pharisees in the crowd said to him, “Teacher, rebuke your disciples.” 39 ฝ่ายฟาริสีบางคนในหมู่ประชาชนนั้นทูลพระองค์ว่า “อาจารย์เจ้าข้า จงห้ามเหล่าสาวกของท่าน”
40 He answered, “I tell you, if these were silent, the very stones would cry out.” 40 พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถึงคนเหล่านี้จะนิ่งเสีย ศิลาทั้งหลายก็ยังจะส่งเสียงร้อง”
Jesus Weeps Over The City 19:41-44 41 And when he drew near and saw the city, he wept over it, 41 ครั้นพระองค์เสด็จมาใกล้เห็นกรุงแล้ว ก็กันแสงสงสารกรุงนั้น
42 saying, “Would that you, even you, had known on this day the things that make for peace! But now they are hidden from your eyes. 42 ว่า “โอ อยากให้เจ้า คือเจ้าเองรู้ในกาลวันนี้ว่า สิ่งอะไรจะให้สันติสุข แต่เดี๋ยวนี้สิ่งนั้นบังซ่อนไว้จากตาของเจ้าแล้ว
43 For the days will come upon you, when your enemies will set up a barricade around you and surround you and hem you in on every side 43 ด้วยว่าเวลาจะมาถึงเจ้า เมื่อศัตรูของเจ้าจะก่อเชิงเทินต่อสู้เจ้า และล้อมขังเจ้าไว้ทุกด้าน
44 and tear you down to the ground, you and your children within you 44 and tear you down to the ground, you and your children within you. And they will not leave one stone upon another in you, because you did not know the time of your visitation.”
44 แล้วจะเหวี่ยงเจ้าลงให้ราบบนพื้นดิน กับทั้งลูกทั้งหลายของเจ้าซึ่งอยู่ในเจ้า และเขาจะไม่ปล่อยให้ศิลาซ้อนทับกันไว้ภายในเจ้าเลย เพราะเจ้าไม่ได้รู้เวลาที่พระองค์เสด็จมาเยี่ยมเจ้า”
Jesus Cleanses The Temple 19:45-48 ฝ่ายพระองค์เสด็จเข้าในบริเวณพระวิหาร
45And he entered the temple and began to drive out those who sold, 45 ฝ่ายพระองค์เสด็จเข้าในบริเวณพระวิหาร แล้วทรงเริ่มขับไล่คนทั้งหลายที่ค้าขายอยู่นั้น
46saying to them, “It is written, ‘My house shall be a house of prayer,’ but you have made it a den of robbers.” 46และตรัสแก่เขาว่า “มีพระวจนะเขียนไว้ว่า นิเวศของเราควรจะเป็นนิเวศอธิษฐาน แต่เจ้าทั้งหลายมากระทำให้เป็น ถ้ำของพวกโจร”
47And he was teaching daily in the temple 47And he was teaching daily in the temple. The chief priests and the scribes and the principal men of the people were seeking to destroy him,
47พระองค์ทรงสั่งสอนในบริเวณพระวิหารทุกวัน แต่พวกมหาปุโรหิตพวกธรรมาจารย์ และคนสำคัญของพลเมือง ได้หาช่องที่จะประหารพระองค์เสีย
48but they did not find anything they could do, for all the people were hanging on his words. 48แต่เขาไม่พบช่องทางที่จะกระทำอะไรได้ เพราะว่าคนทั้งปวงชอบฟังพระองค์มาก
Isaiah 56:6-7 6“And the foreigners who join themselves to the LORD, to minister to him, to love the name of the LORD, and to be his servants, everyone who keeps the Sabbath and does not profane it, and holds fast my covenant—
อิสยาห์ 56:6-7 6“และบรรดาชนต่างชาติผู้เข้าจารีตถือพระเจ้า ปรนนิบัติพระองค์และรักพระนามของพระเจ้า และเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ทุกคนผู้รักษาวันสะบาโต และมิได้เหยียดหยาม และยึดพันธสัญญาของเรามั่นไว้
7these I will bring to my holy mountain, and make them joyful in my house of prayer; their burnt offerings and their sacrifices will be accepted on my altar; for my house shall be called a house of prayer for all peoples.”
7คนเหล่านี้เราจะนำมายังภูเขาบริสุทธิ์ของเรา และกระทำให้เขาชื่นบานอยู่ในนิเวศอธิษฐานของเรา เครื่องเผาบูชาของเขาและเครื่องสักการบูชาของเขา จะเป็นที่โปรดปรานบนแท่นบูชาของเรา เพราะนิเวศของเราเขาจะเรียกว่าเป็นนิเวศอธิษฐาน สำหรับบรรดาชนชาทั้งหลาย
Jeremiah 7:11 Has this house, which is called by my name, become a den of robbers in your eyes? Behold, I myself have seen it, declares the LORD.
เยเรมีย์ 7:11 นิเวศซึ่งเรียกตามชื่อของเรา ในสายตาของเจ้าได้กลายเป็นถ้ำของ พวกโจรไปแล้วหรือ พระเจ้าตรัสว่า ดูเถิด ตัวเราได้เห็นเอง
Arch of Titus in Rome ส่วนโค้งไท'ทัสโรม Jerusalem จิรู'ซะเลม