พิโรธวาทัง
พิโรธ ก. โกรธเกรี้ยว ไม่สบอารามณ์ วาทัง น. วาทะ คำพูด พิโรธ ก. โกรธเกรี้ยว ไม่สบอารามณ์ วาทัง น. วาทะ คำพูด
พิโรธวาทัง คือการแสดงความโกธรแค้นผ่านการใช้ถ้อยคำบอกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจ ความผิดหวัง ความโกรธ ประชดประชัน เสียดสี และด่าว่าอย่างรุนแรง ตามออกมาด้วย
ตัวอย่าง เมื่อนั้น พระผู้ผ่านไอศูรย์สูงส่ง ประกาศิตสีหนาทอาจอง จะณรงค์สงครามก็ตามใจ ตรัสพลางย่างเยื้องยุรยาตร จากอาสน์แท่นทองผ่องใส พนักงานปิดม่านทันใด เสด็จเข้าข้างในฉับพลันฯ
ในบทที่ยกมาข้างต้นนี้ เป็นตอนที่ท้าวดาหาได้ฟังความจากราชทูตของเมืองกะหมังกุหนิง ที่กล่าวไว้ว่าถ้าท้าวดาหาไม่ยอมยกบุษบาให้กับวิหยาสะกำ ก็ขอให้เตรียมบ้านเมืองไว้ให้ดี เพราะเมืองกะหมังกุหนิงจะยกทัพมารบ เมื่อท้าวดาหาได้ฟังก็โกรธเดือดดาลทันใด จึงบอกไปว่าจะมารบก็มา แล้วก็ลุกออกไปทันที
เมื่อยามดึกดังจะรองเข้าดื่มได้ ครั้นรุ่งแสงสุรีย์ฉายก็หายไป น้ำใจนางเหมือนน้ำค้างบนไพรพฤกษ์ เมื่อยามดึกดังจะรองเข้าดื่มได้ ครั้นรุ่งแสงสุรีย์ฉายก็หายไป เพิ่งเห็นใจเสียเมื่อใจจะขาดรอน
พระจันทโครบตัดพ้อนางโมราที่ยื่นพระขรรค์ไปทางทนายโจรทำให้นายโจรทำร้ายพระจันทโครบ
ครั้งนี้เสียรักก็ได้รู้ ครั้งนี้เสียรักก็ได้รู้ ถึงเสียรู้ก็ได้เชาวน์ที่เฉาฉงน เป็นชายหมิ่นชายต้องอายคน จำจนจำจากอาลัยลาน
เมื่อได้ยินคนธรรพ์นาฏกุเวรขับเพลง “รื่นรื่ยชื่นจิตพี่จำได้ เมื่อได้ยินคนธรรพ์นาฏกุเวรขับเพลง “รื่นรื่ยชื่นจิตพี่จำได้...” พระยาครุฑก็รู้ว่านาฏกุเวรได้แอบขึ้นไปสมสู่กับกากีบนวิมานสิมพลีของตน จึงรำพันด้วยความโกรธและอาลัยรักกากี หลังจากนั้นก็ขึ้นไปตัดพ้อนางกากี ก่อนนำนางมาไว้ที่ หน้าพระลานของพระเจ้าพรหมทัตจากเรื่องกากีคำกลอน
รูปงามนามเพราะน้อยไปหรือ ใจไม่ซื่อสมศักดิ์เท่าเส้นผม แต่ใจสัตว์มันยังมีที่นิยม สมาคมก็แต่ถึงฤดูมัน มึงนี้ถ่อยยิ่งกว่าถ่อยอีท้ายเมือง จะเอาเรื่องไม่ได้สักสิ่งสรรพ์ ละโมบมากตัณหาตาเป็นมัน สักร้อยพันให้มึงไม่ถึงใจ ว่าหญิงชั่วผัวยังคราวละคนเดียว หาตอมกันเกรียวเหมือนมึงไม่ หนักแผ่นดินกูจะอยู่ไย อ้ายไวยมึงอย่านับว่ามารดา ( บทพิโรธวาทัง พระพันวษาตรัสบริภาษนางวันทอง )
จบการนำเสนอ