1 สารบั ญ ชื่อเมืองสงขลาได้ปรากฏชื่อในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาในสมัยสมเด็จ พระรามาธิบดีที่ 1 แห่งกรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ. ศ ว่าเป็นเมือง ประเทศราชในจำนวน 16 หัวเมือง และในเอกสารที่บันทึกโดยคนไทย อีกหลายฉบับที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเมืองสงขลาได้บันทึกประวัติของชื่อ เมืองสงขลาว่า มาจากบันทึกของพ่อค้า และนักเดินเรือชาวอาหรับ เปอร์เซีย ระหว่างปี พ. ศ ในนามของเมือง " ซิงกูร์ " หรือ " ซิงกอรา " แต่ในหนังสือประวัติศาสตร์และการเมืองแห่งราชอาณาจักร สยามของนายนิโกลาส แซร์แวส เรียกชื่อเมืองสงขลาว่า " เมืองสิงขร " [4] โดยได้สันนิษฐานว่าคำว่าสงขลาในปัจจุบันน่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า " สิงหลา " หรือ " สิงขร " แปลว่าเมืองสิงห์ เนื่องมาจากการที่พ่อค้าชาว เปอร์เซียอินเดีย ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ได้แล่นเรือผ่านมาค้าขาย และแลเห็นเกาะหนู - เกาะแมว ซึ่งเมื่อมองจากทะเลเข้าหาฝั่งใน ระยะไกล ๆ จะเห็นปรากฏเป็นภาพคล้ายสิงห์สองตัวหมอบเฝ้าปาก ทางเข้าเมืองสงขลา ชาวอินเดียจึงเรียกเมืองสงขลาในสมัยนั้นว่า " เมืองสิงหลา " ส่วนคนไทยเรียกว่า " เมืองสทิง " เมื่อแขกมลายูเข้ามา ค้าขายกับเมืองสิงหลา ก็จะออกเสียงเพี้ยนเป็น " เซ็งคอรา " เมื่อฝรั่ง เข้ามาค้าขายก็เรียกตามมลายูแต่เสียงเพี้ยนเป็นสำเนียงฝรั่งคือ " ซิ งกอรา " (Singora) จากนั้นคนไทยพื้นถิ่นเองก็ได้เรียกตามเสียงมลายู และฝรั่งเพี้ยนเป็นคำว่า " สงขลา " ดังปัจจุบั น ชื่อเมืองสงขลาได้ปรากฏชื่อในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาในสมัยสมเด็จ พระรามาธิบดีที่ 1 แห่งกรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ. ศ ว่าเป็นเมือง ประเทศราชในจำนวน 16 หัวเมือง และในเอกสารที่บันทึกโดยคนไทย อีกหลายฉบับที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเมืองสงขลาได้บันทึกประวัติของชื่อ เมืองสงขลาว่า มาจากบันทึกของพ่อค้า และนักเดินเรือชาวอาหรับ เปอร์เซีย ระหว่างปี พ. ศ ในนามของเมือง " ซิงกูร์ " หรือ " ซิงกอรา " แต่ในหนังสือประวัติศาสตร์และการเมืองแห่งราชอาณาจักร สยามของนายนิโกลาส แซร์แวส เรียกชื่อเมืองสงขลาว่า " เมืองสิงขร " [4] โดยได้สันนิษฐานว่าคำว่าสงขลาในปัจจุบันน่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า " สิงหลา " หรือ " สิงขร " แปลว่าเมืองสิงห์ เนื่องมาจากการที่พ่อค้าชาว เปอร์เซียอินเดีย ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ได้แล่นเรือผ่านมาค้าขาย และแลเห็นเกาะหนู - เกาะแมว ซึ่งเมื่อมองจากทะเลเข้าหาฝั่งใน ระยะไกล ๆ จะเห็นปรากฏเป็นภาพคล้ายสิงห์สองตัวหมอบเฝ้าปาก ทางเข้าเมืองสงขลา ชาวอินเดียจึงเรียกเมืองสงขลาในสมัยนั้นว่า " เมืองสิงหลา " ส่วนคนไทยเรียกว่า " เมืองสทิง " เมื่อแขกมลายูเข้ามา ค้าขายกับเมืองสิงหลา ก็จะออกเสียงเพี้ยนเป็น " เซ็งคอรา " เมื่อฝรั่ง เข้ามาค้าขายก็เรียกตามมลายูแต่เสียงเพี้ยนเป็นสำเนียงฝรั่งคือ " ซิ งกอรา " (Singora) จากนั้นคนไทยพื้นถิ่นเองก็ได้เรียกตามเสียงมลายู และฝรั่งเพี้ยนเป็นคำว่า " สงขลา " ดังปัจจุบันพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาสมเด็จ พระรามาธิบดีที่ 1กรุงศรีอยุธยา พ. ศ [4]เกาะหนู - เกาะแมว ชาวอินเดียมลายูพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาสมเด็จ พระรามาธิบดีที่ 1กรุงศรีอยุธยา พ. ศ [4]เกาะหนู - เกาะแมว ชาวอินเดียมลายู ชื่อเมืองสงขลาได้ปรากฏชื่อในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาในสมัยสมเด็จ พระรามาธิบดีที่ 1 แห่งกรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ. ศ ว่าเป็นเมือง ประเทศราชในจำนวน 16 หัวเมือง และในเอกสารที่บันทึกโดยคนไทย อีกหลายฉบับที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเมืองสงขลาได้บันทึกประวัติของชื่อ เมืองสงขลาว่า มาจากบันทึกของพ่อค้า และนักเดินเรือชาวอาหรับ เปอร์เซีย ระหว่างปี พ. ศ ในนามของเมือง " ซิงกูร์ " หรือ " ซิงกอรา " แต่ในหนังสือประวัติศาสตร์และการเมืองแห่งราชอาณาจักร สยามของนายนิโกลาส แซร์แวส เรียกชื่อเมืองสงขลาว่า " เมืองสิงขร " [4] โดยได้สันนิษฐานว่าคำว่าสงขลาในปัจจุบันน่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า " สิงหลา " หรือ " สิงขร " แปลว่าเมืองสิงห์ เนื่องมาจากการที่พ่อค้าชาว เปอร์เซียอินเดีย ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ได้แล่นเรือผ่านมาค้าขาย และแลเห็นเกาะหนู - เกาะแมว ซึ่งเมื่อมองจากทะเลเข้าหาฝั่งใน ระยะไกล ๆ จะเห็นปรากฏเป็นภาพคล้ายสิงห์สองตัวหมอบเฝ้าปาก ทางเข้าเมืองสงขลา ชาวอินเดียจึงเรียกเมืองสงขลาในสมัยนั้นว่า " เมืองสิงหลา " ส่วนคนไทยเรียกว่า " เมืองสทิง " เมื่อแขกมลายูเข้ามา ค้าขายกับเมืองสิงหลา ก็จะออกเสียงเพี้ยนเป็น " เซ็งคอรา " เมื่อฝรั่ง เข้ามาค้าขายก็เรียกตามมลายูแต่เสียงเพี้ยนเป็นสำเนียงฝรั่งคือ " ซิ งกอรา " (Singora) จากนั้นคนไทยพื้นถิ่นเองก็ได้เรียกตามเสียงมลายู และฝรั่งเพี้ยนเป็นคำว่า " สงขลา " ดังปัจจุบั น ชื่อเมืองสงขลาได้ปรากฏชื่อในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาในสมัยสมเด็จ พระรามาธิบดีที่ 1 แห่งกรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ. ศ ว่าเป็นเมือง ประเทศราชในจำนวน 16 หัวเมือง และในเอกสารที่บันทึกโดยคนไทย อีกหลายฉบับที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเมืองสงขลาได้บันทึกประวัติของชื่อ เมืองสงขลาว่า มาจากบันทึกของพ่อค้า และนักเดินเรือชาวอาหรับ เปอร์เซีย ระหว่างปี พ. ศ ในนามของเมือง " ซิงกูร์ " หรือ " ซิงกอรา " แต่ในหนังสือประวัติศาสตร์และการเมืองแห่งราชอาณาจักร สยามของนายนิโกลาส แซร์แวส เรียกชื่อเมืองสงขลาว่า " เมืองสิงขร " [4] โดยได้สันนิษฐานว่าคำว่าสงขลาในปัจจุบันน่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า " สิงหลา " หรือ " สิงขร " แปลว่าเมืองสิงห์ เนื่องมาจากการที่พ่อค้าชาว เปอร์เซียอินเดีย ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ได้แล่นเรือผ่านมาค้าขาย และแลเห็นเกาะหนู - เกาะแมว ซึ่งเมื่อมองจากทะเลเข้าหาฝั่งใน ระยะไกล ๆ จะเห็นปรากฏเป็นภาพคล้ายสิงห์สองตัวหมอบเฝ้าปาก ทางเข้าเมืองสงขลา ชาวอินเดียจึงเรียกเมืองสงขลาในสมัยนั้นว่า " เมืองสิงหลา " ส่วนคนไทยเรียกว่า " เมืองสทิง " เมื่อแขกมลายูเข้ามา ค้าขายกับเมืองสิงหลา ก็จะออกเสียงเพี้ยนเป็น " เซ็งคอรา " เมื่อฝรั่ง เข้ามาค้าขายก็เรียกตามมลายูแต่เสียงเพี้ยนเป็นสำเนียงฝรั่งคือ " ซิ งกอรา " (Singora) จากนั้นคนไทยพื้นถิ่นเองก็ได้เรียกตามเสียงมลายู และฝรั่งเพี้ยนเป็นคำว่า " สงขลา " ดังปัจจุบันพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาสมเด็จ พระรามาธิบดีที่ 1กรุงศรีอยุธยา พ. ศ [4]เกาะหนู - เกาะแมว ชาวอินเดียมลายูพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาสมเด็จ พระรามาธิบดีที่ 1กรุงศรีอยุธยา พ. ศ [4]เกาะหนู - เกาะแมว ชาวอินเดียมลายู
2 สารบั ญ เกาะยอเป็นเกาะเล็กๆในทะเลสาบสงขลา โดยห่างจาก อ. เมืองสงขลา 10 กม. และห่าง จาก อ. หาดใหญ่ 20 กม. การเดินทางเข้า มายังเกาะยอสามารถทำได้โดยข้ามสะพาน ติณสูลานนท์ เสน่ห์ของเกาะยอคือความ สวยงามของพรรณไม้ ผ้าทอเกาะยอ รวมทั้ง มีวัดเก่าแก่ 2 แห่งคือ วัดเขาบ่อ และวัดท้าย ยอ
3 สารบั ญ งานเทศกาลทำบุญเดือนสิบ เป็นงาน ประเพณีของชาวไทยภาคใต้ เกิดจากความ เชื่อที่ว่าช่วงแรม 1-15 ค่ำเดือนสิบ วิญญาณ ของญาติพี่น้องผู้ล่วงลับไปแล้วโดยเฉพาะผู้ที่ ยังไม่ได้ไปเกิดจะได้รับการปลดปล่อยให้มา พบญาติพี่น้องในเมืองมนุษย์ ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ จะจัดหาอาหารต่างๆไปทำบุญตามวัดเพื่ออุทิศ ส่วนกุศลให้แก่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ที่อำเภอ สทิงพระจะจัดงานเทศกาลนี้แปลกไปจากที่อื่น คือมีการแห่หุ่นทองสูงเพื่อใช้แทนญาติหรือผู้ อาวุโสที่เป็นที่นับถือของชาวบ้าน
4 สารบั ญ A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%A5%E0%B8% B2
5 สารบั ญ