แต่ละวันในชีวิต ล้วนเป็นวันพิเศษ
ทันทีที่อ่านข้อเขียนสั้นๆนี้จบลง คุณอาจไปเช็ดโต๊ะ หรือล้างจานก็ได้
หรือจะทิ้งหนังสือพิมพ์ไว้ก่อน หลับตาตรึกตรองสักพัก หรือจะส่งข้อเขียนนี้ ให้เพื่อนพ้องทั้งหลาย
แน่นอน ฉันอยากให้คุณเลือกทำข้อสุดท้ายมากกว่า คุณอาจจะแปรเปลี่ยนชีวิตคนอีกมากมาย ใครจะรู้
หลายปีก่อน ฉันคุยกับเพื่อนเรียนเก่าที่เกาซุง
ตอนนั้น ภรรยาเขาเพิ่งเสียไม่นาน เขาเล่าให้ฟังว่า เขาพบผ้าพันคอแพรพรรณผืนหนึ่ง ขณะจัดเก็บของส่วนตัวของเมีย
เป็นผืนที่ซื้อจากห้างดัง เมื่อตอนไปเที่ยวนิวยอร์กด้วยกัน เป็นผืนแพรแบรนด์เนมสวยเก๋ ป้ายราคาแพงลิ่วยังติดอยู่
เมียหวงแหนไม่ยอมเอามาใช้สักที บอกว่าจะรอจนกว่าวันพิเศษจะมาถึง เล่าถึงตอนนี้เขาหยุดชะงัก ฉันก็ไม่ต่อกรรบเร้า
สักพักใหญ่เขาพูดต่อ “อย่าเก็บของดีๆรอไว้ใช้ในวันพิเศษ แต่ละวันในชีวิตล้วนเป็นวันพิเศษ”
ตั้งแต่นั้นมา ทุกครั้งที่นึกถึงคำพูดนี้ ฉันมักจะสลัดงานสัพเพเหระออกจากมือ หาอ่านนวนิยายสักเล่ม เปิดฟังเครื่องเสียง ทิ้งตัวบนโซฟา ฉกฉวยเวลาสำหรับตัวเอง
ชีวิตควรเป็นประสบการณ์ที่เราทนุถนอม ไม่ควรอยู่อย่างซังกะตาย
ฉันอาจชื่นชมทิวทัศน์น้ำตกผ่านหน้าต่างติดพื้น โดยไม่สนใจใยดีกับขี้ฝุ่นที่จับอยู่บนกระจก
ฉันอาจควงภรรยาไปกินข้าวนอกบ้าน โดยไม่แยแสกับข้าวปลาในบ้านจะจัดการอย่างไร
ฉันเล่าเรื่องตอนนี้ให้สุภาพสตรีคนหนึ่งฟัง เมื่อพบกันอีกครั้ง เธอบอกว่าเดี๋ยวนี้เธอไม่เก็บชุดถ้วยชามทรงค่า ไว้ในตู้เหล้าเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
เมื่อก่อนเธอคิดเสมอว่าจะนำออกใช้ในวันพิเศษเท่านั้น มารู้เอาภายหลังว่า วันพิเศษนั้นไม่เคยมาถึงสักที
“วันข้างหน้า”,“สักวันหนึ่ง” คำเหล่านี้ไม่อยู่ในพจนานุกรมของเธออีกแล้ว หากมีเรื่องน่าสนุก เรื่องถูกใจอะไรก็ตาม เธออยากจะได้ยิน ได้เห็นในทันที
เราคิดจะสังสรรค์กับเพื่อนเก่าอยู่เสมอ แต่มักจะหยุดอยู่แค่“ไว้หาโอกาส”
เราอยากจะกอดลูกที่เติบโตแล้ว แต่มักจะรอจังหวะที่เหมาะสม
เราคิดจะเขียนจดหมายถึงอีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อบรรยายรักอันหอมหวน หรืออยากให้เขาทราบว่า คุณยกย่องเขาเพียงใด
จริงๆแล้ว ทุกเช้าที่เราลืมตาตื่น ต้องบอกกับตัวเองว่า วันนี้คือวันพิเศษ แต่ละวัน แต่ละนาที ช่างมีคุณค่าเหลือเกิน
มีผู้กล่าวว่า “คุณควรเต้นรำให้สุดเหวี่ยง ดุจไม่มีใครมองเห็น คุณควรรักให้สุดหัวใจ ดุจไม่เคยช้ำใจมาก่อน” ใช่แล้ว ฉันก็จะเต้นรำสุดเหวี่ยง รักสุดหัวใจ
แล้วคุณล่ะ? จะแบ่งปันแนวคิดนี้กับเพื่อนรักก่อนเรื่องอื่นใช่ไหม
The end