อุปทานของแรงงานในระดับบุคคล จะเกิดม้วนกลับ (backward-bending) ได้ในช่วงการทำงานมาก ๆ ซึ่งทำให้ Income effect > Substitution effect อย่าสับสนกับอุปทานของแรงงานรวมในตลาดที่เป็นเส้นตรงทอดขึ้นเสมอ
อุปสงค์ กำหนดจาก MRPL = MPL * MR อุปทาน กำหนดจาก AE = w ดุลยภาพของตลาดปัจจัยแข่งขันสมบูรณ์ (Equilibrium in a competition factor market) จะเกิดขึ้นเมื่อราคาทำให้อุปสงค์เท่ากับอุปทาน อุปสงค์ กำหนดจาก MRPL = MPL * MR อุปทาน กำหนดจาก AE = w
- ในกรณีตลาดแข่งขันสมบูรณ์ MRPL = P * MPL - ในกรณีตลาดผูกขาด เนื่องจากตลาดผลผลิตอาจเป็นตลาดแข่งขันสมบูรณ์หรือผูกขาด เงื่อนไขอุปสงค์ก็จะต่างกันไป - ในกรณีตลาดแข่งขันสมบูรณ์ MRPL = P * MPL - ในกรณีตลาดผูกขาด MRPL = MR * MPL โดยที่ MR < P
โดยเทียบ vm กับ wm และ Lc กับ Lm แม้ว่าในกรณีตลาดผลผลิตแบบผูกขาดมีเงื่อนไขดุลยภาพเหมือนกับตลาดแข่งขันสมบูรณ์ แต่ MR < P ก่อให้เกิดการไร้ประสิทธิภาพทำให้เกิด 1) ค่าจ้างต่ำกว่า 2) ผลผลิตต่ำกว่า โดยเทียบ vm กับ wm และ Lc กับ Lm
ตลาดปัจจัยการผลิตที่มีผู้ซื้อรายเดียว (Factor markets with monopsory power) ผู้ซื้อรายเดียวมีผลต่อด้านอุปทานของปัจจัย ขณะที่ไม่มีผลต่ออุปสงค์ ในตลาดปัจจัยแบบแข่งขันสมบูรณ์ ME = AE แต่ในตลาดปัจจัยที่มีผู้ซื้อรายเดียว ME > AE
ทบทวน AE คือ เส้นค่าใช้จ่ายต่อหน่วยของปัจจัย (เป็นเส้น market supply curve ในกรณี monopsony) ME คือ เส้นค่าใช้จ่ายที่จ้างปัจจัยหน่วยสุดท้าย ซึ่งเป็นราคาที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นถ้าต้องการปัจจัยมากขึ้น (slope ของ supply เป็นบวก) และต้องจ่ายราคานี้กับปัจจัยทุกหน่วยก่อนหน่วยนี้ด้วย
ME = E = P(Q) * Q Q Q ME = P(Q) + Q( P / Q) ME = AE + Q( P / Q) เนื่องจาก P เป็นบวก ดังนั้น ME > AE Q
ในการ maximize profit ของ Monopsony MRPL = ME ดังนั้น จะซื้อปัจจัยที่ L* แต่จ่ายที่ w* เพราะว่าการซื้อ L* ตามเส้น supply (AE) จะจ่ายเพียง w*
1) Monopsony ให้จ่ายต่ำกว่า 2) Monopsony ซื้อปัจจัยการผลิตน้อยกว่า เมื่อเทียบกับตลาดปัจจัยการผลิตแบบแข่งขันสมบูรณ์แล้ว จะพบว่า 1) Monopsony ให้จ่ายต่ำกว่า 2) Monopsony ซื้อปัจจัยการผลิตน้อยกว่า
แหล่งที่มาของ Monopsony power - เป็นธุรกิจที่เชี่ยวชาญด้านนี้ด้านเดียว - สภาพภูมิประเทศ - กฎหมาย - การรวมตัวเป็น cartel
ตลาดปัจจัยการผลิตที่มีผู้ขายรายเดียว (Factor markets with monopoly power) ผู้ขายปัจจัยรายเดียวมีผลต่ออุปสงค์ แต่ไม่มีผลต่ออุปทาน ตัวอย่างของการผูกขาดการขายปัจจัย ได้แก่ - สหภาพแรงงาน - สิทธิบัตรชิ้นส่วน computer - เจ้าของเหมืองเพชร
ผู้ผูกขาดสามารถเลือกขายปริมาณที่ต้องการ หรือ ตั้งราคาที่ต้องการอย่างใดอย่างหนึ่งได้ บนเส้นอุปสงค์ต่อปัจจัยการผลิตนั้น จุดประสงค์ของผู้ผูกขาด คือ ได้รายได้จากการขายปัจจัยสูงสุด ในกรณีของแรงงาน ก็คือ Rent ที่เป็นส่วนต่างระหว่างค่าจ้างกับต้นทุนค่าเสียโอกาสในการใช้เวลาทำงาน
เงื่อนไขที่ทำให้ Rent สูงสุด คือ marginal revenue = marginal cost ที่เกิดกับแรงงาน ของการทำงานของแรงงาน ดังนั้น จึงต้องหาเส้น MR จากเส้นอุปสงค์
marginal cost ของแรงงาน คือ ค่าจ้างที่ทำให้แรงงานแต่ละหน่วยที่เพิ่มเข้ามาทำงาน ซึ่งก็คือ เส้นอุปทานของแรงงาน นั่นเอง ดังนั้น จุดสมดุลอยู่ที่การตัดของเส้น MR กับ SL จะได้ 1) ค่าจ้างที่สูงกว่า 2) จำนวนแรงงานที่น้อยกว่า ในกรณีที่ไม่มีการผูกขาด
แต่ถ้าสหภาพแรงงานต้องการ max. total wage แทนที่จะเป็น max แต่ถ้าสหภาพแรงงานต้องการ max. total wage แทนที่จะเป็น max. rent แล้ว อาจขยายจำนวนแรงงานไปถึงจุดที่ MR = 0 เนื่องจาก MR = 0 หมายถึง TR สูงสุด แต่ w ก็จะลดลงมาด้วย
ผลกระทบของการกำหนดค่าจ้างสหภาพแรงงานที่มีต่อแรงงานนอกสหภาพ การขึ้นค่าจ้างของแรงงานในสหภาพทำให้ 1) อุปสงค์ต่อแรงงานในสหภาพลดลง 2) แรงงานในสหภาพส่วนหนึ่งตกงาน 3) แรงงานตกงานไปเพิ่มแรงงานนอกสหภาพ 4) ค่าจ้างของแรงงานนอกสหภาพลดลงเพราะอุปทานแรงงานมากขึ้น 5) อุปสงค์ต่อแรงงานนอกสหภาพเพิ่มขึ้น
การผูกขาดแบบทวิภาคี (Bilateral Monopoly) เป็นกรณีที่ผู้ขายผูกขาด (รายเดียว) ขายปัจจัยการผลิตให้กับผู้ซื้อผูกขาด (รายเดียว) ผู้ซื้อผูกขาดจะให้ราคาและซื้อปริมาณที่ MRPL = ME ส่วนผู้ขายผูกขาดจะตั้งราคาและขายปริมาณที่ MR = SL
คำตอบสุดท้ายขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรองของทั้งสองฝ่าย (bargaining strategies) โดยที่หากใครมีอำนาจต่อรองสูงกว่าก็จะได้คำตอบที่ใกล้กับฝ่ายตนมากเท่านั้น
Economic Rent คือ ความแตกต่างระหว่างจำนวนเงินที่จ่ายให้กับปัจจัยการผลิตกับจำนวนเงินที่ต่ำสุดที่ต้องจ่ายเพื่อให้ได้ปัจจัยการผลิตนั้นมาใช้ Economic Rent ของปัจจัยการผลิตเกิดขึ้นมาจากหลายสาเหตุ ซึ่งสาเหตุเหล่านั้นมีผลต่อลักษณะของเส้นอุปทาน นั้นคือ ถ้าอุปทานมีความยืดหยุ่นน้อยก็จะมี Rent มาก
Wage Capital per week Wage = w2 S w2 Wage = w1 w1 q1 D q2 L2 L1 L3 l2 l1 Labor per week Labor per week (a) The Market (b) Typical Firm
การเอารัดเอาเปรียบ (exploitation) จะเป็นกรณีที่แรงงานได้รับค่าจ้างต่ำกว่า Value of marginal products (VMP)