Solar radiation รังสีที่แผ่ออกมาประกอบด้วย รังสีเอ๊กซ (X-ray) แกมมา (Gamma) อุลตราไวโอเลต (UV) คิดเป็นประมาณร้อยละ 9 ของพลังงานทั้งหมด นอกนั้นเป็นรังสีที่มองเห็นร้อยละ 41 และที่มองไม่เห็นร้อยละ 50
สมดุลพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า พลังงานคลื่นสั้นที่ตกกระทบผิวโลก เท่ากับ 47 ส่วน แบ่งเป็น พลังงานจากลำแสงอาทิตย์โดยตรง 31 ส่วน จากพลังงานแสงอาทิตย์ที่เกิดจากการกระจายแสงในบรรยากาศ 16 ส่วน
ฤดูกาล (Climate) ความแตกต่างของระยะห่างระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ในวงโคจรไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้รังสีดวงอาทิตย์ตกกระทบโลกเปลี่ยนไปได้มากจนทำให้เกิดฤดูกาล ฤดูกาลในโลกเป็นผลจาก 1. การเบี่ยงเบนของระนาบของอิเควเตอร์ของโลก (Equatorial Plane) ไปจากระนาบการหมุน (Orbital Plane) และ 2. การวางตัวของแกนหมุนของโลกในอวกาศในขณะที่โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ แกนหมุนของโลกนี้วางตัวเป็นมุม 23◦27’ (หรือ 23.45◦) กับวงโคจรตลอดเวลา ดังนั้นตำแหน่งดวงอาทิตย์ที่ปรากฏในท้องฟ้าในแต่ละวันของแต่ละตำแหน่งบนโลกจะแปรเปลี่ยนตลอดปี
(Atmospheric Pressure) ความกดอากาศ (Atmospheric Pressure) มวลอากาศ อากาศมีลักษณะเป็นโมเลกุลและมีน้ำหนัก มวลอากาศที่อยู่บนจะกดทับ มวลอากาศที่อยู่ด้านล่างเป็นความกดของอากาศ มวลอากาศในที่สูงและอุณหภูมิสูงกว่าจะมีมวล อากาศเบาบางความกดน้อย มวลอากาศที่อยู่ในที่ต่ำจะได้รับการกดทับเกิดเป็นเขตความกดสูง
ลม (WIND) ลม คืออากาศการที่เคลื่อนที่จากที่มีความกดสูงไปยังที่มีความกดอากาศต่ำกว่า เพื่อปรับระดับความแตกตางของความกดอากาศให้สมดุล บริเวณความกดต่ำเป็นเขตที่มีความปรวนแปรของลมสูงมาก ตรงข้ามกับศูนย์กลางของความกดสูง จะมีท้องฟ้าแจ่มใส ลมสงบ
กระแสน้ำในมหาสมุทร ลมประจำ เป็นลมที่พัดอยู่ประจำตลอดทั้งปีใน ทิศทางเดียวจากหย่อมความกดสูงสู่หยอมความกดต่ำเป็นสาเหตุสำคัญที่พัดผิวน้ำทำให้เกิดกระแสน้ำขนาดใหญ่ ไหลวนไปตามทิศทางของลมด้วย ความหนาแน่น ระดับความเค็มและอุณหภูมิของน้ำบ่งบอกความหนาแนน เขตที่มีการระเหยสูงทำให้ค่าความเค็ม และ ความหนาแน่นมากมักจมตัวลงเบื่องลางผลักดันให้น้ำด้านล่างไหลเวียนขึ้น ความเย็น เป็นสึ่งเพิ่มความหนาแน่น ก้อนน้ำแข็งจะแยกความเค็มของน้ำเพราะเป็น การเพิ่มความเค็มของน้ำที่เหลืออยู่เป็นมวลน้ำที่มีความหนาแน่นสูง
กระแสน้ำในมหาสมุทร