ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภาษา c
1) วิวัฒนาการของภาษา C ภาษา C เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1972 โดยได้รับแนวคิดมาจาก ภาษาบี (B language) ที่ เคน ทอมสัน (Ken Thomson) เป็นผู้พัฒนา จุดมุ่งหมายของภาษา C ก็เพื่อใช้บนระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ (UNIX Operating System) แทนภาษาแอสเซมบลี ซึ่งเดิมในปี ค.ศ. 1970 ภาษาแอสเซมบลีเป็นภาษาระดับต่ำที่ใช้ในการติดต่อการทำงานกับระบบ ฮาร์ดแวร์ด้วยความเร็ว แต่ข้อเสียของภาษาแอสเซมบลีก็คือ มีความ ยุ่งยากในการใช้และมีความแตกต่างกันไปเฉพาะแต่ละเครื่อง เดนนิส ริตซี (Dennis Richie) จึงได้ทำการพัฒนาภาษา C ขึ้นมา โดยรวบรวมจุดเด่นของ ภาษาบี ภาษา ลิสต์ (List Processing) ภาษาปาสคาล (PASCAL language) และ ภาษา CPL ทำให้ภาษา C เป็นภาษาโครงสร้างที่มี ประสิทธิภาพในด้านการประยุกต์ใช้อย่างหลากหลาย
2. คุณสมบัติเด่นของภาษา C เนื่องจากภาษา C เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่ไม่ขึ้นกับโปรแกรม ระบบปฏิบัติการ (Operating System) หรือตัวเครื่อง แต่สามารถกระทำ โดยตรงกับตัวเครื่องได้ โดยมีรูปแบบของภาษาเหมือนกับภาษาระดับสูง ทั่วไป จึงจัดภาษา C ไว้เป็นภาษาระดับกลาง (Middle – Level Language) รูปแบบของ ภาษา C อาศัยหลักการโปรแกรมโมดูล (Module) ซึ่งมีรูปแบบ ของไวยากรณ์ภาษา (Syntax) ที่แน่นอนสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับงาน ต่าง ๆ ได้ง่าย
3. โครงสร้างของภาษา C ภาษา C เป็นภาษาโครงสร้างที่มีรูปแบบไวยากรณ์แน่นอน มีคำสั่งให้ เลือกใช้งานตามลักษณะงานต่าง ๆ มากมาย ถ้าหากพิจารณาโครงสร้างของ ภาษา C จะพิจารณาโปรแกรมเป็นส่วนย่อยหลายส่วนมาประกอบกันเข้า เป็นโปรแกรมโดยเรียกส่วนย่อย ๆ นั้นว่าฟังก์ชัน ดังนั้น จึงประกอบด้วย ฟังก์ชันหลาย ๆ ฟังก์ชันส่วนหนึ่งจะเป็นฟังก์ชันที่กำหนดตามไวยากรณ์ และ อีกส่วนหนึ่งเป็นฟังก์ชันที่ผู้เขียนโปรแกรมสร้างขึ้น ฟังก์ชันที่จะเรียกให้ ทำงานจะต้องมีการเรียกจาก Library ของ C compiler ในรูปของแฟ้มข้อมูล ภายนอกก่อน