บทที่ 2 การลงทุนในหุ้นสามัญ
บทนำ รูปแบบการรวมธุรกิจที่นิยมกันวิธีหนึ่งคือ การเข้าไปถือหุ้นสามัญของบริษัทที่ต้องการให้มีการรวมธุรกิจนั้น โดยที่บริษัทนั้นยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติ ผู้เข้าไปถือหุ้นสามัญจะมีสิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น มีส่วนร่วมในการบริหารงาน และกำหนดนโยบายของบริษัทนั้นๆ การได้มาซึ่งหุ้นสามัญนั้นอาจเป็นการซื้อจากตลาดหลักทรัพย์ หรือเป็นการซื้อโดยตรงจากผู้ถือหุ้น
วิธีการบันทึกบัญชีการลงทุนในหุ้นสามัญ ผู้ซื้อหุ้นจะบันทึกบัญชีเงินลงทุนในหุ้นสามัญ ด้วยต้นทุนการซื้อธุรกิจ วิธีการบันทึกบัญชีเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นสามัญมี 2 วิธีคือ วิธีราคาทุน วิธีส่วนได้เสีย
วิธีราคาทุน หมายถึง วิธีการบัญชีสำหรับเงินลงทุนซึ่งรับรู้รายการด้วยราคาทุน โดยผู้ลงทุนจะรับรู้รายได้จากเงินลงทุนเมื่อผู้ลงทุนได้รับการปันส่วนรายได้จากกำไรสะสมของกิจการที่ถูกลงทุนในกิจการนั้น ทั้งนี้ การปันส่วนรายได้ที่ได้รับในส่วนที่เกินกว่ากำไรดังกล่าวให้ถือว่าเป็นการคืนเงินลงทุน ซึ่งจะรับรู้รายการโดยการลดราคาทุนของเงินลงทุนนั้น
วิธีส่วนได้เสีย หมายถึงวิธีการบัญชีซึ่งบันทึกเงินลงทุนเมื่อเริ่มแรกด้วยราคาทุนและปรับปรุงด้วยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายหลังการลงทุนตามสัดส่วนที่ผู้ลงทุนมีสิทธิในสินทรัพย์สุทธิของกิจการที่ถูกลงทุน กำไรหรือขาดทุนของผู้ลงทุนรวมถึงส่วนแบ่งของผู้ลงทุนในกำไรหรือขาดทุนของกิจการที่ถูกลงทุน
วิธีการบันทึกบัญชีการลงทุนในหุ้นสามัญ เมื่อผู้ลงทุนถือหุ้นสามัญเกินกว่าร้อยละ 20 ต้องบันทึกบัญชีตามวิธีส่วนได้เสีย และบริษัทที่ซื้อนั้นถือว่า เป็นบริษัทร่วม เมื่อผู้ลงทุนถือหุ้นสามัญมากกว่าร้อยละ 50 ถือว่า สามารถควบคุมบริษัทที่ถูกซื้อหุ้นนั้นได้ บริษัทที่ถูกซื้อเรียกว่า บริษัทย่อยและบริษัทที่เป็นผู้ซื้อหุ้นเรียกว่า บริษัทใหญ่ ต้องทำงบการเงินรวม ร้อยละการถือหุ้น ระดับการมีอิทธิพล วิธีการบัญชีที่ใช้ ต่ำกว่าร้อยละ 20 น้อย วิธีราคาทุน 20 – 50% มีสาระสำคัญ วิธีส่วนได้เสีย มากกว่า 50% ขึ้นไป ควบคุมได้ วิธีราคาทุนและ จัดทำงบการเงินรวม
วิธีราคาทุน(กรณีซื้อหุ้นไม่ถึง 20%) กรณีซื้อหุ้นสามัญที่ผู้ซื้อไม่สามารถมีอิทธิพลอย่างเป็นสาระสำคัญ ผู้ซื้อหุ้นสามัญจะต้องบันทึกบัญชีตามวิธีราคาทุนโดย เมื่อมีการซื้อหุ้น ผู้ซื้อหุ้นจะบันทึกรายการในบัญชีเงินลงทุนในหุ้นสามัยด้วยราคา ทุนหรือต้นทุนในการซื้อธุรกิจ Dr. บัญชีเงินลงทุน Cr. เงินสด หรือ สินทรัพย์ เมื่อมีผลตอบแทนจากการลงทุน คือ เงินปันผลที่ได้รับจากบริษัทที่ถูกซื้อหุ้น จะ บันทึกเป็นรายได้ในงวดนั้น โดย Dr. เงินสด Cr. รายได้เงินปันผล หรือเงินปันผลรับ ตัวอย่างที่ 1 และ 2
วิธีส่วนได้เสีย(ซื้อหุ้นเกิน20%) เมื่อผู้ซื้อหุ้นถือหุ้นตั้งแต่ร้อยละ 20 ขึ้นไป ผู้ถือหุ้นถือว่ามีอิทธิพลอย่างเป็นสาระสำคัญต่อการกำหนดนโยบายหรือการดำเนินงานบริษัทที่ถูกซื้อ ตามวิธีส่วนได้เสีย บัญชีเงินลงทุนในหุ้นสามัญจะเปลี่ยนแปลงไปตามส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ถูกซื้อ เมื่อบริษัทที่ถูกซื้อมีกำไรสุทธิและกำไรสุทธิเบ็ดเสร็จอื่น มีผลทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้น ดังนั้นบัญชีเงินลงทุนในหุ้นสามัญจะต้องปรับปรุงด้วยกำไรสุทธิในสัดส่วนที่ บริษัทที่ซื้อหุ้นถือครอง เมื่อบริษัทที่ถูกซื้อหุ้นมามีการจ่ายเงินปันผล มีผลทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง ดังนั้นบัญชีเงินลงทุนในหุ้นสามัญจะต้องปรับปรุงด้วยเงินปันผลในส่วนที่บริษัทที่ ซื้อหุ้นนั้นถือครอง
การบันทึกบัญชีวิธีส่วนได้เสีย(ซื้อหุ้นเกิน20%) เมื่อมีการซื้อหุ้นเมื่อมีการซื้อหุ้น ผู้ซื้อหุ้นจะบันทึกรายการในบัญชีเงินลงทุนในหุ้นสามัญด้วยราคาทุนหรือต้นทุนในการซื้อธุรกิจ Dr. บัญชีเงินลงทุน Cr. เงินสด หรือ สินทรัพย์
การบันทึกบัญชีวิธีส่วนได้เสีย(ซื้อหุ้นเกิน20%) เมื่อบริษัทที่ถูกซื้อหุ้นมีกำไร/ขาดทุนประจำปี ผู้ซื้อบันทึกดังนี้ เมื่อมีกำไรสุทธิ บัญชีเงินลงทุนในหุ้นสามัญจะเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนที่ถือหุ้น จะบันทึกบัญชีโดย Dr. เงินลงทุนในหุ้นสามัญ Cr. บัญชีส่วนแบ่งกำไรขาดทุนบริษัทที่ถูกซื้อ เมื่อมีขาดทุนสุทธิ ส่วนของผู้ถือหุ้นจะลดลง มีผลทำให้บัญชีเงินลงทุนใน หุ้นสามัญจะลดลงตามสัดส่วนที่ถือหุ้น Dr. ส่วนแบ่งกำไรขาดทุนจากบริษัทที่ถูกซื้อ Cr. เงินลงทุนในหุ้นสามัญ
การบันทึกบัญชีวิธีส่วนได้เสีย(ซื้อหุ้นเกิน20%) การคำนวณส่วนแบ่งกำไรในบริษัทที่ถูกซื้อตามวิธีส่วนได้เสีย กำไรสุทธิของบริษัทที่ถูกซื้อหุ้น xxx สัดส่วนการถือหุ้น xx% กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทที่ซื้อหุ้น บวก(หัก) ผลต่างจากการตีราคาตัดจำหน่าย (xxx) (หัก) ขาดทุนจากการด้อยค่าของค่าความนิยม ส่วนแบ่งกำไรขาดทุนในบริษัทที่ถูกซื้อ
การบันทึกบัญชีวิธีส่วนได้เสีย(ซื้อหุ้นเกิน20%) เมื่อบริษัทที่ซื้อหุ้นมามีการจ่ายเงินปันผล ส่วนของผู้ถือหุ้นจะลดลง ดังนั้นเงินลงทุนในหุ้นสามัญจะลดลงด้วยสัดส่วนที่ถือหุ้นอยู่ บันทึกบัญชีโดย Dr. เงินสด Cr. เงินลงทุนในหุ้นสามัญ ตัวอย่างที่ 3 และ 4