วันแม่แห่งชาติ
ประวัติวันแม่ งานวันแม่จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2486 ณ.สวนอัมพร โดยกระทรวงสาธารณสุข แต่ช่วงนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 งานวันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไป เมื่อวิกฤติสงครามสงบลง หลายหน่วยงานได้พยายามให้มีวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง ต่อมาวันแม่ที่รัฐบาลรับรอง คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 แต่ก็ต้องหยุดลงอีกในหลายปีต่อมา เนื่องจากกระทรวงวัฒนธรรมถูกยุบไป ส่งผลให้สภาวัฒนธรรมแห่งชาติ ซึ่งรับหน้าที่จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุน ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้จัดงานวันแม่ขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวเท่านั้น จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้กำหนดวันแม่ขึ้นใหม่ให้เป็นวันที่แน่นอน โดยถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และกำหนดให้ดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ คือ ดอกมะลิ
ดอกไม้ประจำวันแม่ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 พระนามเดิม หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร เป็นพระธิดาองค์ใหญ่ของหม่อมเจ้านักขัตรมงคล (ภายหลังได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น พลเอกพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ)กับ หม่อมหลวงบัว กิติยากร เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ณ บ้านของพลเอกเจ้าพระยาวงศานุประพัทธ์ (ม.ร.ว.สท้าน สนิทวงศ์) และท้าววนิดาพิจาริณี บิดาและมารดาของหม่อมหลวงบัว กิติยากร ตั้งอยู่ที่ 1808 ถนนพระรามที่ 6 อำเภอปทุมวัน จ.พระนคร ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า "สิริกิติ์" มีความหมายว่า "ผู้เป็นศรีแห่งกิติยากร“คือ ดอกมะลิ
กลอนวันแม่ ทุกคนเสาะหาหนทางสวรรค์ แต่ไม่พบกัน เพราะมองข้ามไป ทุกคนเสาะหาหนทางสวรรค์ แต่ไม่พบกัน เพราะมองข้ามไป ทั้งที่ต้นทางนั้นแสนกว้างใหญ่ และอยู่ไม่ไกล ใกล้ตัวเพียงแค่นิดเดียว เหมือนมีเส้นผมที่มาบังตา ดังคล้ายขอบฟ้าที่มาขวางกั้น ให้มองไม่เห็นถึงความคิดเฉิดฉันท์ ต้นทางสวรรค์ อันเรืองรอง
พระราชกรณียกิจ ตัวอย่าง เช่น 1) ศูนย์ศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม ต.เจริญศิลป์ อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร 2) ศูนย์ศิลปาชีพบ้านจาร ต.ม่วง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร 3) ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพอีสานใต้ บ้านตะตึงไถง ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 4) โครงการส่งเสริมศิลปาชีพบ้านสานแว้ ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร 5) โครงการส่งเสริมศิลปาชีพบ้านทรายทอง ต.ปทุมวาปี อ.ส่องดาว จ.สกลนคร
พระคุณของแม่ แม่มีพระคุณมาก แม่ เป็นคำสั้นๆ แต่มีความหมายกว้างใหญ่ไพรศาล หรือถ้าจะหาสิ่งใดมาเปรียบนั้นคงหาไม่ได้เลย บางคนบอกว่าแม่เปรียบดั่งมหาสมุทร บ้างก็เปรียบดั่งอากาสกว้าง บ้างก็เปรียบดั่งธรณี เป็นที่อยู่อาศัยให้กับเรา ซึ่งคำเปรียบพรรณนาเหล่านี้มารวมกันก็ยังไม่เทากับพระคุณของแม่เลยน้ำนมแม่เพียงหยดเดียวก็มีพระคุณมหาสารนับไม่ได้ แม่อุ้มท้องเราถึงเก้าเดือนแม่ต้องทรมานเจ็บท้องแม่อยากไปไหนก็ไม่ได้ไปเพราะกลัวสะเทือนถึงลูกในท้อง กว่าจะคลอดออกมาได้แม่ทรมานมากและต้องเสียเลือดมากมาย แม่มีพระคุณถ้าไม่มีแม่ก็ไม่มีเราในวันนี้ตั้งแต่เล็กจนโตแม่ฉันแค่ดูแลเอาใจใส่ตลอดมาและเป็นผู้ที่ไม่เคยทอดทิ้งฉันในยามทุกข์หรือสุขแม่ก็เคียงข้างฉันเสมอมา แม่อุ้มท้องฉันมาตั้ง 9 เดือน หนักแค่ไหนแม่ไม่เคยบ่นเสียสละทั้งกายและใจเพื่อลูกได้ ถึงแม้จะหิวขนาดไหนแม่ก็ไม่เคยบ่นเลยขอให้ลูกได้อิ่มก็พอแล้ว
คำขวัญวันแม่ รักเรียนรู้งาน ถนอมบ้านเมืองไทย ร่วมใจสามัคคี คือลูกที่ดีของแม่"
คำคมวันแม่
คำสัญญา หนูขอสัญญาว่า จะไม่ดื้อกับแม่ จะตั้งใจเรียน จะหาเงินเลี้ยงแม่ จะทำให้แม่สบาย จะไม่ทำให้แม่ต้องร้องไห้