เริ่มจากอดีต ตั้งแต่ยุคสมัยเริ่มต้น ของการใช้ PC มีการนำเอาสแตติกแรมมา ใช้ แต่ขนาดของ RAM ในขณะนั้นมีเพียง 8-16 กิโลไบต์ ซึ่งต้องใช้พื้นที่บอร์ด ขนาดใหญ่ ครั้นถึงยุคพีซีที่แพร่หลาย เช่น เครื่องแอบเปิ้ลทู การใช้ หน่วยความจำเริ่มหันมาใช้แบบ DRAM
เมื่อมีการพัฒนา PC โดยบริษัท ไอบีเอ็มที่เป็นต้นแบบที่เรียกว่า พีซี เอ็กซ์ที ไอบีเอ็มเลือกใช้ DRAM และ เริ่มต้นด้วยขนาด 64 K ไบต์ และขยาย มาเป็น 640 K ไบต์ ขยายเพิ่มจนหลาย ร้อยเมกะไบต์ในปัจจุบัน ในยุคแรกการใช้ DRAM ยังใช้เป็น ชิพ ไม่มีเทคนิคอะไรมากนัก เพราะ ซีพียูทำงานด้วยความเร็วเพียง 4-10 เมกะเฮิร์ทซ์เท่านั้น แต่ต่อมาถึงยุคพีซี 386, 486 ซีพียูเริ่มทำงานที่ความเร็ว 33 MHz จนถึง 66 MHz
FPM มาจากคำว่า Fast Page Mode เป็น DRAM ในยุคแรกของรุ่น 486 โดยเพิ่มความเร็วในลักษณะแบ่ง หน่วยความจำเป็นหน้าตามโครงสร้าง ที่แบ่งเป็นแถวและสดมภ์ โดยหาก อ่านหรือเขียนหน่วยความจำในห้อง เดียวกัน ก็ไม่จำเป็นต้องส่งค่า แอดเดรสในระดับแถวไป เพราะ กำหนดไว้ก่อนแล้ว คงส่งเฉพาะ สดมภ์เท่านั้น
Fast Page DRAM (FPM) นั้น ก็ เหมือนกับ DRAM เพียงแต่ว่า มันลด ช่วงการหน่วงเวลาขณะเข้าถึงข้อมูล ลง ทำให้ มันมีความเร็วในการเข้าถึง ข้อมูล สูงกว่า DRAM ปกติ ซึ่งโดยที่ สัญญาณนาฬิกาในการเข้าถึงข้อมูล จะเป็น (Latency) เริ่มต้นที่ 3 clock พร้อมด้วย 3 clock สำหรับการ เข้าถึง page) และสำหรับ ระบบแบบ 32 bit จะมีอัตราการส่งถ่ายข้อมูล สูงสุด 100 MB ต่อวินาที
ส่วนระบบแบบ 64 bit จะมีอัตรา การส่งถ่ายข้อมูลที่ 200 MB ต่อ วินาที เช่นกัน ปัจจุบันนี้ RAM ชนิด นี้แทบจะหมดไปจากตลาดแล้วแต่ ยังคงมีให้เห็นบ้าง และมักมีราคา ที่ ค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับ RAM FPM DRAM
ปกติหน่วยความจำเป็น วงจรอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้นจึง ต้องมีกระแสไฟฟ้าเลี้ยงวงจร เพื่อให้คงสถานการเก็บข้อมูล เราเรียกหน่วยความจำที่ต้องมี กระแสไฟฟ้าคงไว้ว่า หน่วยความจำแบบโวลาไทน์ (Volatine) หน่วยความจำ ประเภทนี้ได้แก่ RAM ที่เราใช้ อยู่ทั่วไป แต่การใช้งานใน วงจรพีซีจำเป็นต้องมีการเก็บ โปรแกรมถาวรไว้กับเครื่อง ซึ่ง การเก็บถาวรนี้จึงต้องไม่ขึ้นกับ ไฟฟ้าเลี้ยง
วงจรเราเรียกว่าหน่วยความจำ แบบนอนโวลาไทน์ (nonvolatine) ซึ่งได้แก่ ROM - Read Only Memory ROM จึงเป็น หน่วยความจำที่บรรจุโปรแกรม มาแล้ว และสามารถอ่านเรียก ข้อมูลมาใช้ได้ อย่างไรก็ดีด้วย เทคโนโลยีที่ทันสมัย ปัจจุบันมี หน่วยความจำที่เขียนอ่านได้ เหมือน RAM ที่ใช้ทั่วไป
DRAM ใช้คาปาซิเตอร์ที่ต้องการ power-refresh เพื่อเก็บการชาร์ต เพราะ การอ่าน DRAM จะดิสชาร์ตสิ่งที่เก็บไว้ ความต้องการ Power-refresh ภายหลัง การอ่านแต่ละครั้ง นอกจากการอ่านแล้ว เป็นการรักษาชาร์ตให้อยู่ในตำแหน่ง RAM จะต้องมีการ refreshed ทุก ๆ 1.5 microsecond และ DRAM มีราคาถูกที่สุด ในประเภทของ RAM
นางสาวชลธิชาเชียงเหงียม นายชัยวัฒน์กลัดเจ็ด นายชานนสมพงษ์