กรรมคืออะไร ?, มีจริงหรือไม่ ? กฎแห่งกรรม = คืออะไร? กรรมคืออะไร ?, มีจริงหรือไม่ ? มีกี่ชนิด ? , ให้ผลได้อย่างไร ? เพราะเหตุใดกรรมจึงให้ผลต่างกัน ?
กฎแห่งกรรม เป็นหลักธรรมที่สำคัญของพระพุทธศาสนาเป็นคุณลักษณะ พิเศษของพระพุทธศาสนาที่ทำให้พระพุทธศาสนา แตกต่างกับศาสนาอื่น
สิ่งที่ควรเชื่อ ๔ ประการ ชาวพุทธควรมีความศรัทธาหรือความเชื่อ ๔ ประการคือ ๑.ตถาคตโพธิสัทธา - เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ๒.กัมมสัทธา - เชื่อว่ากรรมมีจริง ๓.วิปากสัทธา - เชื่อผลของกรรม ๔.กัมมัสสกตาสัทธา - เชื่อว่าสัตว์มีกรรมเป็นของๆตน
๑.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะฟังตามๆกันมา กาลามสูตร ๑.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะฟังตามๆกันมา ๒.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะนับถือสืบต่อกันมา ๓.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ ๔.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีอ้างไว้ในตำรา ๕.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเหตุผลทางตรรกะ
๖.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะสรุปจาก ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ๗.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะคิดตรอง ตามอาการที่ปรากฏ ๘.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเข้ากับ ความเห็นของตน
๙.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะรูป ลักษณะน่าเชื่อถือ ๑๐.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเห็นว่า ผู้พูดเป็นครูของเรา
“ ต่อเมื่อใดรู้ด้วยใจว่าธรรม เหล่านี้เป็นอกุศลหรือกุศล มีโทษหรือไม่มีโทษ เป็นต้นแล้วจึงควรละ หรือถือปฏิบัติตาม ”
การฟังที่ฉลาด อย่าพึ่งเชื่อ อย่าพึ่งปฏิเสธ
จดจำ ศึกษา,ค้นคว้า หาข้อมูล,เหตุผล
จนรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ปฏิบัติ,ทดลอง จนรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
กฎแห่งความจริงของชีวิต กฎแห่งกรรม กฎแห่งความจริงของชีวิต กฎของธรรมชาติ
เครื่องมือทำกรรม มี ๓ ทางคือ กายกรรม = กระทำทางกาย วจีกรรม = กระทำทางวาจา มโนกรรม = กระทำทางใจ
กรรม มี ๓ ตามคุณภาพคือ ๑.กุศลกรรม คือ กรรมดี ๒.อกุศลกรรม คือ กรรมชั่ว ๓.อัพยากตกรรม คือ กรรมกลางๆ
ชนิดของกรรมมี ๑๒ คือแบ่งกรรมออกเป็น ๑๒ ชนิด ตามหน้าที่ และลำดับการให้ผล -กรรมแบ่งเป็น ๔ ตามหน้าที่ -กรรมแบ่งเป็น ๔ ตามลำดับการให้ผล -กรรมแบ่งเป็น ๔ ตามเวลาให้ผล
กรรมแบ่งเป็น๔ ตามหน้าที่ ชนกกรรม คือกรรมนำเกิด อุปถัมภกกรรม คือกรรมสนับสนุน อุปปีฬกกรรม คือกรรมมาเบียดเบียน อุปฆาตกกรรม คือกรรมตัดรอน
กรรมแบ่งเป็น ๔ ตามลำดับการให้ผล ทิฏฐธัมมเวทนียกรรม คือกรรมที่ให้ผลในชาตินี้ ๒.อุปปัชชเวธนียกรรม คือกรรมที่ให้ผลในชาติหน้า ๓.อปราปรเวทนียกรรม คือกรรมในภพต่อๆไป ๔.อโหสิกรรม คือกรรมที่ไม่ให้ผล
กรรมแบ่งเป็น ๔ ตามเวลาให้ผล ๑.ครุกรรม คือกรรมหนัก มี ๒ ฝ่ายคือ ๑.ครุกรรม คือกรรมหนัก มี ๒ ฝ่ายคือ ฝ่ายกุศล ได้แก่ สมาบัติ ๘ (รูปฌาน ๔ , อรูปฌาน ๔) ฝ่ายอกุศล ได้แก่ อนันตริยกรรม ๕ คือ (๑.ฆ่าบิดา , ๒.ฆ่ามารดา, ๓.ฆ่าพระอรหันต์, ๔.ทำร้ายพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต , ๕.ทำสงฆ์ให้แตกแยกกัน)
๒. อาจิณณกรรม คือกรรมที่ทำด้วยความเคยชิน ๓. อาสันนกรรม คือกรรมที่กระทำตอนใกล้ตาย ๔. กตัตตากรรม คือกรรมสักแต่ว่ากระทำ
ผลกรรม ๗ คู่ “สุภสูตร” ๑.อายุน้อย เพราะไม่ฆ่าสัตว์ ๒.โรคน้อย เพราะใจเย็นเมตตา ๓.ผิวงาม เพราะไม่โกรธ
๔.มียศบริวาร เพราะยินดีต่อผู้อื่น ๕.มีสมบัติมาก เพราะไม่ตระหนี่ ๖.เกิดในตระกูลสูง เพราะไม่กระด้าง ถือตัว ๗.ฉลาด เพราะคบนักปราชญ์