รายงาน เรื่อง การเเต่งกายสมัยอยุธยา 6.ธีรพล เศรษฐี เลขที่4 จัดทำโดย 1.นายธีระพงษ์ ชินโน เลขที่5 2.นายชัชวาลย์ คนคล่อง เลขที่3 3.นายนุ๊ก จันทร์เเสง เลขที่ 6 4.สิทธิโชค วงษ์หาจักร เลขที่8 5.กิตติศักดิ์ เขื่อนโยธา เลขที่ 10 6.ธีรพล เศรษฐี เลขที่4 7.ภควัต ส่งคุณฤทธิการ เลขที่14
สมัยอยุธยา อยุธยาเป็นราชธานีที่ยาวที่สุดของไทยถึง 417 ปี ระยะเริ่มแรก ของกรุงศรีอยุธยา อยู่ในปลายพุทธศตวรรษที่ 19 เป็นดินแดนที่เคยรับอารยธรรม อันเจริญรุ่งเรือง ล่วงมาแล้ว หลายยุคด้วยกัน ความปะปนในด้านอารยธรรมต่างๆ ย่อมปรากฏอยู่เป็นอันมาก แต่ในขณะ ที่กรุงศรีอยุธยาได้เจริญนั้นชั้นแรกทีเดียวต้องมีอารยธรรมลพบุรีสอดแทรกอยู่เป็น ส่วนใหญ่ แล้วต่อมาก็ได้รับอารยธรรมของไทยฝ่ายเหนืออีก คือ อารยธรรมของ ชาว สุโขทัย ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 21 ลงมากล่าวคือ สตรีไทยไว้ผมยาว เกล้ามวย บนศรีษะ สวมเสื้อบาง ผ่าอก คอรูปสามเหลี่ยมแขนสั้นขลิบขอบสาบเสื้อ ชายเสื้อปรกเอวย้วย รัดกับสะโพก สวมกำไลแขนเป็นปลอก นุ่งผ้าโจงกระเบนยาวครึ่งแข้ง ส่วนชาวบ้านไว้ผมยาวประบ่า หวีแสกกลาง ไม่สวมเสื้อ ห่อผ้าสไบเฉียง ปิดอก นุ่งผ้าเชิง ใต้สะดือยาวครึ่งแข้ง จีบหน้านาง ชักชายพกยาวตกลงมาตรงกลาง
แบบผมบางแบบ เกล้าขึ้นไปแล้วคาดกลาง ปล่อยให้ปลายบานออก หรือไว้ผมหวี แสกกลาง ไปรวมกันเป็นพุ่มทรง ด้านหลังใส่สร้อยสังวาล แต่มีผ้าคล้ง อกไหล่ปิดออก ทั้งสองข้าง นุ่งผ้าเชิงยาวครึ่งแข้ง จีบหน้าชักชายพกยาวลงมา ตรงกลางช่วงขา การดำเนินชีวิตไว้ผมยาว เกล้ามวย ไม่สวมเสื้อแต่ห่มผ้าแบบ ตะเบงมานแทน โดยนุ่ง ผ้าโจงกระเบน เพื่อสะดวกแก่การทำงาน บางครั้งก็หยักรั่ง เหนือเข่า แต่มีบางพวก นุ่งผ้าเชิงยาวครึ่งแข้ง จีบหน้านางและไว้ผผมยาว ประบ่า ตอนบนหวีแสกกลาง เป็นรูปปีกนก ( ผมปีก ) ห่มผ้าสะไบเฉียง นุ่งผ้าเชิงจีบ หน้านางยาวครึ่งแข้ง
อ้างอิง www.thaitopwedding.com/Misc/dress_history-6.html