แนวคิดเกี่ยวกับถิ่นกำเนิดของคนไทย วิชาหน้าที่พลเมือง (เพิ่มเติม) รหัสวิชา ส 30225 ผู้สอน ครูโชคชัย กลมเกลียว
แนวคิดที่ 1 ชนชาติไทยมีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนเหนือของจีน แถบภูเขาอัลไต การศึกษาเกี่ยวกับที่มาของชนชาติไทยยังคงเป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่และหาข้อยุติแน่นอนไม่ได้ 5 แนวคิด คือ แนวคิดที่ 1 ชนชาติไทยมีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนเหนือของจีน แถบภูเขาอัลไต แนวคิดที่ 2 ชนชาติไทยมีถิ่นกำเนิดอยู่ตอนกลางของจีน แถบมณฑลเสฉวน แนวคิดที่ 3 ชนชาติไทยมีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนใต้ของจีน แนวคิดที่ 4 ชนชาติไทยมีถิ่นกำเนิดอยู่ในบริเวณที่เป็นประเทศไทยในปัจจุบันมาตั้งแต่โบราณกาล แนวคิดที่ 5 ชนชาติไทยมีถิ่นกำเนิดอยู่แถบหมู่เกาะ มาเลเซียและอินโดนีเซียในปัจจุบัน
1. ชนชาติไทยมีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนเหนือของจีน แถบภูเขาอัลไต 1. ชนชาติไทยมีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนเหนือของจีน แถบภูเขาอัลไต
ดร. วิลเลียม คลิฟตัน ดอดด์ (Dr ดร.วิลเลียม คลิฟตัน ดอดด์ (Dr. william Clifton Dodd) หมอสอนศาสนาชาวอเมริกัน พบว่าหมู่ชนที่เชื่อกันว่าเป็นชนชาติไทยนั้น ได้ตั้งถิ่นฐานเป็นรัฐอยู่แว่นแคว้นอยู่ในประเทศจีนแล้ว ก่อนที่จีนจะอพยพลงมา โดยเสนอแนวคิดนี้ในงานเขียนเรื่อง The Tai Race : The Elder Brother of the Chinese ซึ่งเขาได้อาศัยหลักฐานประเภทตำนานและพงศาวดาร และจดหมายเหตุของจีนในการค้นคว้า
เมื่อ ๒๐๙๔ ปี ก่อนพุทธศักราช ขณะนั้นจีนยังอยู่ทางทะเลแคสเบี้ยน หรืออยู่ระหว่างการเคลื่อนย้ายมุ่งสู่ตะวันออก ยังไม่ได้ตั้งอาณาจักรลงในดินแดนที่เป็นประเทศจีนเวลานี้ และประวัติศาสตร์ที่ขงจื้อ เขียนเอง เริ่มต้นที่พระเจ้าเย้า เมื่อ ๑๘๑๔ ปี ก่อนพุทธศักราช ก็ยังเป็นระยะเวลาที่อาณาจักรจีนยังไม่ได้ตั้งถิ่นฐานมั่นคง การสำรวจดินแดนซึ่งกระทำในรัชสมัย พระเจ้ายู้ เมื่อประมาณ ๑๕๐ ปี พบว่าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลเสฉวนปัจจุบัน เขตแดนจีนในครั้งนั้นไปจดอาณาเขตของอาณาจักรใหญ่อาณาจักรหนึ่งชื่อว่า ต้ามุง ซึ่งเป็นพวกเดียวกับพวกที่มาตั้งอาณาจักรน่านเจ้า เมื่อปี พ.ศ. ๑๑๗๒ และพวกต้ามุงนี้เรียกตัวเองว่าอ้ายลาว
จากหลักฐานพบว่า ก่อนนี้มีอาณาจักรของคนไทยเราเรียกตนเองว่า “อ้ายลาว” ต่อมาจึงใช้คำว่า “ไท” หลังอ้ายลาว นอกจากอ้ายลาวแล้วเรายังมีชื่อเรียกกันหลายอย่าง เช่น มุง ลุง ปา ตามหลักฐานกล่าวว่าถิ่นฐานของไทยอยู่ระหว่างแม่น้ำฮวงโหและแม่น้ำยั่งจื้อหรือแยงซี และในจดหมายเหตุจีนเรียกชื่อคนไทยครั้งแรกว่า “ต้ามุง” ซึ่งก็คือ “อ้ายลาว” ที่ไว้เรียกตัวเองนั่นเอง
ขุนวิจิตรมาตรา (รองอำมาตย์โท สง่า กาญจนาคพันธุ์) ข้าราชการที่มีความสนใจประวัติศาสตร์ไทย มีความเห็นสอดคล้องกับแนวความคิดนี้ จึงได้นำมาขยายความต่อ โดยได้ศึกษาค้นคว้าและเขียนผลงานออกเผยแพร่ในหนังสือชื่อ หลักไทย ซึ่งพิมพ์เผยแพร่เมื่อ พ.ศ. 2471
“....... ในชั้นแรกที่เดียว ไทยจะมีชาติภูมิอยู่ตรงไหนนั้น ไม่มีทางทราบได้ชัด แต่อาจกล่าวได้กว้างๆ ว่ามีแหล่งเดิมอยู่ในบริเวณภูเขาอัลไตอันเป็นบ่อเกิดของพวกมงโกลด้วยกันเท่านั้น ภายหลังจึงแยกลงมาข้างใต้ มาตั้งภูมิลำเนาใหญ่โตขึ้นในลุ่มน้ำเหลือง ขณะที่จีนแยกไปเรียงรายอยู่ตามชายทะเลสาบคัสเปียนทางด้านตะวันตก พร้อมกันกับพวกตาต ซึ่งเที่ยวไปมาอยู่แถวทะเลทรายชาโมหรือโกบีใกล้ๆ กับบ้านเกิดนั้นเอง พวกไทยได้ชัยภูมิเป็นอู่ข้าวอู่น้ำบริบูรณ์ดีกว่าพวกอื่นๆ จึงเจริญก้าวหน้าบรรดาสายมงโกลด้วยกัน.......” (ขุนวิจิตรมาตรา)
หมายเหตุ แนวคิดที่ 1 ปัจจุบันมีผู้คัดค้านแนวความคิดนี้มาก เนื่องจากหลักฐานที่มีอยู่ไม่เพียงพอ ประเกอบกับเทือกเขาอัลไตอยู่ในเขตหนาว ซึ่งอยู่ห่างไกลจากประเทศไทยในปัจจุบันมาก หากมีการอพยพโยกย้ายลงมาจริงก็จะต้องผ่านอากาศหนาวเย็น และทะเลทรายอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยความทุรกันดาร เป็นระยะทางยาวไกลยากที่จะมีชีวิตรอดมาเป็นจำนวนมากได้
2. ชนชาติไทยมีถิ่นกำเนิดอยู่ตอนกลางของจีน แถบมณฑลเสฉวน
ศาสตราจารย์ แตร์รีออง เดอ ลาคูเปอรี (Terrien de la Couprie) แห่งมหาวิทยาลัยลอนดอน เป็นผู้เสนอแนวความคิดนี้ เมื่อ พ.ศ. 2428 ลาคูเปอรี่ได้แนวความคิดนี้จากการค้นคว้าประวัติศาสตร์และนิรุกติศาสตร์ (ภาษาโบราณ) โดยเสนอความเห็นไว้ในบทนำของหนังสือ The Cardle of The Shan Race ตีพิมพ์ที่อังกฤษใน พ.ศ. 2428 ในบทความนี้ลาคูเปอรีสรุปว่าคนเชาติไทยเดิมตั้งถิ่นฐานอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลเสฉวน
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงแสดงทัศนะในแนวเดียวกันไว้ในพระนิพนธ์เรื่อง แสดงบรรยายพงศาวดารสยาม เมื่อ พ.ศ. 2467 ว่า ดินแดนแถบประเทศไทยแต่เดิมเป็นถิ่นที่อยู่ของพวกละว้า มอญ เขมร คนไทยอยู่แถบทิเบตติดต่อกับเขตแดนจีน (มณฑลเสฉวนปัจจุบัน) ราว พ.ศ. 500 ถูกจีนรุกราน จึงอพยพมาอยู่ที่ยูนนาน และแยกย้ายกันไปทางตะวันตก คือ เงี้ยว ฉาน ทางใต้คือ สิบสองจุไทย และทางตอนล่างคือ ล้านนา ล้านช้าง
ศาสตราจารย์ พระยาอนุมานราชธน(เสถียรโกเศศ) ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ที่เขียนขึ้นจากการรวบรวมข้อมูลเอกสารชื่อ เรื่องของชาติไทย(พ.ศ. 2483) ว่า “ถิ่นเดิมของคนไทยอยู่ทางตอนกลางของประเทศจีนในลุ่มแม่น้ำแยงซี ฝั่งซ้ายตั้งแต่มณฑลเสฉวนไปจดทะเลทางตะวันออก”
พระบริหารเทพธานี กล่าวไว้ในผลงาน ซึ่งได้จากการศึกษาค้นคว้าคือเรื่อง พงศาวดารชาติไทย (พ.ศ. 2496) ว่า ถิ่นเดิมของไทยอยู่บริเวณตอนกลางของจีน ต่อมาอพยพลงมาที่มณฑลยูนนาน และค่อยๆ ลงมาทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลวงวิจิตรวาทการ เป็นอีกท่านหนึ่งสนใจเรื่องถิ่นกำเนิดของชาติไทยท่านได้แสดงทัศนะไว้ในหนังสือ สยามกับสุวรรณภูมิ(พ.ศ. 2467)และงานค้นคว้าเรื่องชนชาติไทย (พ.ศ. 2499) สรุปว่าเดิมคนไทยอยู่ทางตอนกลางของจีน ในดินแดนซี่งเป็นมณฑลเสฉวนร ฮูเป อันฮุย และเกียงซีในปัจจุบัน แล้วค่อยๆ อพยพลงมาสู่มณฑลยูนานและแหลมอินโดจีน
หมายเหตุ แนวคิดที่ 2 ปัจจุบันได้มีหลักฐานการค้นคว้าใหม่ๆ แย้งแนวความคิดนี้ว่าคนไทยเป็นพวกประกอบอาชีพการเพาะปลูกพืชเมืองร้อน โดยเฉพาะการปลูกข้าว จึงน่าจะอยู่ในที่ราบลุ่มในเขตร้อนชื้นมากกว่าบริเวณที่เป็นภูเขาอันฮุยหรือที่ราบสูงซึ่งมีอากาศหนาว หลวงวิจิตรวามการ
3. ชนชาติไทยมีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนใต้ของจีน 3. ชนชาติไทยมีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนใต้ของจีน บริเวณทางตอนใต้ของจีนในทีนี้ หมายถึง บริเวณซี่งปัจจุบันเป็นมณฑลยูนนานของจีน ตอนเหนือของเวียตนาม รัฐฉานของพม่า และรัฐอัสสัมของอินเดีย
อาร์ซิบัล รอสส์ โคลฮูน (Archibal Ross Colquhoun) หลังจากเขาเดินทางสำรวจโดยออกเดินทางจากวางตุ้ง ประเทศจีนไปทางตะวันตกถึงเมืองมันฑะเลย์ในพม่า เมื่อ พ.ศ. 2428 ในหนังสือชื่อ ไครเซ(Chryse) อี.เอช. ปาร์คเกอร์ (E.H. Parker) ปาร์คเกอร์เคยเป็นกงสุลอังกฤษประจำเกาะไหหลำ และได้เขียนบทความเรื่อง น่านเจ้า พิมพ์เผยแพร่เมื่อ พ.ศ. 2437 สรุปใจความสำคัญว่า น่านเจ้าซึ่งได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นอาณาจักรที่ยูนานนั้นเคยเป็นของไทย
โวลแฟรม อีเบอร์ฮาร์ด (Wolfram Eberhard) ชาวเยอรมันได้ศึกษาเรื่องนี้เมื่อ พ.ศ.2491และได้แสดงแนวความคิดไว้ในหนังสือชื่อ A History of China ยืนยันว่าคนไทยมีถิ่นกำเนิดใกล้ปากแม่น้ำแยงซี ในมณฑลเสฉวน ต่อมาได้อพยพถอยร่นลงมาจนถึงมณฑลยูนนาน
พระยาประชากิจกรจักร (แช่ม บุนนาค) ผู้แต่งหนังสือ พงศาวดารโยนก ซึ่งเชื่อว่าถิ่นกำเนิดของชนชาติไทยอยู่กระจัดกระจายในบริเวณตอนใต้ของจีน รวมไปถึงรัฐอัสสัมของอินเดีย โดยการศึกษาค้นคว้าจากพงศาวดารพม่า รามัญ ไทยใหญ่ ล้านช้าง และพงศาวดารจีน พงศาวดารเหนือ พระราชพงศาวดารสยาม และพงศาวดารเขมรกับ
ศาสตราจารย์ ขจร สุขพานิช (พ. ศ ศาสตราจารย์ ขจร สุขพานิช (พ.ศ. 2456 – 2521) ซี่งเคยเป็นกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย ก็มีความเชื่อว่าถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่ทางตอนล่างของจีน หลังจากที่ได้ค้นคว้าหลักฐานทางฝ่ายไทยตรวจสอบกับความเห็นของอีเบอร์ฮาร์ด และหมอดอดด์ แล้วลงความเห็นว่า คนไทยมีถิ่นกำเนิดเดิมอยู่ตอนใต้ของจีนในเขตมณฑลกวางตุ้ง กวางสี ต่อมาได้อพยพมาทางตะวันตก ตั้งแต่มณฑลเสฉวนลงล่างเรื่อยมาจนเข้าเขตสิบสองจุไทยลงมาในเขตประเทศลาว
หมายเหตุ แนวคิดที่ 3 แนวความคิดนี้เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน นักวิชาการาชาวตะวันตกบางท่านได้ขยายแนวความคิดนี้ออกไป ทำให้มีสมมุติฐานใหม่ๆ เพิ่มขึ้น อย่างเช่นมีข้อเสนอว่า ถิ่นกำเนิดของคนไทยน่าจะอยู่มณฑลกวางสีและมณฑลกวางตุ้ง เพราะอยู่ในเขตร้อนชื้น บ้างก็ว่าน่าจะอยู่ห่างไกลจากน่านเจ้าไปทางตะวันออก คือแนวเขตแดนระหว่างมณฑลกวางสีของจีนกับบริเวณที่ต่อกับเขตของเวียดนาม เป็นต้น
4. ชนชาติไทยมีถิ่นกำเนิดอยู่ในบริเวณที่เป็นประเทศไทยในปัจจุบันมาตั้งแต่โบราณกาล อาณาบริเวณที่เป็นประเทศปัจจุบัน หมายถึง อาณาบริเวณที่เรียกว่า สุวรรณภูมิ ได้แก่ดินแดนที่เป็นคาบสมุทรอินโดจีน ครอบคลุมถึงบริเวณตอนใต้ของจีนปัจจุบัน และตอนเหนือของพม่าปัจจุบัน ลงไปจนถึงแหลมมลายู
ศาสตราจารย์ชิน อยู่ดี ศาสตราจารย์ นายแพทย์สุด แสงวิเชียร ศาสตราจารย์ชิน อยู่ดี ศาสตราจารย์ นายแพทย์สุด แสงวิเชียร
แนวคิดนี้สนับสนุนโดยอาศัยหลักฐานทางโบราณคดี 1. การสำรวจและขุดค้นที่บริเวณสองฝั่งแควน้อยและแควใหญ่ จังหวัดกาญจนบุรี ของคณะสำรวจไทย-เดนมาร์ก พ.ศ. 2503 – 2505 และ พ.ศ. 2509 2. การสำรวจและขุดค้นที่บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี และในพื้นที่ในเขตจังหวัดของแก่น สกลนคร และนครพนม ด้วยความร่วมมือของมหาวิทยาลัยฮาวาย สหรัฐอเมริกา และบริติชมิวเซียม ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พ.ศ. 2509 – 2510
หมายเหตุแนวคิดที่ 4 จากการขุดพบโครงกระดูกที่จังหวัดกาญจนบุรี ศาสตราจารย์นายแพทย์สุด แสงวิเชียร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางกายวิภาคผู้ร่วมการสำรวจขุดค้นยืนยันว่า เป็นโครงกระดูกยุคหินใหม่อายุประมาณ 4,000 ปี มีลักษณะสำคัญตรงกับโครงกระดูกของคนไทยในปัจจุบัน น่าเชื่อว่าโครงกระดูกที่พบนั้นเป็นโครงกระดูกของคนไทย จึงน่าเป็นไปได้ว่า ถิ่นกำเนิดเดิมของคนไทย คือ บริเวณที่เป็นประเทศไทยเรานี้เอง ไม่ได้อพยพโยกย้ายมาจากที่ไหนเลย อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ยังคงไม่ได้รับการยอมรับกันทั่วไป คงจะต้องศึกษาค้นคว้าหาหลักฐานมาสนับสนุนเพิ่มเติมอีก
5. ชนชาติไทยมีถิ่นกำเนิดอยู่แถบหมู่เกาะ มาเลเซียและอินโดนีเซียในปัจจุบัน
แนวความคิดนี้เสนอโดยวกลุ่มวิชาการทางการแพทย์ของไทย เริ่มแต่ พ. ศ แนวความคิดนี้เสนอโดยวกลุ่มวิชาการทางการแพทย์ของไทย เริ่มแต่ พ.ศ. 2500 เป็นต้นมาผู้เสนอความเห็น คือ นายแพทย์สมศักดิ์ สุวรรณสมบูรณ์ นายแพทย์สมศักดิ์ได้ตรวจกลุ่มเลือดของคนไทย คนชวาและคนจีน พบว่ากลุ่มเลือดของคนไทยมีเปอร์เซ็นต์ความถี่ของยีนส์เหมือนกับของชาวเกาะชวา นาจะมีความเกี่ยวข้องกันในทางใดทางหนึ่ง คนไทยจึงน่าจะเคยอาศัยอยู่ในหมู่เกาะชวา
นายแพทย์ประเวศ วะสี นายแพทย์ประเวศพบว่ามีเฮโมโกลบิน อี (Hgb. E) ในเลือดของคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยมาก เช่นเดียวกับที่พบในกลุ่มของชาวมอญ ละว้า และเขมร แต่แทบไม่พบในคนจีน จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่คนไทยจะเคยอาศัยอยู่ในดินแดนประเทศจีน
หมายเหตุ แนวคิดที่ 5 เมื่อนำไปประกอบกับความเห็นาของพอล เบเนดิกต์ ( Poul Benedict )นักภาษาศาสตร์และมานุษยวิทยาชาวอเมริกัน ซึ่งเสนอไว้เมื่อ พ.ศ.2485 ว่า ภาษาไทยเป็นภาษาเป็นภาษาตระกูลออสโตรนีเซียน (กลุ่มชวา-มลายู) คนเผ่าไทยจึงน่าจะเป็นชนชาติเดียวกับชวา- มลายู จึงตั้งข้อสันนิษฐานว่า ชนชาติไทยน่าจะอพยพมาจากทางตอนใต้ คือ จากหมู่เกาะอินโดนีเซียและแหลมมลายู แล้วเลยขึ้นไปทางเหนือถึงบริเวณตอนใต้ของประเทศจีนและอาจอพยพถอยร่นลงมาอีกครั้งหนึ่ง จนสามารถตั้งถิ่นฐานถาวรอยู่ในดินแดนที่เป็นประเทศไทยปัจจุบันแนวความคิดนี้แม้จะมีผู้เห็นด้วยอยู่บ้าง แต่ก็มีความคิดเห็นโต้แย้งอยู่ จึงจะต้องค้นหาหลักฐานอื่นๆ มาประกอบให้แนวความคิดนี้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
บรรณานุกรม กาญจนี ละอองศรี. 2549. “หน่วยที่ 3 พัฒนาการของบ้านเมืองและแคว้นใน ดินแดนประเทศไทย” ประวัติศาสตร์ไทย. พิมพ์ครั้งที่ 5 . นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ศิริพร ดาบเพชรและคณะ. ม.ป.ป. ประวัติศาสตร์ ม.4-6. กรุงเทพฯ: อักษรเจริญ ทัศน์ อจท.จำกัด. เว็ปไซด์ http://www.thaigoodview.com/node/18300?page=0%2C2 http://www.kwc.ac.th/0e-book%20ThaiKingdom/10TinKumNud1.htm