Semantic Differential สมพงษ์ พันธุรัตน์
Projective techniques Observation Self report Attitude Projective techniques
Self report Thurstone Likert Guttman Osgood
แนวคิดของมาตรวัดเจตคติของ ออสกูด เป็นการวัดความรู้สึกของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีต่อสิ่งเร้า สิ่งเร้านี้ว่า มโนมติ (Concept) มโนมติ (Concept) ต่างๆ มีความหมาย มโนมติจะประกอบด้วยลักษณะที่สำคัญหลายลักษณะหรือหลายองค์ประกอบหรือหลายมิติ มิติเหล่านั้นมาจากความหมายทางภาษา เรียกมิติเหล่านั้นว่า Semantic space มโนมติต่างๆ คือ จุดที่อยู่ใน space
หลักการสร้างมาตรวัดเจตคติ ของ ออสกูด กระบวนการในการอธิบาย ตัดสินใจ หรือประเมินมโนมติของบุคคลนั้น สามารถเขียนแทนได้ในเนื้อปริมาณที่อยู่ในช่วงการวัดทางจิตวิทยา (Psychological contium) ซึ่งมีความเข้มมากน้อยตามลักษณะของคำคุณศัพท์ 2 คำ ที่มีลักษณะตรงข้ามกัน (Bipolar adjectives) และใช้เป็นสิ่งที่นำมาอธิบายมโนมตินั้น
หลักการสร้างมาตรวัดเจตคติ ของ ออสกูด ความแปรเปลี่ยนหรือแนวทางในการอธิบายมโนมติของแต่ละบุคคลในช่วงของการวัดจะมีลักษณะเป็นมิติเดียว และไม่ขึ้นอยู่กับช่วงการวัดอื่นๆ
หลักการสร้างมาตรวัดเจตคติ ของ ออสกูด การตอบสนองหรือการแสดงความรู้สึกของแต่ละบุคคลที่มีต่อมโนมติในช่วงการวัดแต่ละช่วงนี้ จะอยู่ใน Semantic space และมีปริมาณตามที่ต้องการ
ทฤษฎีความสมดุลของเจตคติ (Attitude balance theory) มีแนวคิดว่าถ้าหากแนวคิด 2 เรื่องใดมีความเกี่ยวเนื่องกันแล้ว เจตคติต่อเรื่องราวคู่นั้นจะรวมกัน (Converge) แต่ถ้าเรื่องราวคู่ใด มีความผิดแผกแตกต่างกัน หรือไม่เกี่ยวเนื่องกันแล้ว เจตคติต่อเรื่องราวนั้นก็จะออกห่างกัน (Diverge) ดังนั้นในทางตรงกันข้าม ถ้าหากเราทราบว่าเจตคติคู่ใดที่รวมลงรอยเดียวกันแล้ว เรื่องราวและแนวคิดคู่นั้นก็จะเกี่ยวเนื่องเป็นคู่กัน แต่ถ้าเจตคติคู่ใดมีลักษณะแยกจากกันแล้ว เรื่องราวและแนวคิดคู่นั้นจะไม่เกี่ยวเนื่องกัน
องค์ประกอบของความหมายทางภาษา องค์ประกอบด้านการประเมินค่า (Evaluation Factor) องค์ประกอบด้านศักยภาพ (Potency Factor) องค์ประกอบด้านกิจกรรม (Activity Factor)
องค์ประกอบด้านการประเมินค่า (Evaluation Factor) ดี-เลว จริง-เท็จ ฉลาด-โง่ มีประโยชน์-ไร้ประโยชน์ น่ารัก-น่าเกลียด สำคัญ-ไม่สำคัญ เพลิดเพลิน-น่าเบื่อ หวาน-ขม สุข-ทุกข์ สำเร็จ-ล้มเหลว ง่าย-ยาก ชอบ-เกลียด
องค์ประกอบด้านศักยภาพ (Potency Factor) หนัก-เบา ใหญ่-เล็ก แข็งแรง-อ่อนแอ จริงจัง-ตามสบาย
องค์ประกอบด้านกิจกรรม (Activity Factor) เร็ว-ช้า เป็นระเบียบ-ยุ่งเหยิง ว่องไว-เฉื่อยชา จอแจ-เงียบเชียบ ธรรมดา-ซับซ้อน ร่าเริง-หงอยเหงา
ขั้นตอนการสร้างมาตรวัดเจตคติ เลือกมโนมติที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ต้องการจะศึกษาเจตคติ การสร้างมาตรา (Scale) คือการเลือกคำคุณศัพท์ที่ตรงข้ามกันให้เหมาะสม มาอธิบายมโนมติ การจัดมาตราวัด (Scale) นำคำคุณศัพท์ที่กำหนดไว้จัดเรียงลงในมาตราวัดแบบสุ่ม จัดทำคำชี้แจงและเสนอตัวอย่างคำถามคำตอบ นำไปทดลองใช้เพื่อหาคุณภาพของเครื่องมือ
การเลือกมโนมติ เลือกมโนมติที่กลุ่มผู้ตอบรู้จักและเข้าใจได้ตรงกัน มีความหมายที่ชัดเจน เลือกมโนมติที่สามารถกระตุ้นให้บุคคลแสดงความคิดเห็น และมีความรู้สึกที่แตกต่างกันได้มาก
การสร้างมาตรา (Scale) ใช้กลุ่มพิจารณา โดยเลือกตัวแทนกลุ่มหนึ่งจากบุคคลที่เราต้องการศึกษาเจตคติ แล้วเสนอมโนมติและคำคุณศัพท์ให้กลุ่มคนดังกล่าวพิจารณาความสอดคล้องต้องกันระหว่างมโนมติและคำคุณศัพท์เหล่านี้ โดยให้เรียงลำดับความสอดคล้องจากมากที่สุดไปหาน้อยที่สุด แล้วนำผลที่ได้มาเลือกไว้ประมาณ 10-20 คู่ เพื่อนำไปสร้างสเกลต่อไป
การสร้างมาตรา (Scale) ให้ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวกับหัวข้อเรื่องนั้นโดยตรงเป็นผู้พิจารณาคำคุณศัพท์ โดยการตัดทิ้งถ้าเห็นว่าห่างไกลจากเรื่องที่ศึกษาเกินไป พร้อมทั้งให้เพิ่มเติมตามที่เห็นเหมาะสม
การจัดมาตราวัด (Scale) นำคำคุณศัพท์ที่กำหนดไว้จัดเรียงลงในมาตราวัดแบบสุ่ม โดยไม่แยกองค์ประกอบและทิศทาง ไม่ควรจัดให้คำคุณศัพท์ทางบวกอยู่ด้านเดียวกันหมด ควรคละกันไป เพื่อป้องกันการตอบของผู้ตอบที่ประเมินค่าโดยมีอคติ หรือตอบโดยไม่มีการพิจารณา ในการวัดแต่ละมโนมติควรใช้คำคุณศัพท์คู่ประมาณ 5-30 คู่
การกำหนดค่าน้ำหนักในแต่ละ Scale ใช้วิธีกำหนดน้ำหนักสมมุติ (Arbitrary weighting) อาจเป็น 3, 5, 7 หรือ 9 ช่วงก็ได้ แต่ออสกูดเสนอแนะว่ามาตราแบบ 7 ช่วงเป็นแบบที่มีประสิทธิภาพในการวัดมากกว่า
กำหนดตัวเลขตั้งแต่ 1-7
กำหนดคะแนนจุดกึ่งกลางเป็น 0 และกำหนดตัวเลข 1, 2, 3 ทั้งสองด้าน
กำหนดคะแนนจุดกึ่งกลางเป็น 0 เช่นเดียวกับวิธีที่ 2 แต่จะกำหนดตัวเลข 3, 2, 1 สำหรับคำคุณศัพท์ทางด้านซ้ายมือ และกำหนดตัวเลข -3, -2, -1
การวิเคราะห์หาคุณภาพ วิเคราะห์องค์ประกอบ (Factor analysis) วิเคราะห์รายข้อ เพื่อหาอำนาจจำแนก หาความเที่ยงของมาตรวัด โดยแบ่งครึ่ง (Split half) หรือวิธีของฮอยท์ (Hoyt's reliability) หรือวิธีสัมประสิทธิ์เอลฟาของครอนบาค (Alpha coefficient)
การวิเคราะห์ข้อมูลจากมาตรวัดเจตคติ ผลจากการใช้มาตรวัดเจตคติแบบจำแนกความหมายของคำ สามารถนำมาวิเคราะห์ได้ 4 แบบใหญ่ๆ คือ การเปรียบเทียบ ระหว่างมาตรา ระหว่างองค์ประกอบ ระหว่างมโนมติ ระหว่างกลุ่ม
การวิเคราะห์เส้นภาพ (Profile) เจตคติเป็นรายมาตราและรายบุคคล
การวิเคราะห์เส้นภาพเจตคติเปรียบเทียบกลุ่ม A และกลุ่ม B
การวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างมโนมติในองค์ประกอบเดียว คะแนนเจตคติของ นักเรียนคนหนึ่งที่มีต่อ "ครู" ซึ่งมี 4 มโนมติ ทุกมโนมติมี 6 มาตรา ในองค์ประกอบด้านการประเมินค่า
ความห่างหรือระยะทางระหว่างมโนมติใน Semantic space 2 il d D S = = il D ระยะทางเส้นตรงระหว่างมโนมติ i และ l = il d ความแตกต่างทางพีชคณิตระหว่างจุด 2 จุด คือ i กับ l ( ) 2 l i il X d - S =
มาตรา มโนมติ A B C D E 1 6 2 5 3 4 7 Mean 5.83 1.83 5.33 6.00 2.17 S2 0.57 1.07 0.80