บทที่ 11 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย

Slides:



Advertisements
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
บทที่ 5 การดำรงชีวิตของพืช
Advertisements

โครงข่ายบริการสื่อสารร่วมระบบดิจิตอล
บทที่ 3 การบริหารพนักงานขาย
เรื่อง เทคโนโลยีบอรดแบนด์ไร้สาย
 เครือข่ายคอมพิวเตอร์  การที่ระบบเครือข่ายมีบทบาทและ ความสำคัญเพิ่มขึ้น เพราะไมโครคอมพิวเตอร์ได้รับ การใช้งานอย่างแพร่หลาย จึงเกิดความต้องการที่จะ.
จัดทำโดย ด. ญ. ศศิปภา มณีขัติย์ ชั้น 2/6 เลขที่ 4.
การสื่อสารข้อมูลทางคอมพิวเตอร์
เทคโนโลยีไร้สาย Department of Informatics, Phuket Rajabhat University. THAILAND.
การจัดการศูนย์สารสนเทศ หน่วยที่ 10 “ ความร่วมมือในการบริการ สารสนเทศ ” อาจารย์ ดร. นฤมล รักษาสุข.
การสื่อสารข้อมูล การสื่อสารข้อมูล หมายถึง การรับส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่ หนึ่งโดยผ่านสื่อกลาง เช่น สายโทรศัพท์ สายเคเบิลไฟเบอร์ออพติก, คลื่นไมโครเวฟ,
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
ประโยชน์และตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
Communication Software
การสื่อสารข้อมูล.
7 เทรนด์ การตลาดออนไลน์ปี 2014 แรงแน่ ! ในปีที่ผ่านมา การเปิดตัวเครือข่าย 3G ในประเทศ ทำให้คำว่า “การตลาดออนไลน์ (Online Marketing)” กันมากขึ้น แล้วในปี
การรักษาความปลอดภัยข้อมูลขั้นพื้นฐาน
CSIT-URU อ. กฤษณ์ ชัยวัณณคุปต์ Mathematics and Computer Program, URU บทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ เทคโนโลยีสารสนเทศ Introduction to Information.
ผลการดำเนินงาน ปีงบ ๒๕๕๘ ( ร่าง ) แผนปฏิบัติการฯ ปี งบ ๒๕๕๙ กลุ่มงานบริหารทั่วไป สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดตราด.
มอบนโยบายการบริหารราชการให้กับหัวหน้าสถานีตำรวจ วันอังคารที่ 2 ๑ มิ. ย.59 เวลา น. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบเครือข่าย. สัญญาณอิเล็คทรอนิกส์ อนาล็อก (ANALOG) สัญญาณมีความต่อเนื่อง ถูกรบกวนได้ง่าย มี Noise มาก.
ประเภทของ CRM. OPERATIONAL CRM เป็น CRM ที่ให้การสนับสนุนแก่กระบวนการธุรกิจ ที่เป็น “FRONT OFFICE” ต่างๆ อาทิ การขาย การตลาด และการ ให้บริการ SALES FORCE.
โครงข่ายบริการสื่อสารร่วมระบบดิจิตอล
ระบบมาตรฐานการพัฒนาชุมชน ผอ.กลุ่มงานมาตรฐานการพัฒนาชุมชน
อาจารย์จุฑามาศ พรหมทอง สาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์
การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer network)
หน่วยที่ 1 ข้อมูลทางการตลาด. สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของข้อมูลทางการตลาด 2. ความสำคัญของข้อมูลทางการตลาด 3. ประโยชน์ของข้อมูลทางการตลาด 4. ข้อจำกัดในการหาข้อมูลทาง.
อาจารย์อภิพงศ์ ปิงยศ บทที่ 3 : รูปแบบการเชื่อมต่อเครือข่ายและส่วนประกอบของเครือข่ายท้องถิ่น (Topologies and LAN Components) Part3.
การสื่อสารข้อมูลทางคอมพิวเตอร์
อาจารย์อภิพงศ์ ปิงยศ บทที่ 8 : TCP/IP และอินเทอร์เน็ต Part1 สธ313 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทางธุรกิจ อาจารย์อภิพงศ์
องค์ประกอบและเทคนิคการทำงาน
อาจารย์อภิพงศ์ ปิงยศ บทที่ 2 : แบบจำลองเครือข่าย (Network Models) part1 สธ313 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทางธุรกิจ อาจารย์อภิพงศ์
มาตรฐานระบบการบริหารงานคุณภาพ
บทที่ 1 สถาปัตยกรรมของระบบฐานข้อมูล (Database Architecture)
บทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูล
อาจารย์อภิพงศ์ ปิงยศ บทที่ 3 : รูปแบบการเชื่อมต่อเครือข่ายและส่วนประกอบของเครือข่ายท้องถิ่น (Topologies and LAN Components) Part3.
อาจารย์อภิพงศ์ ปิงยศ บทที่ 7 : TCP/IP และอินเทอร์เน็ต Part1 สธ313 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทางธุรกิจ อาจารย์อภิพงศ์
อาจารย์อภิพงศ์ ปิงยศ บทที่ 4 : สื่อกลางส่งข้อมูลและการมัลติเพล็กซ์ (Transmission Media and Multiplexing) Part3 สธ313 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทางธุรกิจ.
บทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความหมายของเลเซอร์ เลเซอร์ คือการแผ่รังสีของแสงโดยการกระตุ้นด้วยการขยายสัญญาณแสง คำว่า Laser ย่อมาจาก Light Amplification by Stimulated Emission of Radiation.
Integrated Information Technology
อาจารย์อภิพงศ์ ปิงยศ บทที่ 1 : Introduction to Data Communication and Computer Network Part3 สธ313 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทางธุรกิจ.
การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
งานสังคมครั้งที่ 1 เรื่อง การเก็บข้อมูลประวัติหมู่บ้าน ชุมชน วิถีชุมชน
บทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
Chapter 1 ความรู้เบื้องต้นในเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต Edit
การสร้างโมเดลจำลองความสัมพันธ์ ระหว่างข้อมูล E-R Model
แผ่นดินไหว.
คณะทำงานขับเคลื่อนงานโภชนาการ (สูงดีสมส่วน)
World Time อาจารย์สอง Satit UP
บทที่ 6 แนวคิดเทคโนโลยีเสมือนจริง
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
SMS News Distribute Service
1. ความหมายของการสื่อสารข้อมูล
บทที่ 3 : รูปแบบการเชื่อมต่อเครือข่ายและส่วนประกอบของเครือข่ายท้องถิ่น (Topologies and LAN Components) Part1.
Multimedia และระบบความจริงเสมือน Virtual Reality, VR
ISO ย่อมาจาก International Organization for Standardization คือ องค์การมาตรฐานสากล หรือองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน เป็นองค์กรที่ออกมาตรฐานต่างๆ.
หลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ของผู้ให้บริการ
พื้นฐานเครือข่ายคอมพิวเตอร์
สถาบันพัฒนาอนามัยเด็กแห่งชาติ
การสื่อสารข้อมูล ผู้สอน...ศริยา แก้วลายทอง.
อินเทอร์เน็ตเบื้องต้น และการออกแบบเว็บไซต์
นวัตกรรม ขวดเก็บ Sputum culture
โครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีถนนรีไซเคิลเพื่อลดขยะพลาสติกใน 4 ภูมิภาค
เครื่องโทรศัพท์ติดต่อภายใน intercommunication
การจัดการภาครัฐ และภาคเอกชน Public and private management
MTRD 427 Radiation rotection - RSO
บทที่ 7 การบัญชีภาษีมูลค่าเพิ่ม
กระดาษทำการ (หลักการและภาคปฏิบัติ)
การใช้ระบบสารสนเทศในการวิเคราะห์ข่าว
ใบสำเนางานนำเสนอ:

บทที่ 11 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย

11.1 บทนำ มนุษย์เราได้มีการคิดค้นและพัฒนาวิธีการสื่อสารข้อมูลในรูปต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน นับตั่งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน ซึ่งรูปแบบของการสื่อสารข้อมูลจะแตกต่างกันไป แยกตามกลุ่มผู้ใช้และระยะเวลา แต่ลักษณะพื้นฐานของกานสื่อสารที่เหมือนกัน คือ 1. ต้องมีอุปกรณ์สำหรับการส่งข่าวสาร 2. วิธีการแปลงข่าวสารให้อยู่ในรูปแบบที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถส่งผ่านอุปกรณ์ไปได้

11.2 ความหมายของการสื่อสารข้อมูล การสื่อสารข้อมูล หมายถึง การส่งข้อมูลที่อยู่ในรูปของเลขฐานสอง ที่เกิดจากอุปกรณ์หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ตั่งแต่ 2 อุปกรณ์ขึ้นไป โดยวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการติดต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนแบ่งปันการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพสูงสุด

11.3 องค์ประกอบของระบบการสื่อสารข้อมูล ระบบการสื่อสารข้อมูลมีองค์ประกอบพื้นฐาน 5 ประการ ดังนี้ คือ 1. ผู้ส่งหรืออุปกรณ์ส่งข้อมูล (Sender) เป็นต้นทางการสื่อสาร มีหน้าที่เตรียมข้อมูลข่าวสารเพื่อจัดส่ง 2. ผู้รับหรืออุปกรณ์รับข้อมูล (Receiver) เป็นปลายทางการสื่อสาร มีหน้าที่รับข้อมูลข้อมูลข่าวสารที่ผู้จัดส่งมาให้ 3. สื่อกลาง (Medium) เป็นเส้นทางการสื่อสาร เพื่อนำข้อมูลข่าวสารจากต้นทางไปยังปลายทาง สื่อการการสื่อสารนี้อาจเป็นเส้นลวดทองแดง สายเคเบิล สายใยแก้วนำแสง หรือคลื่นต่าง ๆ ที่ส่งผ่านทางอากาศ เช่น คลื่นไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ

11.3 องค์ประกอบของระบบการสื่อสารข้อมูล 4. ข่าวสาร (Message) เป็นสัญญาณที่ส่งผ่านไปยังสื่อกลาง แบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ ดังนี้ คือ 1. เสียง (Voice) อาจเป็นเสียงคนหรือเสียงที่สร้างขึ้นจากอุปกรณ์ต่าง ๆ สัญญาณเสียงเป็นสัญญาณที่กระจัดกระจายมีรูปแบบไม่แน่นอน ดังนั้นการส่งสัญญาณเสียงจึงต้องส่งด้วยความเร็วต่ำ 2. ข้อมูล (Data) ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นด้วยคอมพิวเตอร์จึงมีรูปแบบที่แน่นอน การส่งสัญญาณข้อมูลจึงสามารถส่งด้วยความเร็วสูง

11.3 องค์ประกอบของระบบการสื่อสารข้อมูล 3. ข้อความ (Text) ส่วนใหญ่มักอยู่ในรูปแบบของอักขระหรือเอกสารมีรูปแบบไม่แน่นอนการส่งสัญญาณข้อความจงส่งด้วยความเร็วปานกลาง 4. รูปภาพ (Image) เป็นข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบกราฟิกต่าง ๆ เช่น ภาพนิ่ง ภาพวีดีโอ ใช้ปริมาณเนื้อที่มาก การส่งสัญญาณรูปภาพต้องส่งด้วยความเร็วสูง 5. โพรโตคอล (Protocol) หมายถึง กฎระเบียบหรือข้อตกลงที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูลเพื่อให้ผู้รับและผู้ส่งสามารถเข้าใจและพูดคุยกันได้

11.3 องค์ประกอบของระบบการสื่อสารข้อมูล ข่าวสาร ผู้ส่ง ผู้รับ สื่อกลาง โพรโตคอล

11.4 ประสิทธิภาพของการสื่อสารข้อมูล 11.4.1 ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพของการสื่อสารข้อมูล 1. ข่าวสาร ระบบการสื่อสารที่ดี ข้อมูลข่าวสารจะต้องสามารถเข้าใจได้ดีระหว่างผู้รับและผู้ส่ง เช่น คนไทยพูดคุยกันด้วยภาษาไทย สามารถเข้าใจได้ดีกว่าภาษาอื่น 2. คุณลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละองค์ประกอบของระบบสื่อสาร มีผลต่อประสิทธิภาพของการสื่อสารนั้น เช่น การสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง โดยใช้สายใยแก้วนำแสง มีประสิทธิภาพการสื่อสารข้อมูลดีกว่าการใช้สายคู่ตีเกลียว

11.4 ประสิทธิภาพของการสื่อสารข้อมูล 3. การรบกวนการสื่อสารข้อมูล ขณะที่ข่าวสารส่งไปในสื่อกลางจะเกิดสัญญาณรบกวนเรียกว่า Noise ซึ่งมีผลทำให้สัญญาณข่าวสารนั้นเกิดความผิดพลาด 11.4.2 กฎเกณฑ์ที่ใช้ในการวัดประสิทธิภาพของการสื่อสารข้อมูล 1. การถ่ายโอน หมายถึง การนำข่าวสารจากผู้ส่งไปยังผู้รับปลายทางได้อย่างถูกต้อง 2. ความเที่ยงตรง หมายถึง ข่าวสารที่ผู้รับปลายได้รับมาจะต้องเป็นข่าวสารชุดเดียวกับข่าวสารที่ส่ง คือ มีครบถ้วน สมบูรณ์ และสามารถนำไปใช้ได้ 3. เวลา หมายถึง ระยะเวลาที่ใช้ในการถ่านโอนข่าวสารจากผู้ส่งไปถึงผู้รับ

11.5 การพัฒนาของการสื่อสารข้อมูล ประวัติของสื่อสารข้อมูลเริ่มตั้งแต่มีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้งาน ซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ยุคแรกมีการประมวลผลแบบ Batch คือ มีการประมวลผลที่ศูนย์คอมพิวเตอร์ (Host) เพียงที่เดียว ข้อมูลจากหน่วยต่าง ๆ จะถูกส่งเข้ามาที่ศูนย์คอมพิวเตอร์เพื่อทำการประมวลผลโดยตรงโดยคน รถไฟ รถยนต์ เป็นต้น ปี ค.ศ. 1960 เริ่มมีการติดต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์โดยใช้ระบบโทรศัพท์ ซึ่งข้อมูลจากหน่วยงานต่าง ๆ จะถูกส่งมาที่ศูนย์คอมพิวเตอร์โดยใช้ระบบโทรศัพท์ แล้วทำการประมวลผลแบบ Batch ที่คอมพิวเตอร์ เมื่อได้ผลลัพธ์ออกมาก็ส่งกลับไปยังที่เดิมโดยระบบโทรศัพท์ เรียกการประมวลผลแบบนี้ว่า Online Batch

11.5 การพัฒนาของการสื่อสารข้อมูล ปี ค.ศ. 1970 เริ่มมีการใช้ระบบ Real time คือ มีการส่งข้อมูลแต่ละรายการไปยังศูนย์คอมพิวเตอร์เพื่อทำการประมวลผล เมื่อได้ผลลัพธ์ก็จะส่งกลับไปยังที่เดิมในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งระบบ Real Time ในช่วงนี้มีการใช้ฐานข้อมูลในลักษณะฐานข้อมูลรวม (Centralized Database) โดยที่ฐานข้อมูลรวมที่ศูนย์คอมพิวเตอร์เพียงที่เดียว เมื่อผู้ใช้ต้องการใช้ข้อมูลก็สามารถเรียกใช้ได้จากศูนย์คอมพิวเตอร์ ปี ค.ศ. 1975 เริ่มมีการใช้ระบบฐานข้อมูลแบบกระจาย (Distributed Database) โดยเก็บข้อมูลไว้ที่หน่วยงานแหล่งกำเนิดข้อมูลและมีการส่งข้อมูลที่จำเป็นระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ แต่ยังคงทำการประมวลผลที่ศูนย์คอมพิวเตอร์เท่านั้น

11.5 การพัฒนาของการสื่อสารข้อมูล ปี ค.ศ. 1980 เริ่มมีการใช้ระบบประมวลผลแบบกระจาย (Distributed Database) ซึ่งแหล่งกำเนิดข้อมูลแต่ละแห่งจะมีเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมกับหน่วยเก็บข้อมูล จึงทำให้สามารถประมวลผลและส่งข้อมูลที่จำเป็นไปยังหน่วยงานต่างๆ ได้ การทำงานลักษณะนี้เรียกว่า “เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network)”

11.6 ประโยชน์ของการสื่อสารข้อมูล 1. การสื่อสารข้อมูลเพื่อการบริหารและการจัดการ 2. การสื่อสารข้อมูลเพื่อการบริหาร 3. การสื่อสารข้อมูลในด้านธุรกิจการเงิน 4. การสื่อสารข้อมูลเพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสาร

11.7 สัญญาณ (Signal) สัญญาณ (Signal) หมายถึง ข้อมูลที่ถูกนำมาทำการเข้ารหัส (Encoding) ให้อยู่ในรูปแบบที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถส่งผ่านไปในสื่อกลางได้ ตัวอย่าง ข้อมูลที่เป็นรูปภาพ ซึ่งไม่สามารถนำรูปภาพนั้นส่งผ่านสื่อกลางให้ไปถึงผู้รับได้ แต่สามารถทำได้โดยการนำรูปภาพนั้นมาจัดเก็บในรูปของข้อมูลดิจิตอลโดยวิธีการสแกนหรือถ่ายภาพดิจิตอลแล้วนำข้อมูลนั้นมาทำการเข้ารหัส ให้อยู่ในรูปสัญญาณที่เหมาะสม แล้วทำการส่งผ่านสื่อกลางไป สัญญาณที่ใช้ในการส่งผ่านสื่อกลาง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท 1. สัญญาณอนาล็อก 2. สัญญาณดิจิตอล

11.7 สัญญาณ (Signal) 1. สัญญาณอนาล็อก (Analog Signal) เป็นสัญญาณที่มีลักษณะเป็นรูปคลื่นต่อเนื่อง (Continuous Signal) ซึ่งสัญญาณอนาล็อกที่ถูกส่งไปในระยะทางไกลสัญญาณจะอ่อนตัวลง จึงต้องใช้อุปกรณ์ Amplifier เพื่อเพิ่มกำลังสัญญาณ ให้สามารถส่งไปในระยะทางไกลได้

11.7 สัญญาณ (Signal) 2. สัญญาณดิจิตอล (Digital Signal) เป็นสัญญาณแบบไม่ต่อเนื่อง (Discrete/Discontinuous Signal) อยู่ในรูปแบบของแรงดันไฟฟ้าที่เป็นรูปดลื่นสี่เหลี่ยม (Square Wave) สามารถแทนค่าเลขฐานสอง “0” และ “1” ได้ การส่งสัญญาณดิจิตอลในระยะไกล สัญญาณจะอ่อนตัวลงต้องใช้อุปกรณ์ทวนสัญญาณเรียกว่า Repeater ทำหน้าที่ Regenerate สัญญาณให้คงรูปเดิม เพื่อให้สามารถส่งไปในระยะทางไกลได้

11.8 ช่องทางการสื่อสาร (Channel) ช่องทางการสื่อสาร หมายถึง เส้นทางเพื่อให้ข้อมูลข่าวสารเดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งโดยที่ช่องทางการสื่อสารจะทำการเคลื่อนย้ายพลังงานจากจุดหนึ่ง ซึ่งช่องทางการสื่อสารสามารถเปลี่ยนพลังงานรูปหนึ่งไปเป็นพลังงานอีกรูปแบบหนึ่ง ตัวอย่าง เช่นการสนทนาทางโทรศัพท์ เครื่องโทรศัพท์จะทำการเปลี่ยนพลังงานเสียงไปเป็นพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแล้วทำการส่งผ่านไปตามสายโทรศัพท์และเครื่องโทรศัพท์ปลายทางก็จะทำการเปลี่ยนพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากลับมาเป็นพลังงานเสียง

11.8 ช่องทางการสื่อสาร (Channel) ช่องทางการสื่อสารแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. ช่องทางอนาล็อก เป็นการรับส่งข้อมูลที่เป็นสัญญาณต่อเนื่อง เช่น สัญญาณวิทยุ สัญญาณโทรทัศน์ 2. ช่องทางดิจิตอล เป็นการรับส่งข้อมูลที่เป็นสัญญาณไม่ต่อเนื่อง เช่น สัญญาณข้อมูลของเครื่องคอมพิวเตอร์ ช่องทางบรอดแบนด์ (Broadband) หมายถึง ช่องทางอนาล็อกที่สามารถส่งผ่านสัญญาณอนาล็อกได้หลาย ๆ สัญญาณในเวลาเดียวกัน ช่องทางเบสแบนด์ (Baseband) หมายถึง ช่องทางดิจิตอลที่ใช้สำหรับส่งผ่านสัญญาณดิจิตอล

11.9 ทิศทางของการส่งข้อมูล การส่งข้อมูลระหว่างผู้ส่งและผู้รับโดยผ่านสื่อกลาง แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ 1. การส่งข้อมูลแบบทางเดียวหรือซิมเพล็กซ์ (Simplex) มีลักษณะดังนี้ - มีช่องสัญญาณเพียงช่องเดียว - ด้านหนึ่งเป็นผู้ส่งและอีกด้านเป็นผู้รับ - สามารถส่งข้อมูลได้ในทิศทางเดียวเท่านั้น - ตัวอย่างการส่งข้อมูลแบบนี้ เช่น การกระจายเสียงของสถานีวิทยุต่าง ๆ การแพร่ภาพสัญญาณโทรทัศน์ การจราจรระบบทางเดียว

11.9 ทิศทางของการส่งข้อมูล 2. การส่งข้อมูลแบบทางใดทางหนึ่งหรือฮาร์ฟดูเพล็กซ์ (Haft Duplex) การส่งข้อมูลแบบทางใดทางหนึ่ง มีลักษณะดังนี้ - มีช่องสัญญาณเพียงช่องเดียว - สามารถส่งข้อมูลสวนทางกัน แต่ต้องสลับเวลากันส่งจะทำการส่งในเวลาเดียวกันไม่ได้ - ผู้รับจะต้องใช้เวลาในการตีความเพื่อให้ทราบว่าข้อมูลส่งหมดแล้ว เวลาที่ใช้นี้เรียกว่า Reaction Time - ผู้รับจะต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนสถานะจากผู้รับเป็นผู้ส่ง เวลาที่ใช้นี้เรียกว่า Line Turnaround Time

11.9 ทิศทางของการส่งข้อมูล 2. การส่งข้อมูลแบบทางใดทางหนึ่งหรือฮาร์ฟดูเพล็กซ์ (Haft Duplex) - ช่วงเวลาทั้งหมดที่ผู้รับใช้เพื่อตีความว่าข้อมูลส่งหมดแล้ว และทำการเปลี่ยนสถานะจากผู้รับเป็นผู้ส่ง เรียกว่า System Turnaround Time ซึ่งมี่ค่าเท่ากับ Reaction Time + Line Turnaround Time - ตัวอย่างการส่งข้อมูลแบบนี้ เช่น วิทยุสื่อสาร

11.9 ทิศทางของการส่งข้อมูล 3. การส่งข้อมูลแบบสองทางหรือฟูลดูเพล็กซ์ (Full Duplex) การส่งข้อมูลแบบทางสองทาง มีลักษณะดังนี้ - มีช่องสัญญาณ2 ช่อง ดังนั้น จึงสามารถส่งข้อมูลได้พร้อม ๆ กันทั้งสองทาง - ผู้รับจะต้องใช้เวลาในการตีความเพื่อให้ทราบว่าข้อมูลจากผู้ส่งหมดแล้ว เวลาที่ใช้นี้เรียกว่า Reaction Time - ผู้รับจะต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนสถานะจากผู้รับเป็นผู้ส่ง เวลาที่ใช้นี้เรียกว่า Line Turnaround Time - ช่วงเวลาทั้งหมดที่ผู้รับใช้เพื่อตีความว่าข้อมูลส่งหมดแล้ว และทำการส่งข้อมูลกลับไป เรียกว่า System Turnaround Time ซึ่งมี่ค่าเท่ากับ Reaction Time

11.9 ทิศทางของการส่งข้อมูล 3. การส่งข้อมูลแบบสองทางหรือฟูลดูเพล็กซ์ (Full Duplex) - ดังนั้น System Turnaround Time ของการส่งข้อมูลแบบ Full Duplex จึงมีค่าน้อยกว่า System Turnaround Time ของการส่งข้อมูลแบบทางใดทางหนึ่ง - ตัวอย่างการส่งข้อมูลแบบนี้ เช่น ระบบโทรศัพท์

11.10 มาตรฐานในการสื่อสารข้อมูล ในระบบการสื่อสารข้อมูล อุปกรณ์ของผู้ส่งและอุปกรณ์ของผู้รับ จะต้องใช้วิธีการส่งข้อมูล (Transmission) การเชื่อมต่อ (Interface) การเข้ารหัส (Encoding) และวิธีการตรวจสอบข้อผิดพลาดของข้อมูล (Error Detection) ในรูปแบบเดียวกัน ดังนั้นเพื่อความเป็นระเบียบและความสะดวกที่ผู้ใช้อุปกรณ์การสื่อสาร สามารถนำมาใช้ได้โดยไม่ต้องกลัวว่าอุปกรณ์เหล่านั้นจะสื่อสารกันได้หรือไม่ ดังนั้น จึงได้มีมาตรฐานสากลสำหรับการสื่อสารข้อมูล ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

11.10 มาตรฐานในการสื่อสารข้อมูล 1. มาตรฐานโดยนิตินัยหรือมาตรฐานแบบเดอ ยึอเร (De Jure Standard) แบบเดอ ยึอเร เป็นมาตรฐานที่กำหนดขึ้นโดยองค์กรที่ไม่แสวงหาผลตอบแทน ซึ่งมาตรฐานต่าง ๆ ถูกกำหนดขึ้นโดยคณะกรรมการที่ผ่านการประชุมเห็นชอบ มีการวางแผนการไว้ล่วงหน้าเป็นการกำหนดเพื่อคนส่วนใหญ่ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ระบบเปิด 2. มาตรฐานโดยพฤตินัยหรือมาตรฐานแบบเดอ ฟัคโต (De Facto Standard) แบบเดอ ฟัคโต เป็นมาตรฐานที่ไม่มีคณะกรรมการ แต่เกิดจากผู้มีความนิยมในผลิตภัณฑ์ชนิดนั้น ๆ เช่น คอมพิวเตอร์ของไอบีเอ็มพีซี ได้เป็นมาตรฐานของเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์หรือระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่เกิดจากโครงการ ARPRANET ของกระทรวงกลาโหม สหรัฐอเมริกา เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ระบบปิด

11.11 องค์กรมาตรฐาน องค์กรที่ทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูล มีดังนี้ คือ 1. สถาบันแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (American National Standard Institute: ANCI) เป็นองค์กรอิสระไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา แต่ได้รับเงินอุดหนุนจากสหรัฐอเมริกา มีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองให้ตัวแทนจากองค์กรต่าง ๆ ได้มีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรฐานต่าง ๆ ปัจจุบันที่กำลังได้รับความสนใจ คือ ด้านการสื่อสารข้อมูล เช่น การเชื่อมต่อระหว่างระบบเครือข่ายไอเอสดีเอ็น (ISDN) และสถาปัตยกรรมเครือข่ายใยแก้วนำแสง (SONET) ซึ่งหน้าที่หลัก ๆ ของสถาบันนี้คือ

11.11 องค์กรมาตรฐาน 1. กำหนดมาตรฐานหรือกำหนดลักษณะของระบบการผลิตสัญญาณและรับสัญญาณในระบบหารสื่อสารทั่วไป 2. กำหนดคุณภาพและคุณลักษณะของข้อมูลที่ส่งออกไป 3. ให้บริการเกี่ยวกับมาตรฐานสากลและมาตรฐานภายในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งคณะกรรมการของสถาบันนี้ทำการค้นคว้าด้านการสื่อสารข้อมูลและคณะกรรมการด้านคอมพิวเตอร์และการประมวลผลข้อมูล มาตรฐานของสถาบันแห่งชาติที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย คือ รหัสแทนข้อมูลแบบแอสกี (ASCII)

11.11 องค์กรมาตรฐาน องค์กรที่ทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูล มีดังนี้ คือ 1. สถาบันแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (American National Standard Institute: ANCI) เป็นองค์กรอิสระไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา แต่ได้รับเงินอุดหนุนจากสหรัฐอเมริกา มีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองให้ตัวแทนจากองค์กรต่าง ๆ ได้มีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรฐานต่าง ๆ ปัจจุบันที่กำลังได้รับความสนใจ คือ ด้านการสื่อสารข้อมูล เช่น การเชื่อมต่อระหว่างระบบเครือข่ายไอเอสดีเอ็น (ISDN) และสถาปัตยกรรมเครือข่ายใยแก้วนำแสง (SONET) ซึ่งหน้าที่หลัก ๆ ของสถาบันนี้คือ

11.11 องค์กรมาตรฐาน - กำหนดมาตรฐานหรือกำหนดลักษณะของระบบการผลิตสัญญาณและรับสัญญาณในระบบสื่อสารทั่วไป - กำหนดคุณภาพและลักษณะของข้อมูลที่ส่งออกไป - ให้บริการเกี่ยวกับมาตรฐานสากลและมาตรฐานภายในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งคณะกรรมการของสถาบันนี้ทำการค้นคว้าด้านการสื่อสารข้อมูล คือคณะกรรมการด้านคอมพิวเตอร์และการประมวลผลข้อมูล มาตรฐานของสถาบันแห่งชาติที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย คือ รหัสแทนข้อมูลแบบ แอสกี (ASCII)

11.11 องค์กรมาตรฐาน 2. องค์กรระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐาน (International Standard Organization: ISO) องค์กรระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐาน ได้กำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1947 ที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีสามาชิกจากประเทศต่าง ๆ ทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานในด้านต่าง ๆ เพื่อให้สินค้าและบริการมีมาตรฐานเดียวกันที่ใช้ได้ทั่วโลก เพื่อทำให้ผลผลิตและประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น วิธีการกำหนดมาตรฐาน จะทำในลักษณะที่เป็นแบบจำลอง (Model) เช่น ISO 9002 หมายถึง มาตรฐานการทำงานบริการ ISO 14000 หมายถึง มาตรฐานด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม

11.11 องค์กรมาตรฐาน การกำหนดมาตรฐาน ด้านการสื่อสารข้อมูลและมาตรฐานทางกายภาพของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการสื่อสารโทรคมนาคม โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มีคณะกรรมการ 2 ชุด คือ 1. ISO/TC97/SC6 ทำหน้าที่เกี่ยวกับการพัฒนามาตรฐานด้านการสื่อสารข้อมูล 2. ISO/TC97/SC16 ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย โดยกำหนดมาตรฐานระบบเปิด (Open System Interconnection: OSI) หรือเรียกว่า OSI Model

11.11 องค์กรมาตรฐาน 3. สหภาพความร่วมมือระหว่างประเทศว่าด้วยโทรคมนาคม (International Telecommunication Union: ITU) องค์กรที่กำหนดมาตรฐานด้านการสื่อสารโทรคมนาคม โดยมีหน้าที่ในการให้คำปรึกษาทางเทคนิคเกี่ยวกับเทคโนโลยีโทรศัพท์ โทรเลข และอุปกรณ์สื่อสารข้อมูล ซึ่งเดิมองค์กรนี้ เรียกว่า CCITT โดยก่อตั้งประมาณปี ค.ศ. 1970 และหลังจากวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 1993 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ITU

11.11 องค์กรมาตรฐาน 4. สถาบันวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Institute of Electrical and Electronics Engineer: IEEE) เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม มีหน้าที่ในการกำหนดมาตรฐานการสื่อสาร โดยมีจุดมุ่งหมายในการกำหนดทฤษฎีและสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำมาใช้กับงานซอฟต์แวร์ในระดับชั้นกายภาพ (Physical Layer) และระดับชั้นเชื่อมต่อ(Data Link Layer) มาตรฐานที่รู้จักกันแพร่หลาย เช่น มาตรฐานเกี่ยวกับเครือข่ายท้องถิ่น

11.11 องค์กรมาตรฐาน 5. สมาคมอุตสาหกรรมไฟฟ้า (Electronics Institute Association: EIA) เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรทางธุรกิจคล้ายกับองค์กร ANSI โดยมีหน้าที่ในการกำหนดมาตรฐานสำหรับวงจรไฟฟ้า เช่น - กำหนดรูปแบบการเชื่อมต่อหรืออินเตอร์เฟซ - กำหนดรายละเอียดของสัญญาณที่ใช้ในการสื่อสาร ขนาดแรงดันไฟฟ้า ตัวอย่างมาตรฐานที่ทางสมาคมอุตสาหกรรมไฟฟ้าที่กำหนดขึ้น เช่น EIA232 หรือ RS232 ที่เป็นการสื่อสารแบบอนุกรมระหว่างอุปกรณ์ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์กับโมเด็ม