พระเยซูในกรุงเยรูซาเล็ม บทที่ 12 วันที่ 20 มิถุนายน 2015
วันอาทิตย์ วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัสบดี วันศุกร์ ตรึงกางเขน เข้ากรุงอย่างมีชัยชนะ ชำระพระวิหาร คำอุปมาเรื่องคนงานในสวนองุ่น ประเด็นเรื่องการเสียส่วยให้โรมัน อาหารมื้อสุดท้าย ตรึงกางเขน GALILEE TRACHONITIS SAMARIA JUDEA DECAPOLIS PEREA พระเยซูทรงประสูติในเมืองเบทเลเฮม และเติบโตที่นาซา เร็ท พระองค์ทรงสั่งสอน รักษาผู้คนผ่านมาจากกาลิลี, สะมาเรีย, ยูดาห์, แต่เมืองหนึ่งที่พระองค์ทรงเน้นเป็นอย่าง มากก็คือ เยรูซาเล็ม พระเยซู “ตั้งพระทัยที่จะไปยังกรุงเยรูซาเล็ม” (ลูกา9:51) การเดินทางเข้าไปในกรุงเยรูซาเล็มของพระองค์ในสัปดาห์นี้ เป็นความสำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับประวัติศาสตร์ของโลก ใบนี้ โดยเริ่มต้นจากการที่พระองค์เดินทางเข้าไปยังกรุง เยรูซาเล็มอย่างผู้มีชัยชนะและพระองค์ก็ทรงมองเห็นความ ตายบนกางเขนของพระองค์อยู่ตรงหน้า JERUSALEM
เข้ากรุงอย่างมีชัยชนะ (ลูกา 19:28-40) “ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงร่าเริงอย่างยิ่งเถิด โอ บุตรีแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย จงโห่ร้อง นี่แน่ะ กษัตริย์ของเธอเสด็จมาหาเธอ ทรงความยุติธรรมและความรอด พระองค์ทรงอ่อนสุภาพและทรงลา ทรงลูกลา” (เศคาริยาห์ 9:9) พระเยซูทรงเสด็จเข้าไปยังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อให้พันธกิจแห่งความรอดของพระองค์สำเร็จ สมบูรณ์ ให้เรามาศึกษากันว่าการเสด็จเข้าสู่กรุงนั้นสำคัญอย่างไร: “องค์พระผู้เป็นเจ้าประสงค์จะใช้มัน” (ข้อ 34) ทำไมพระเยซูจึงต้องใช้ลูกลา? อะไรทำให้พระองค์ปรารถนาที่จะเข้ามาสูในชีวิตของเรา? “ ขณะที่พระองค์เสด็จไปประชาชนเอาเสื้อผ้าของตนปูตามหนทาง” (ข้อ 36) พฤติกรรมที่ประชาชนแสดงออกนั้นหมายถึงอะไร? เราจะต้องวางสิ่งใดลงแทบพระบาทของพระเยซูเพื่อให้พระองค์เข้ามาสู่จิตใจของเรา? “ศิลาทั้งหลายก็ยังส่งเสียงร้อง” (ข้อ 40) ทำไมผู้คนที่ร้องสรรเสริญพระคริสต์ในวันอาทิตย์จึงพากันเงียบเสียงลง เมื่อถึงวันศุกร์ที่พระเยซูทรงถูกพิพากษาให้ตรึงกางเขน? ท่านจะยอมรับพระเยซูในขณะเดียวกันเฉพาะเวลาคนอื่นๆ ยอมรับพระองค์ใช่หรือไม่?
ชำระพระวิหาร “พระองค์เสด็จเข้าไปในบริเวณพระวิหาร แล้วทรงเริ่มขับไล่คนทั้งหลายที่ค้าขายอยู่นั้น และตรัสกับพวกเขาว่า “มีพระวจนะเขียนไว้ว่า ‘นิเวศของเราควรจะเป็นนิเวศอธิษฐาน แต่พวกท่านทำให้เป็นถ้ำของพวกโจร’” (ลูกา 19:45-46) สิ่งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นในวันสะบาโต, และพวกเขาได้ทำ การค้าขายสิ่งต่างๆ ที่ใช้ในการถวายบูชาแด่พระเจ้า (นกเขา, แลกเปลี่ยนเงินตรา…) แล้วฉะนั้นทำไมการ ทำการค้าขายสิ่งที่ต้องถวายบูชาในลานชั้นในของ วิหารจึงกลายเป็นเรื่องที่ผิด? ร่างกายของท่านเป็นวิหารของพระเจ้า (1 โครินธ์ 3:16) อะไรทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็น “บ้าน แห่งการอธิษฐาน” และไม่ใช่กลายเป็น “ถ้ำของพวก โจร?” ขอให้พระเยซูได้ทรงชำระล้างวิหารแห่งหัวใจของเรา ด้วย
คนงานในสวนองุ่น (ลูกา 20:9-19) “เมื่อพวกธรรมาจารย์และพวกหัวหน้าปุโรหิตรู้ว่าพระองค์ตรัสอุปมานั้นกระทบพวกเขาเอง ก็อยากจะจับพระองค์ทันที แต่พวกเขากลัวประชาชน” (ลูกา 20:19) ท่านจะสามารถแบกรับกับผลที่พระเจ้าทรงคาดหวังจากท่านได้ อย่างไร? ท่านจะทำอย่างไรถึงจะรักษาผลที่พระเจ้าประทานให้กับ ท่านไว้ได้? (ข้อ 9-10) ท่านยังคงเชื่อฟังคำตักเตือนของผู้เผยพระวจนะทั้งในยุคก่อนและยุค ใหม่อยู่หรือไม่? (ข้อ 11-12) “ทุกคนที่ล้มทับศิลานั้น จะต้องแตกหักไป และถ้ามันตกทับใคร คนนั้นจะแหลกละเอียดไป” (ลูกา 20:18) ท่านจะล้มลงบนศิลาและแตกหักไปหรือท่านจะถูกทำลายเมื่อศิลาตก ทับลงบนท่าน? (ข้อ 13-18)
ประเด็นเรื่องการเสียส่วย (ลูกา 20:20-26) “แล้วพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ของของซีซาร์จงถวายแก่ซีซาร์ และของของพระเจ้าจงถวายแด่พระเจ้า”” (ลูกา 20:25) อะไรคืออุบายสำหรับคำถามที่ถามว่า “การส่งส่วยให้แก่ซีซาร์นั้นควรหรือไม่?” (ข้อ 22) เราจะสามารถผสมผสานความจงรักภักดี ต่อพระเจ้ากับความเป็นผู้ภักดีต่อ ประเทศชาติของเราเองได้อย่างไร?
อาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซู (ลูกา 22:13-20) “พระองค์ทรงหยิบขนมปัง เมื่อขอบพระคุณแล้วก็ทรงหักส่งให้พวกเขา ตรัสว่า “นี่เป็นกายของเรา ซึ่งให้ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย จงทำอย่างนี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเรา ”เมื่อรับประทานแล้ว จึงทรงหยิบถ้วยและทรงทำเหมือนกันตรัสว่า “ถ้วยนี้ที่เทออกเพื่อท่านทั้งหลาย เป็นพันธสัญญาใหม่ โดยโลหิตของเรา” (ลูกา 22:19-20) พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์บนกางเขนเพื่อฃ่วยเรา (มัทธิว 26:28) เรามีการสามัคคีธรรมร่วมกันเพื่อรอคอยการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระคริสต์ เมื่อเราทั้งหลายได้นั่งร่วมกันที่โต๊ะเสวยของพระองค์ (1 โครินธ์ 11:26) ขอให้เราจดจำว่ามีบทเรียน 2 เรื่องเมื่อเรากล่าวถึง อาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซู:
“สิ่งสุดท้ายที่พระองค์ทรงกระทำกับเหล่าสาวกด้วยขนมปังและน้ำองุ่น, พระองค์ทรงประทานพระองค์เองเป็นพระผู้ไถ่บาปให้กับมนุษย์โลกด้วย พันธสัญญาใหม่, ซึ่งสิ่งนี้จะถูกเขียนบันทึกและประทับตราไว้บนเหล่าผู้ เชื่อผู้ซึ่งยอมรับพระคริสต์ด้วยความเชื่อซึ่งทั้งหลายนั้นจะได้รับพระพรจาก สวรรค์ที่พระเจ้าจะสามารถประทานให้ได้, ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้นในชีวิตแห่ง จริยธรรมทั้งในชีวิตปัจจุบันและในอนาคต พระสัญญานี้ได้ถูกประทับตราโดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์… พระ สัญญาที่เกิดขึ้นนี้เป็นสิ่งพิเศษสุดสำหรับผู้คนจำนวนมาก ซึ่งเราจะต้อง พยายามที่จะกระทำให้คนเหล่านั้นได้รู้จักพระองค์และพูดว่า: ‘ข้าพเจ้า ยอมรับพระคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด เพราะพระองค์ทรงประทานชีวิต ของพระองค์ให้กับข้าพระองค์ และช่วยให้ข้าพระองค์พ้นจากความตาย’” E.G.W. (Evangelism, cp. 8, pg. 276)