หัวข้อการเรียน สัปดาห์ที่ ๔ ENL 3701 รศ. ดร. อุทัย ภิรมย์รื่น
ตัวแบบการอ่าน (Model of Reading) ๑. ตัวแบบการอ่านของ Gray & Robinson ทักษะสำคัญ ๕ ประการ ๑. การรับรู้คำ (Word perception) ๒. ความเข้าใจในการอ่าน (Comprehension) ๓. การแสดงปฏิกิริยาต่อเรื่องที่อ่าน (Reaction) ๔. การซึมซับในการอ่าน (Assimilation) ๕. ความเร็วในการอ่าน (Rate of reading)
๑. การรับรู้คำ (Word recognition) ลักษณะและส่วนประกอบ ๑. การชี้และสัมพันธ์ความหมายของคำ ๒. คำที่พบเห็นในที่ต่างๆ (Sight words) ๓. บริบทที่ชี้แนะ ๔. การวิเคราะห์ทางเสียง ๕. การวิเคราะห์ทางโครงสร้าง ๖. การใช้พจนานุกรม
๒. ความเข้าใจในการอ่าน ประกอบด้วย ๑. ความเข้าใจตามตัวอักษร (Literal comprehension) ๒. ความเข้าใจโดยนัย (Implied comprehension) ๒.๑ การอ่านในระหว่างบรรทัด (Read between the line) ๒.๒ การอ่านเลยบรรทัดออกไป (Read beyond the line)
๓. การแสดงปฏิกิริยาต่อสิ่งที่อ่าน ๑. การอ่านแบบวิพากษ์ (Critical reading) ๒. การประเมินเนื้อหาที่อ่าน เป็นที่ยอมรับ หรือปฏิเสธ ๔. การซึมซับในการอ่าน เป็นการหลอมความคิดจากเนื้อเรื่อง เข้ากับความรู้เดิม เกิดเป็น ความคิดใหม่ ๕. อัตราเร็วในการอ่าน ขึ้นอยู่กับเนื้อเรื่องที่อ่านและความมุ่งหมายในการอ่าน
๒. ตัวแบบการอ่านทางจิตภาษาศาสตร์ ผู้สร้างตัวแบบคือ Professor K. Goodman มีส่วนประกอบดังนี้ ๑. ใช้ตัวชี้แนะในการอ่าน ๔ อย่าง ๑.๑ ตัวชี้แนะภายในคำ ๑.๒ ตัวชี้แนะในภาษาหรือเนื้อเรื่อง ๑.๓ ตัวชี้แนะจากผู้อ่านเอง ๑.๔ ตัวชื้แนะจากภายนอก ๒. ทฤษฎีการอ่าน ๒.๑. การอ่านมิใช่กระบวนการตายตัว หรือแน่นอน ๒.๒. การอ่านเป็นกระบวนการที่มีความหมายเป็นศูนย์กลาง ๒.๓ บริบทเป็นส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับการอ่าน ๒.๔ ความชำนาญทางภาษาจะเพิ่มทักษะการอ่าน
๓. ตัวอ่านแบบการถ่ายทอดข่าวสาร มีขั้นตอนดังนี้ ๑. การรับภาพ (Visual impact) ๒. การรับรู้ภาพที่มองเห็น (Recognition of the input) ๓. ภาพลักษณ์ไอโคนิค (Iconic image) ๔. ความจำชั่วคราว ๕. ความจำถาวร
๔. การอ่านออกสียงและการอ่านในใจ ๔.๑ การอ่านออกเสียง (Oral reading) ผู้อ่านใช้กลไกประกอบหลายอย่าง คือการใช้สายตา การใช้กล้ามเนื้อในปากและในคอในการออกเสียง การควบคุมจังหวะ การถ่ายทอดอารมณ์ และความรู้สึกของผู้เขียน ประโยชน์ ๑. ทางการศึกษา เช่นการอ่านบทประพันธ์ บทละคร เพื่อความซาบซึ้งในบทประพันธ์ เกิดภาพพจน์ ๒. ทางสังคม ใช้ในการสื่อสารสำหรับมวลชน การปรับปรุงการอ่านออกเสียง ๑)ผู้อ่านต้องเรียนรู้การออกเสียงและมีทักษะอย่างถูกต้อง ๒) มีการควบคุมเสียง ระดับเสียง สื่อสารได้ถูกต้อง มีความไพเราะ เสียงดัง ฟังชัด
๕. การอ่านในใจ พฤติกรรมการอ่าน การใช้สายตา มีการรับรู้และเข้าใจ ไม่มีการเปล่งเสียงออกมา ไม่ว่าจะออกเสียงในใจ หรือการเคลื่อนไหวอวัยวะในการออกเสียง จุดประสงค์ เป็นการทำความเข้าใจความหมายจากภาษาเขียน มีการรับรู้และแปลความหมายสำหรับผู้อ่านเอง การอ่านในใจจะมีอัตราความเร็วมากกว่าการอ่านออกเสียง ขึ้นอยู่กับการฝึกและความเข้าใจเนื้อเรื่องที่อ่าน
๖. ปัญหาการอ่านในระยะเริ่มเรียน ๖.๑ การใช้ความคิดเพื่อให้เกิดความเข้าใจเป็นหน่วย (Conceptualization) ๖.๒ การเรียนรู้ภาษา (Language acquisition) ด้านรูปคำ เสียง ไวยากรณ์ และความหมาย จากภาษาเขียน ๖.๓ การใช้กลไกทางร่างกายด้านประสาทสัมผัสและการรับรู้ต่างๆ เช่น การใช้สายตา การฟัง การประสานงานระหว่างตาและมือ การควบคุมอารมณ์ และความสนใจ
๗. ประเด็นปัญหาเพื่อการอภิปรายและตอบคำถาม ๑. การส่งเสริมการอ่านในระยะเริ่มเรียน จะใช้ตัวแบบการอ่านใดจึงจะเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ๒. การอ่านออกเสียงกับการอ่านในใจมีจุดร่วมและจุดต่างอย่างไรบ้าง ๓. การอ่านในระยะเริ่มเรียนผู้อ่านจะประสบปัญหาในด้านใดบ้าง