ทฤษฎีนีโอคลาสสิค
ผู้เสนอทฤษฎีนี้คือ กอตฟรีต์ ฮาร์เบอเลอ ( GOTTFRIED HARBERIER ) ใช้แนวคิดทฤษฎีต้นทุนค่าเสียโอกาส (OPPORTUNITY COST THEORY ) PRODUCTiON POSSIBILITY CURVE เส้นเป็นไปได้ในการ ผลิตและเส้นความพอใจเท่ากัน ( INDIFERENT CURVE )
OPPORTUNITY COST หมายถึง ต้นทุนการผลิตสินค้าชนิดหนึ่ง ที่สละเพื่อนำมาผลิตสินค้าอีกชนิดหนึ่ง ในการค้าระหว่างประเทศ ประเทศจะผลิตสินค้าและส่งออก สินค้าที่ตนเสียต้นทุนค่าเสียโอกาสในการผลิตน้อยที่สุดและ นำเข้าสินค้าที่ตนเสียต้นทุนค่าเสียโอกาสมากที่สุด
ลักษณะเส้นเป็นไปได้ในการผลิต 1. ต้นทุนค่าเสียโอกาสคงที่ ( CONSTANT OPPORTUNITY COST ) 2. ต้นทุนค่าเสียโอกาสเพิ่มขึ้น ( INCREASING OPPORTUNITY COST ) 3. ต้นทุนค่าเสียโอกาสลดลง ( DECREASING OPPORTUNITY COST )
ผลได้จากการค้าระหว่างประเทศ แบ่งเป็น 1. ผลได้จากการแลกเปลี่ยน ( gains from exchange ) 2. ผลได้จากความชำนาญเฉพาะอย่าง ( gains from specialization )
เส้นเสนอซื้อขาย ( offer curve ) หรือเส้นอุปสงค์ตอบสนอง ( reciprocal demand curve ) คือ เส้นที่แสดงถึงปริมาณสินค้าที่ประเทศหนึ่งต้องการเสนอซื้อ และปริมาณสินค้าที่ต้องการเสนอขายในอัตราส่วนราคาต่าง ๆ กัน