ระบาดวิทยา (Epidemiology) การจัดการความรู้ (Knowledge Management) ระบาดวิทยา (Epidemiology) นางน้ำผึ้ง รัตนพิบูลย์ วันที่ 19 พฤษภาคม 2554 กลุ่มพัฒนาความร่วมมือทันตสาธารณสุขระหว่างประเทศ
What is Epidemiology? The study of distribution and determinants of disease frequency in human population. (McMahon B., Pugh TF,1970) The study of the occurrence of disease in a human population . (CDC Center of Disease Control and prevention, 1978)
What is Epidemiology? The study of distribution and determinants of health-related states or events in specified population, and application of this study to control of health problems. (Last, 1988)
What is Epidemiology? Epidemiology is about the interplay And the interactions between human hosts, disease agents and their environments. It serves as a rationally logical foundation for public health and preventive medicine. South-East Asia Regional Conference on Epidemiology, 2010
รากศัพท์ของ “Epidemiology” มาจาก ภาษากรีก Epi = On, Upon ระบาดวิทยา คือ อะไร การศึกษาเกี่ยวกับการกระจายของโรคและปัจจัย ที่มีอิทธิพลต่อการกระจายของโรคในมนุษย์ รากศัพท์ของ “Epidemiology” มาจาก ภาษากรีก Epi = On, Upon Demos = People Logos = Knowledge http://www.health.nu.ac.th/epidemiology
ระบาดวิทยา คือ... ควบคุมโรค ประชากร การเกิดโรค การศึกษา สาเหตุ (หรือปัจจัยเสี่ยง) คืออะไร การกระจายของโรค: บุคคล เวลา สถานที่
วิวัฒนาการเกี่ยวกับความเข้าใจเกี่ยวกับโรค ต้นคริสศตวรรษที่ 19 Florence Nightingale และคณะ ได้ให้นิยามดังนี้ โรคเป็นภาวะของความไม่สมดุลย์ของร่างกาย เช่น การมีไข้ อาเจียร เหงื่อออก ท้องร่วง ฯลฯ การป้องกันโรคทำได้โดย การหลีกเลี่ยงสิ่งทีทำให้เกิดความไม่สมดุลย์ เช่น การอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทดี มีน้ำสะอาด มีสุขาภิบาลดี และรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ การรักษาทำได้โดยการทำให้เหงื่อออก การทำให้อาเจียร การเอาเลือดที่เสียคั่งออกมา ต่อมากลางคริสศตวรรษที่ 19 Pierre Charles-Alexander Louis พบว่าการการเอาเลือดที่เสียคั่งออกมาไม่มีผลต่อการรักษา John Snow และคณะค้นพบว่าการระบาดของโรคอหิวาตกโรคเกิดจากดื่มน้ำที่ปนเปื้อนสิ่งปฏิกูล http://www.health.nu.ac.th/epidemiology
วิวัฒนาการเกี่ยวกับความเข้าใจเกี่ยวกับโรค (ต่อ) ปลายคริสศตวรรษที่ 19 Robert Koch และคณะ ค้นพบเชื้อ Tubercle bacillus และ เชื้ออื่นๆ ที่เป็นสาเหตุของโรค นอกจากนี้ยังพบเชื้อที่เป็นสาเหตุเฉพาะของโรคแต่ละโรค พบว่าการรักษาและป้องกันโรคทำได้โดยกำจัดสาเหตุของโรค สิ่งที่ยังไม่พบในยุคนี้คือ เพราะเหตุใดผู้ที่สัมผัสเชื้อบางคนจึงไม่เป็นโรค ยุคปัจจุบัน ค้นพบสาเหตุของโรค และเข้าใจธรรมชาติของโรคมากขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่าการเกิดโรคบางโรคยังมีสาเหตุร่วมหลายประการ เช่น จากเชื้อโรคเอง จากพฤติกรรมของผู้ป่วย และจากสภาพสิ่งแวดล้อม http://www.health.nu.ac.th/epidemiology
ประโยชน์ของระบาดวิทยา บอกธรรมชาติของการเกิดโรค (National history of disease) หาสาเหตุของโรค (Causation) วัดสถานะสุขภาพและการเปลี่ยนแปลง (Description of health status and changing in time) ประเมินมาตรการ (Evaluation of health intervention) http://www.bmadcd.go.th/power%20point/BMA%20Principle%20of%20Epidemiology%20080624.ppt
องค์ประกอบในการเกิดโรค (Epidemiologic Triangles) Environment Agent Host ในภาวะที่มีความสมดุลระหว่างปัจจัยทั้งสามจะไม่มีโรคเกิดขึ้นในชุมชน (Stage of equilibrium) http://www.health.nu.ac.th/epidemiology
Host, Agent and Environment Genetic factors Personality Age Gender Race Immunities Behavior Lifestyle Infectious: bacteria viruses parasite Chemical: poisons allergens Physical: radiation Social: Social Economic Status Country of residence pollution (air, water) heat, cold light disaster http://www.health.nu.ac.th/epidemiology
ในภาวะที่ไม่มีความสมดุลระหว่างปัจจัยทั้งสาม จะมีโรคเกิดขึ้นในชุมชน (Stage of unequilibrium) Environment Agent Host ภาวะที่ไม่สมดุลนี้ อาจเกิดขึ้นเนื่องจาก สิ่งที่ทำให้เกิดโรคมีความสามารถในการแพร่กระจายโรคและทำให้เกิดโรคมากขึ้น สัดส่วนของคนที่มีความไวในการติดโรคเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะทารกและคนชรา การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่สนับสนุนให้มีการแพร่กระจายของโรค เช่น ในฤดูฝนทำให้ยุงลายเพิ่มจำนวน ไข้เลือดออกสูงขึ้น http://www.health.nu.ac.th/epidemiology
หลักการป้องกันและควบคุมโรค Environment Agent Host .การวินิจฉัยแต่แรกเริ่ม และรักษาทันที . การค้นหาและรักษาพาหะนำโรค . การควบคุมแหล่งแพร่เชื้อ .การส่งเสริมสุขภาพ โภชนาการ สุขศึกษา .การคุ้มกันเฉพาะ เช่น วัคซีน การควบคุมสิ่งแวดล้อม เช่น ขยะ น้ำเสีย สิ่งปฏิกูล สัตว์และแมลงที่เป็นพาหะนำโรค http://www.health.nu.ac.th/epidemiology
The Natural History of Disease ธรรมชาติการเกิดโรค The Natural History of Disease แบ่งออกได้เป็น 4 ระยะ คือ 1.ระยะมีความไวต่อการเกิดโรค (Stage of susceptibility) 2.ระยะก่อนมีอาการของโรค (Stage of preclinical disease) 3.ระยะมีอาการของโรค (Stage of clinical disease) 4.ระยะมีความพิการของโรค (Stage of disability) http://www.health.nu.ac.th/epidemiology
ทำไมต้องรู้ธรรมชาติการเกิดโรค ? เพื่อประโยชน์ในการป้องกันโรค เพื่อประโยชน์ในการวินิจฉัยโรค และหาสาเหตุที่แท้จริง ของโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าโรคนั้นเป็นโรคที่มีระยะ ฟักตัวนาน (long latency) http://www.health.nu.ac.th/epidemiology
ธรรมชาติการเกิดโรค กำจัดปัจจัยเสี่ยงเพื่อลดผู้ป่วยรายใหม่ การป้องกันขั้น 1 (1o prevention) 1.ระยะมีความไวต่อการเกิดโรค (Stage of susceptibility) คนปกติมี risk แต่ไม่ป่วย คัดกรองรีบรักษาทันที เพื่อลดความรุนแรงและลดการดำเนินโรค 2.ระยะก่อนมีอาการของโรค (Stage of preclinical disease) การป้องกันขั้น 2 (2o prevention) มีพยาธิสภาพแต่ยังไม่มีอาการ 3.ระยะมีอาการของโรค (Stage of clinical disease) รักษาที่ถูกต้องและส่งต่อตามความเหมาะสม เพื่อลดภาวะแทรกซ้อน ลดความพิการ และทำให้ชีวิตที่เหลืออยู่มีคุณภาพ มีอาการของโรคเกิดขึ้น การป้องกันขั้น 3 (3o prevention) 4.ระยะมีความพิการ (Stage of disability) หาย หรือ มีความพิการ หลงเหลืออยู่ http://www.bmadcd.go.th/power%20point/BMA%20Principle%20of%20Epidemiology% 20080624.ppt
นิยามศัพท์ อุบัติการณ์ incidence – ผู้ป่วยรายใหม่ ความชุก prevalence – ผู้ที่กำลังป่วย(รวมรายใหม่ และ รายเก่าที่ยังไม่หาย) ป่วยรายใหม่ incidence Prevalence ตาย หาย http://thaibod.net/documents/Epidemiological_Approach.ppt
นิยามศัพท์ Endemic (โรคประจำถิ่น) โรคที่พบการระบาดได้ตามความคาดหมายในกลุ่มประชากร “Background” level จำนวนคาดการณ์ผู้เสียชีวิตในแต่ละปี Cécile Viboud, et al. Emerg Infect Dis [serial on the Internet]. 2006 Apr. Available from http://www.cdc.gov/ncidod/EID/vol12no04/05-0695-G2.htm
Epidemic เมื่อพบผู้ป่วยหรือการระบาดมากกว่าความคาดหมาย (มากกว่าปรกติ) Pandemic เมื่อพบการระบาดในวงกว้างทางภูมิศาสตร์ หรือ ทั่วโลก
Number of Cases of a Disease Endemic vs Epidemic Number of Cases of a Disease Endemic Epidemic Time http://dpc2.ddc.moph.go.th/phpinfoboard3/data/2/pic/7.ppt
การวัดทางระบาดวิทยา Ratio : ตัวตั้งไม่จำเป็นต้องเป็นส่วนหนึ่งของตัวหาร Proportion : เปรียบเทียบจำนวนย่อยกับจำนวน รวมทั้งหมด Rate : มีเวลาเกี่ยวข้อง http://www.bmadcd.go.th/power%20point/BMA%20Principle%20of%20Epidemiology%20080624.ppt
อัตราส่วน Ratio a/b เป็นการเปรียบเทียบค่าตัวเลขของจำนวนหนึ่งกับอีกจำนวนหนึ่ง โดยตัวตั้งไม่ได้มาจากตัวหาร http://dpc2.ddc.moph.go.th/phpinfoboard3/data/2/pic/7.ppt
สัดส่วน Proportion ผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด 5 รายต่อประชากร 100 คน x/x+y+…..X 100 เป็นการเปรียบเทียบระหว่างตัวตั้งซึ่งเป็นจำนวนหนึ่งของตัวหาร กับตัวหารซึ่งเป็นจำนวนรวมทั้งหมด มักนิยมแปลงเป็นรูปร้อยละหรือเปอร์เซ็นต์ http://dpc2.ddc.moph.go.th/phpinfoboard3/data/2/pic/7.ppt
อัตรา Rate a/(a+b) X k การเปรียบเทียบจำนวนความถี่ของโรคหรือลักษณะบางอย่างต่อหน่วยประชากรที่เฝ้าสังเกต http://dpc2.ddc.moph.go.th/phpinfoboard3/data/2/pic/7.ppt
การวัดทางระบาดวิทยา ความชุก (Prevalence) : จำนวนผู้ป่วยทั้งหมดที่มีอยู่ (เก่าและใหม่) ในระยะเวลาที่กำหนด อุบัติการณ์ (Incidence) : จำนวนผู้ป่วยใหม่ที่เกิดขึ้นในระยะเวลาที่กำหนด http://www.bmadcd.go.th/power%20point/BMA%20Principle%20of%20Epidemiology%20080624.ppt
ความชุก (Prevalence) จำนวนผู้ป่วยทั้งหมดที่มีอยู่ในระยะเวลาที่กำหนด จำนวนประชากรทั้งหมด จำนวนประชากร 1000 คน 2552 2553 ความชุก = x 1000 = 8 ต่อประชากรพันคน 8 1000 http://www.bmadcd.go.th/power%20point/BMA%20Principle%20of%20Epidemiology%20080624.ppt
อุบัติการณ์ (Incidence) จำนวนผู้ป่วยใหม่ที่เกิดขึ้นในระยะเวลาที่กำหนด จำนวนผู้ป่วยใหม่ที่เกิดขึ้น จำนวนประชากรที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค จำนวนประชากร 1000 คน 2552 2553 อุบัติการณ์ = x 1000 = 5 ต่อประชากรพันคน 5 1000 http://www.bmadcd.go.th/power%20point/BMA%20Principle%20of%20Epidemiology%20080624.ppt
สวัสดี