การจัดการกับอารมณ์และความเครียด ด้วย ธรรม ๕ การจัดการกับอารมณ์และความเครียด ด้วย ธรรม ๕ ด.ช.เกียรติศักดิ์ จันทร์ท้วม ชั้น ม3/2 เลขที่ 6
3 วิธีช่วยลูกอารมณ์ดี โดยธรรมชาติเด็กทุกคนมีความต้องการให้ตัวเองเป็นที่ชื่นชมของพ่อแม่ และบุคคลรอบข้าง มีเด็กหลายคนต้องการกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ไม่ได้ตามวัย เพราะได้รับการเลี้ยงดูไม่ถูกวิธี อารมณ์ไม่ได้ตามวัย เพราะได้รับการเลี้ยงดูไม่ถูกวิธีอารมณ์เหล่านี้จะมีผลเสียต่อบุคคลิกภาพ และการปรับตัวทางสังคมในวัยผู้ใหญ่ เรื่องนี้เป็นปัญหาสำคัญที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องระมัดระวังในการเลี้ยงดูบุตรหลาน ลูกอารมณ์ดีตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา มีการศึกษาวิจัยพบว่า การที่แม่มีความสุขในระยะตั้งครรภ์มีการสัมผัสลูบท้องบ่อยๆ ทั้งจากผู้เป็นแม่และพ่อของเด็ก การได้ฟังเสียงดนตรีไพเราะอยู่เป็นประจำจะมีผลต่อเด็กในครรภ์ทำให้เด็กมีความสุข มีความอดทนต่อภาวะเปลี่ยนแปลงต่างๆได้ดีกว่าที่แม่ไม่มีความสุขในระยะตั้งครรภ์ พ่อแม่ช่วยให้ลูกอารมณ์ดีได้อย่างไร? 1. พ่อแม่ควรปรับตัวให้เข้ากับกิจวัตรในการเลี้ยงดูลูก โดยมีอารมณ์ร่าเริงแจ่มใส ไม่โกลาหลวุ่นวายและขุ่นมัวกับชีวิตประจำวัน พ่อแม่ที่ขี้โมโห เจ้าอารมณ์ และขึ้นเสียงเหมือนพ่อแม่ 2. ปรับสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเลี้ยงเด็ก ในที่นี้สิ่งแวดล้อมรวมถึงบุคคลรอบข้าง บรรยากาศ สภาพที่อยู่อาศัย พี่น้อง เพื่อนเล่น สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มีผลต่ออารมณ์ของเด็กทั้งสิ้น จากรายงานการสำรวจเด็กเล็ก 2 กลุ่ม โดนกลุ่มแรก เด็กอยู่สภาวะแวดล้อมที่พูดคุยเสียงปกติ ฟังเสียงดนตรีไพเราะไม่อึกทึกครึกโครม กลุ่มที่ 2 เด็กอยู่ท่ามกลางเสียงเอะอะโครมคราม เกรี้ยวกราด มีการขว้างปาของ พูดคุยเสียงดัง และมีเสียงดุว่าภายในเวลา 2 สัปดาห์ปรากฏว่า เด็กกลุ่มที่ 2 จะไม่ยิ้มโกรธง่ายชอบขว้างปาของเล่น ส่งเสียงเอะอะ ทำสียงตะคอก หรือขึ้นเสียงดังกว่าปกติ สิ่งแวดล้อมที่สำคัญคือ ผู้ใหญ่อื่นๆนอกจากพ่อแม่ของเด็ก มีหลายคนที่ชอบเย้าแหย่ให้อารมณ์เสีย โกรธง่าย โวยวาย เพราะผู้ใหญ่สนุก แต่มีผลทำให้เด็กติดนิสัยโกรธง่ายและหงุดหงิดกับท่าทีของคนอื่นๆ เนื่องจากมีประสบการณ์ไม่เหมาะสม 3. สุขภาพและสุขนิสัยของเด็กก็มีผลต่อลักษณะนิสัย เด็กที่ไม่แข็งแรงจะไม่ร่าเริงอารมณ์เสียบ่อยกว่าเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรงและเด็กอ่อนแอจะถูกห้ามในกิจกรรมการเล่นต่างๆทำให้ไม่มีทางแสดงออกของอารมณ์ ยิ่งหงุดหงิดง่าย หรือกระทั่งการกินนอนไม่ถูกสุขลักษณะ จะทำให้เด็กมีพัฒนาการไม่สมวัย อาจทำให้ถูกล้อเลียน เช่น ฟันผุ ฟันหลอ ผอมหรืออ้วนเกินไป การถูกล้อเลียนบ่อยๆ จะทำให้เด็กโกรธง่ายฉุนเฉียว มีภาวะทางอารมณ์ไม่มั่นคง
การสร้างศักยภาพของตนเองในการจัดการกับอารมณ์และความเครียด ทุกคนล้วนมีศักยภาพในตนเองตามธรรมชาติ คนเรามีศักยภาพในตนเองหลายด้าน โดยมีผู้ได้ให้นิยามของคำว่า \"ศักยภาพ\" ไว้ดังนี้ “ศักยภาพของบุคคลใด หมายถึง ความสามารถสูงสุดที่เป็นไปได้ของบุคคลนั้นถ้าหากบุคคลนั้นได้รับการบำรุงส่งเสริมอย่างเต็มที่และถูกทางทั้งทางกายและทางจิต” ดังนั้น จึงสามารถสรุปได้ว่า "ความสามารถ" ที่เราๆ มีกันอยู่ในตอนนี้ ยังไม่ใช่ "ศักยภาพ" ของเรา เพราะความสามารถของเรานั้นจำเป็นที่จะต้องได้รับการพัฒนา เพื่อให้ใกล้กับคำว่าศักยภาพให้ได้ สิ่งที่เรียกว่า "ศักยภาพ" นี้ ยังคงเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับนามธรรม เรามีเครื่องมือสำหรับวัดความยาว อุณหภูมิ มวล ฯลฯ แต่ยังไม่มีใครสามารถสร้างเครื่องมือวัดศักยภาพของมนุษย์ได้ จะมีก็แต่แบบประเมินผลต่างๆ ซึ่งไม่มีใครทราบว่าผลการประเมินที่ออกมานั้นจะสอดคล้องกับความเป็นจริงหรือไม่ มากน้อยเพียงใด แม้แต่ตัวเราเองยังไม่สามารถทราบได้ว่า ความสามารถของเรานั้นได้รับการพัฒนาไปจนถึงขั้นที่เรียกว่า "ศักยภาพ" แล้วหรือยัง เพราะฉะนั้น เพื่อให้เป็นการดีที่สุด เราจึงต้องมีความพยายามที่จะใช้ความสามารถของเราให้เต็มศักยภาพมากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่าในเรื่องใดก็ตาม อารมณ์เป็นพลังที่ทรงอำนาจอย่างหนึ่งของมนุษย์ อารมณ์อาจเป็นต้นเหตุของสงคราม อาชญากรรม ความขัดแย้งเรื่องเชื้อชาติ ละความขัดแย้ง อื่นๆ อีกหลายชนิดระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ในทางตรงกันข้าม อารมณ์เป็นน้ำทิพย์ของชีวิต ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่าง สวยสดงดงามและน่าอภิรมย์ ความรัก ความสนุกสนาน ความเพลิดเพลิน ความพอใจ หรือความตลกขบขัน ล้วนแต่ทำให้ชีวิต มีคุณค่า และความหมายทั้งสิ้น
วิธีการจัดการกับความเครียด การนวด เพราะการนวดทำให้ได้สัมผัสส่วนที่เครียด ทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นผ่อนคลายลง มุ่งแต่สิ่งที่เป็นปัจจุบัน คนเรามีอดีตที่ไม่น่าพอใจเป็นทุกข์ด้วยกันทุกคน ถ้านึกถึงอดีตที่ไม่พอใจบ่อย ๆ จะทำให้เกิดทุกข์เครียดได้และอย่าคิดถึงอนาคตเพราะยังมาไม่ถึง สร้างนิสัยสดชื่น ยิ้มแย้มเสมอ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ที่อยู่ใกล้เคียง หลีกเลี่ยงการสร้างศัตรู เพราะการมีศัตรูจะทำให้เราต้องหวาดระแวง กลัวต่าง ๆ นานา เมื่อนั้นความเครียดก็จะตามมา การใช้ยาลดความเครียด การใช้ยานั้นจะต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์เท่านั้น เช่น ยาพวกบาบิตเรท ยากล่อมประสาท ยานอนหลับ เป็นต้น //
การควบคุมอารมณ์และการจัดการอารมณ์ เราควรหมั่นฝึกให้มีสติ คือระลึกรู้อยู่เสมออย่าประมาทในการดำเนินชีวิต เมื่อมีอะไรเข้ามากระทบทำให้เราเกิดความคิดและอารมณ์ที่ไม่ดี ก็ควรจะใช้สติในการขบคิดพิจารณา เพื่อให้เราเท่าทัน และไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์นั้น วิธีควบคุมอารมณ์ของเราอาจทำได้หลายวิธี ได้แก่ 2.ให้มีสติอยู่เสมอเพื่อควบคุมอารมณ์ที่รุนแรงให้คลายลง พยายามควบคุมมันให้ได้โดยใช้ “สติ” หรือหลักธรรมะเข้ามาช่วยในการเผชิญกับเหตุการณ์หรือปัญหาต่าง ๆ ก็จะทำให้เหตุการณ์หรือปัญหาต่าง ๆ นั้นเป็นไปในทางที่ดีขึ้นได้ ในทางตรงกันข้ามหากผู้ใดใช้อารมณ์มากหรือรุนแรงเกินไป ก็อาจจะทำให้เหตุการณ์หรือปัญหาต่าง ๆ ที่เผชิญอยู่กลับเลวร้ายลงไปได้เช่นกัน 3.ใช้คำพูดแสดงความรู้สึกแทนการกระทำ เช่น โกรธเพื่อนที่ผิดนัด ไม่ควรแสดงออกโดย การตำหนิดุด่า แต่ควรใช้คำพูดแทนว่า “ฉันโกรธมากที่เธอผิดนัดเมื่อวาน เป็นต้น 4ให้ยืดเวลาออกไปก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป หรือพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดอารมณ์รุนแรง รอให้อารมณ์ลดความรุนแรงลงแล้วจึงกลับมาเผชิญเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง ก็จะทำให้เรามีสติมากขึ้นในการตัดสินใจกระทำสิ่งต่าง ๆ ลงไป 5ใช้การข่มใจ การให้อภัยและมองโลกในแง่ดี พยายามฝึกมองสิ่งที่เกิดขึ้นต่าง ๆ ในด้านดีเสมอถ้าทำได้ จะทำให้เรามีอารมณ์ที่เป็นสุขมากยิ่งขึ้น 6เมื่อมีเรื่องทุกข์ใจหรือเครียดควรปรึกษาเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้หรือผู้ใหญ่ ที่เราให้ความเคารพนับถือ หากคนเรามีแต่ความทุกข์เก็บสะสมไว้มากเกินไป สักวันหนึ่งก็อาจจะกลายเป็นโรคประสาท หรือโรคจิตต่อไปได้ จึงควรปลดปล่อยความทุกข์ที่มีอยู่ออกไปเสียบ้าง ความเครียดเป็นเรื่องพื้นฐานประจำชีวิต ไม่ว่าคุณจะเป็นคนประเภทไหน ฐานะอย่างไร มีอำนาจมากแค่ไหน รูปงามหรือไม่ มีความสบาย เพียงใด ไม่อาจหลีกเลี่ยงมันได้ ความเครียดมาในหลายรูปแบบ เช่นการสอบไล่ครั้งสำคัญ อุบัติเหตุทางรถยนต์ การเข้าแถวรอเป็นเวลานาน วันที่อะไรๆก็ดูจะไม่ถูกต้องสักอย่าง ความเครียดขนาดปานกลางอาจเป็นแรงกระตุ้น เป็นแรงจูงใจเป็นที่ต้องการให้มีในบางครั้ง แต่ถ้าหากเครียดมาก อาจก่อปัญหาทั้งทางร่างกาย ทางจิตใจ และทางพฤติกรรม
คำคม ผู้ใดมีอารมณ์ที่ดีย่อมเป็นผู้มีจิตใจดี