Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน
Psalm เพลงสดุดี 52
To the choirmaster. A Maskil of David, when Doeg, the Edomite, came and told Saul, he has come to the house of Ahimelech. 1Why do you boast of evil, O mighty man? The steadfast love of God endures all the day.
1ถึงหัวหน้านักร้อง มัสคิลบทหนึ่งของดาวิด เมื่อโดเอก คนเอโดมมาทูลซาอูลว่า “ดาวิดได้มาที่เรือนอาคีเมเลค” เฮ้ยเจ้าผู้มีอิทธิ ไฉนเจ้าจึงโอ้อวดในการชั่ว ความรักมั่นคงของพระเจ้าดำรงอยู่วันยังค่ำ
I Samuel ซามูเอล 22 Saul Kills the Priests at Nob ซาอูลฆ่าปุโรหิตที่เมืองโนบ
6 Now Saul heard that David was discovered, and the men who were with him. Saul was sitting at Gibeah under the tamarisk tree on the height with his spear in his hand, and all his servants were standing about him.
6 ฝ่ายซาอูลทรงทราบว่ามีผู้พบดาวิดและคนที่อยู่กับท่าน เวลานั้นซาอูลประทับที่เมืองกิเบอาห์ใต้ต้นสนหมอก ณ ที่เนินสูง ทรงหอกอยู่และผู้รับใช้ของพระองค์ก็ยืนอยู่รอบพระองค์
7 And Saul said to his servants who stood about him, “Hear now, people of Benjamin; will the son of Jesse give every one of you fields and vineyards, will he make you all commanders of thousands and commanders of hundreds,
7 และซาอูลตรัสกับผู้รับใช้ที่ยืนอยู่รอบพระองค์ว่า “เจ้าทั้งหลายพวกคนเบนยามิน จงฟังเถิด บุตรของเจสซีจะให้นาและสวนองุ่นแก่เจ้าหรือ จะตั้งเจ้าให้เป็นผู้บังคับการกองพันกองร้อยหรือ
8 that all of you have conspired against me 8 that all of you have conspired against me? No one discloses to me when my son makes a covenant with the son of Jesse. None of you is sorry for me or discloses to me that my son has stirred up my servant against me, to lie in wait, as at this day.”
8 เจ้าทั้งหลายจึงได้คิดกบฏต่อเราไม่มีใครแจ้งแก่เราเลย เมื่อลูกของเราทำพันธไมตรีกับบุตรของเจสซีนั้น ไม่มีผู้ใดร่วมทุกข์กับเรา หรือแจ้งแก่เราว่า ลูกของเราปลุกปั่นผู้รับใช้ของเราให้ต่อสู้เรา คอยซุ่มดักเราอยู่อย่างทุกวันนี้”
9 Then answered Doeg the Edomite, who stood by the servants of Saul, “I saw the son of Jesse coming to Nob, to Ahimelech the son of Ahitub,
9 โดเอกคนเอโดมซึ่งยืนอยู่ใกล้ผู้รับใช้ของซาอูล จึงทูลตอบว่า “ข้าพระบาทเห็นบุตรเจสซีมาที่เมืองโนบมาหา อาหิเมเลคบุตรอาหิทูบ
10 and he inquired of the LORD for him and gave him provisions and gave him the sword of Goliath the Philistine.” 10 แล้วเขาก็ทูลถามพระเจ้าให้ท่าน และให้เสบียงอาหาร และให้ดาบของโกลิอัทคนฟีลิสเตียแก่ท่านไป”
11 Then the king sent to summon Ahimelech the priest, the son of Ahitub, and all his father's house, the priests who were at Nob, and all of them came to the king.
11 แล้วพระราชาก็ใช้ให้ไปเรียกอาหิเมเลคปุโรหิต บุตรอาหิทูบ และพงศ์พันธุ์บิดาของท่านทั้งสิ้น ผู้เป็นปุโรหิตเมืองโนบ ทุกคนก็มาหาพระราชา
12 And Saul said, “Hear now, son of Ahitub 12 And Saul said, “Hear now, son of Ahitub.” And he answered, “Here I am, my lord.” 12 และซาอูลตรัสว่า “บุตรอาหิทูบเอ๋ย จงฟังเถิด” เขาทูลตอบว่า “เจ้านายของข้าพระบาท ข้าพระบาทอยู่ที่นี่”
13 And Saul said to him, “Why have you conspired against me, you and the son of Jesse, in that you have given him bread and a sword and have inquired of God for him, so that he has risen against me, to lie in wait, as at this day?”
13 และซาอูลตรัสแก่เขาว่า “ทำไมเจ้าจึงร่วมกันกบฏต่อเราทั้งเจ้าและบุตรของเจสซี ในการที่เจ้าได้ให้ขนมปังและดาบแก่เขา และได้ทูลถามพระเจ้าให้เขา เขาจึงลุกขึ้นต่อสู้เรา และคอยซุ่มดักเราอยู่อย่างทุกวันนี้”
14 Then Ahimelech answered the king, “And who among all your servants is so faithful as David, who is the king's son-in-law, and captain over your bodyguard, and honored in your house?
14 และอาหิเมเลคทูลตอบพระราชาว่า “ในบรรดาข้าราชการผู้รับใช้ของฝ่าพระบาท มีผู้ใดเล่าที่จะซื่อสัตย์อย่างดาวิด พระราชบุตรเขยของพระราชาผู้บังคับบัญชา ทหารราชองครักษ์ และเป็นผู้มีเกียรติในพระราชสำนักของฝ่าพระบาท
15 Is today the first time that I have inquired of God for him. No 15 Is today the first time that I have inquired of God for him? No! Let not the king impute anything to his servant or to all the house of my father, for your servant has known nothing of all this, much or little.”
15 ในวันนี้ข้าพระบาทได้ทูลขอพระเจ้าเพื่อเขาจริงหรือ เปล่าเลย ขอพระราชาอย่าทรงกล่าวโทษสิ่งใดต่อผู้รับใช้ของพระองค์ หรือพงศ์พันธุ์ของบิดาของข้าพระบาท เพราะผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทไม่ทราบเรื่องนี้เลยไม่ว่า มากหรือน้อย”
16 And the king said, “You shall surely die, Ahimelech, you and all your father's house.” 16 พระราชาตรัสว่า “อาหิเมเลค เจ้าจะต้องตายแน่ ทั้งเจ้าและพงศ์พันธุ์บิดาของเจ้าด้วย”
17 And the king said to the guard who stood about him, “Turn and kill the priests of the LORD, because their hand also is with David, and they knew that he fled and did not disclose it to me.” But the servants of the king would not put out their hand to strike the priests of the LORD.
17 และพระราชาก็รับสั่งแก่ราชองครักษ์ผู้ยืนเฝ้าอยู่ว่า “จงหันมาประหารปุโรหิตเหล่านี้ของพระเจ้าเสีย เพราะว่ามือของเขาอยู่กับดาวิดด้วย เขารู้แล้วว่ามันหนีไป แต่ไม่แจ้งให้เรารู้” แต่ข้าราชการผู้รับใช้ของพระราชาไม่ยอมลงมือ ทำกับปุโรหิตของพระเจ้า
18 Then the king said to Doeg, “You turn and strike the priests 18 Then the king said to Doeg, “You turn and strike the priests.” And Doeg the Edomite turned and struck down the priests, and he killed on that day eighty-five persons who wore the linen ephod.
18 แล้วพระราชาจึงตรัสกับโดเอกว่า “เจ้าจงไปฟันปุโรหิตเหล่านั้น” โดเอกคนเอโดมก็หันไปฟันบรรดาปุโรหิต ในวันนั้น เขาฆ่าบุคคลที่สวมเอโฟดผ้าป่านเสีย แปดสิบห้าคน
19 And Nob, the city of the priests, he put to the sword; both man and woman, child and infant, ox, donkey and sheep, he put to the sword.
19 และเขาประหารชาวเมืองโนบ ซึ่งเป็นเมืองของปุโรหิตเสียด้วยคมดาบ ฆ่าเสียด้วยคมดาบ ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก และเด็กกินนม โค ลาและแกะ
20 But one of the sons of Ahimelech the son of Ahitub, named Abiathar, escaped and fled after David. 20 แต่บุตรชายคนหนึ่งของอาหิเมเลคบุตรอาหิทูบ ชื่ออาบียาธาร์ได้รอดพ้นและหนีตามดาวิดไป
21 And Abiathar told David that Saul had killed the priests of the LORD. 21 อาบียาธาร์ก็บอกดาวิดว่าซาอูลได้ประหารปุโรหิต ของพระเจ้าเสีย
22 And David said to Abiathar, “I knew on that day, when Doeg the Edomite was there, that he would surely tell Saul. I have occasioned the death of all the persons of your father's house.
22 ดาวิดจึงพูดกับอาบียาธาร์ว่า “ในวันนั้นเมื่อโดเอกอยู่ที่นั่น เรารู้แล้วว่า เขาจะต้องทูลซาอูลแน่ เราเป็นต้นเหตุแห่งความตายของบุคคลใน ครอบครัวบิดาของท่าน
23 Stay with me; do not be afraid, for he who seeks my life seeks your life. With me you shall be in safekeeping.” 23 จงอยู่เสียกับเราเถิด อย่ากลัวเลย เพราะถ้าเขาแสวงชีวิตของท่าน ก็แสวงชีวิตของเราด้วย ท่านอยู่กับเราก็จะพ้นภัย”
Philippians ฟิลิป 2:3-4 3 Do nothing from rivalry or conceit, but in humility count others more significant than yourselves. 3 อย่าทำสิ่งใดในทางชิงดีกันหรือถือดี แต่จงมีใจถ่อมถือว่าคนอื่นดีกว่าตัว
4 Let each of you look not only to his own interests, but also to the interests of others. 4 อย่าให้ต่างคนต่างเห็นแก่ประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆด้วย
2Your tongue plots destruction, like a sharp razor, you worker of deceit. 2ลิ้นของเจ้าคิดการทำลาย และหลอกลวงอย่างมีดโกนคม
3You love evil more than good, and lying more than speaking what is right. Selah 3เจ้ารักชั่วมากกว่าดี และการมุสา มากกว่าพูดความจริง
4You love all words that devour, O deceitful tongue
5But God will break you down forever; He will snatch and tear you from your tent; he will uproot you from the land of the living. Selah
5แต่พระเจ้าจะทรงทำลายเจ้าลงเสียเป็นนิตย์ พระองค์จะทรงฉวยและดึงเจ้าจากเต็นท์ของเจ้า พระองค์จะทรงถอนรากเจ้าเสียจากแดนของคนเป็น
6The righteous shall see and fear, and shall laugh at him, saying, 6คนชอบธรรมจะเห็นและเกรงกลัว และจะหัวเราะเยาะเขา กล่าวว่า
7“See the man who would not make God his refuge, but trusted in the abundance of his riches and sought refuge in his own destruction!”
7“จงดูบุรุษผู้ไม่ให้พระเจ้าเป็นที่ลี้ภัยของตน แต่ไว้ใจในความมั่งคั่งอันอุดมของเขา เขาเสริมกำลังตัวเขาในความชั่วร้ายของเขา”
8But I am like a green olive tree in the house of God 8But I am like a green olive tree in the house of God. I trust in the steadfast love of God forever and ever. 8ฝ่ายข้าพเจ้าเป็นเหมือนต้นมะกอกเขียวสดในพระนิเวศของพระเจ้า ข้าพเจ้าวางใจในความรักมั่นคงของพระเจ้าเป็นนิจกาล
9I will thank You forever, because You have done it 9I will thank You forever, because You have done it. I will wait for Your name, for it is good, in the presence of the godly.
9ข้าพระองค์จะโมทนาพระคุณพระองค์เป็นนิตย์ เพราะพระองค์ได้ทรงกระทำเช่นนั้น ข้าพระองค์จะหวังใจในพระนามของพระองค์ เพราะเป็นพระนามประเสริฐ ต่อหน้าธรรมิกชนของพระองค์
Psalm เพลงสดุดี 53
To the choirmaster: according to Mahalath. A Maskil of David To the choirmaster: according to Mahalath. A Maskil of David. 1The fool says in his heart, “There is no God.” They are corrupt, doing abominable iniquity; there is none who does good.
1ถึงหัวหน้านักร้อง ตามทำนองมาหะลัท มัสคิลบทหนึ่งของดาวิด คนโง่รำพึงอยู่ในใจของตนว่า “ไม่มีพระเจ้า” เขาทั้งหลายก็เสื่อมทรามกระทำ ความบาปผิดที่น่าเกลียดน่าชัง ไม่มีสักคนเดียวที่กระทำดี
2God looks down from heaven on the children of man to see if there are any who understand, who seek after God. 2พระเจ้าทรงมองลงมาจากฟ้าสวรรค์ ดูบุตรชายทั้งหลายของมนุษย์ ว่าจะมีคนใดบ้างที่ฉลาด ที่เสาะหาพระเจ้า
3They have all fallen away; together they have become corrupt; there is none who does good, not even one. 3เขาทั้งหลายก็ถดถอยไปหมด เขาทั้งหลายก็เสื่อมทรามเหมือนกันสิ้น ไม่มีสักคนเดียวที่กระทำดี ไม่มีเลย
4Have those who work evil no knowledge, who eat up my people as they eat bread, and do not call upon God? 4เหล่าคนที่กระทำชั่วไม่รู้หรือ คือผู้ที่กินประชากรของเราอย่างกินขนมปัง และไม่ร้องทูลพระเจ้า
5There they are, in great terror, where there is no terror 5There they are, in great terror, where there is no terror! For God scatters the bones of him who encamps against you; you put them to shame, for God has rejected them.
5เขาทั้งหลายจะอยู่ที่นั่นอย่างสยดสยองเป็นที่ยิ่ง สยดสยองอย่างที่ไม่เคยเป็น เพราะพระเจ้าจะทรงกระจายกระดูก ของคนที่ตั้งค่ายสู้เจ้า พระองค์ทรงให้เขาทั้งหลายได้อายเพราะพระเจ้าทรงปฏิเสธเขา
6Oh, that salvation for Israel would come out of Zion 6Oh, that salvation for Israel would come out of Zion! When God restores the fortunes of his people, Let Jacob rejoice, let Israel be glad.
6ขอการช่วยกู้เพื่ออิสราเอลมาจากศิโยนเสียทีเถิด เมื่อพระเจ้าทรงให้ประชากรของพระองค์กลับสู่สภาพดี ยาโคบจะเปรมปรีดิ์ อิสราเอลจะยินดี