ความเป็นพิษ อันตราย และการปฐมพยาบาล รศ.ดร.กรรนิการ์ ฉัตรสันติประภา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โครงการฝึกอบรม หลักสูตรผู้ควบคุมการขายวัตถุอันตรายทางการเกษตร
พาดหัวข่าว
ผลชันสูตรยืนยันพบ"ยาฆ่าแมลง"ในอาหารกลางวันเด็กอินเดีย วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16:20:04 น. http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1374139154&grpid=&catid=06&subcatid=0600 ผลการชันสูตรศพเด็กนักเรียน 22 คน ซึ่งเสียชีวิตหลังรับประทานอาหารกลางวันที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐพิหารของ อินเดีย ยืนยันว่าทั้งหมดเสียชีวิตจากยาฆ่าแมลง ที่อาจปนเปื้อนในอาหารหรือน้ำมันพืช
ก. ข. ง.ถูกทุกข้อ ค. คาดการณ์ความผิดพลาดที่เป็นสาเหตุการตาย อนาถชีวิตเกษตรกรสูดพิษตกค้างจากยาฆ่าแมลง นอนใหลตาย “อนาถ…ฉีดพ่นยาฆ่าแมลงใบยาสูบ เมื่อยล้า นอนพักเอาแรงกลับนอนใหลตาย น้ำลายฟูมปาก แพทย์ระบุเกิดจากสารพิษสะสมในร่างกาย ……... ที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 1 กม.พบศพนายเขียว บุญค้ำ อายุ 45 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บนส่วนพ่วงรถไถนาเดินตาม สภาพสวมกางเกงวอร์มขายาวสีเขียว เสื้อยีนแขนยาว นอนหงาย น้ำลายฟูมปาก มีเลือดไหลซึม ตัวแข็งทื่อ ใกล้กันมีขวดยาฆ่าแมลงและถังฉีดพ่นวางอยู่ เบื้องต้นแพทย์คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 6ชั่วโมง ….... สอบสวนนางหนูจันทร์ บุญค้ำ ภรรยาผู้ตาย ทราบว่า…..หลังจากพ่นยาฆ่าแมลงแล้วสามีได้ไปนอนพักบนตัวพ่วงรถไถ กระทั่งรุ่งเช้าไม่เห็นสามีนำใบยามาตาก จึงออกไปดู พบว่าเสียชีวิตแล้ว…..แพทย์ชันสูตรจาก รพ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า จากสภาพศพที่มีน้ำลายฟูมปาก เลือดไหล ตามลำตัวเป็นป้านแดง สอบประวัติพบประวัติการใช้สารเคมีพ่นยาฆ่าแมลงโดยไม่สวมหน้ากากป้องกัน..…” คาดการณ์ความผิดพลาดที่เป็นสาเหตุการตาย ก. ข. ง.ถูกทุกข้อ ค.
รายงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
…..“เด็ก ๆจะได้รับผลกระทบอย่างมาก รวมถึงการเกิดความพิการ เกิดความผิดปกติในการเรียนรู้และความผิดปกติในเรื่องพฤติกรรม เด็กที่อยู่ในบ้านที่ใช้ยาฆ่าแมลงเป็นประจำพบว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวมากกว่าเด็กปกติ 6.5 เท่า นอกจากนี้ยังพบว่าสัตว์เลี้ยงในบริเวณบ้านที่ใช้ยาฆ่าแมลงก็ได้รับความเสี่ยงนี้เช่นกัน” …..“จากการศึกษาพบว่านกซึ่งอพยพเข้ามาตามฤดู มีอัตราการตายเพิ่มขึ้นในบริเวณที่มียาฆ่าแมลงตกค้างและบางบริเวณที่มียาฆ่าแมลงเล็กน้อย นกป่าเหล่านี้ก็มีอาการเจ็บป่วยเหมือนที่พบในมนุษย์” …”ผู้ที่ชอบกินผักอาจได้รับอันตรายจากพิษตกค้างได้…มีคนกินก๋วยเตี๋ยวราดหน้าผักคะน้า เพียงจานเดียวก็เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน หมดสติ น้ำลายฟูมปาก ต้องนำส่งโรงพยาบาลเกือบเป็นอันตรายถึงชีวิต”
สรุป พิษจากยาฆ่าแมลง..ไม่ใช่เฉพาะเกษตรกร(ผู้ใช้)เท่านั้น… สมาชิกในครอบครัวเกษตรกร…ผู้ขาย....ผู้บริโภค… สัตว์เลี้ยง…สัตว์ป่า…สิ่งมีชีวิตอื่นๆในสิ่งแวดล้อม… ล้วนป่วย…ล้วนได้รับผลกระทบ…โดยถ้วนหน้า!!!
99% ถูกแมลง 4% ใช้สาร 100% ทำให้แมลงตาย 1% ล้มเหลว (ไม่ถูกจุดสำคัญ) 3% พืช/ผักไม่ปลอดภัย ถูกแมลง 4% 99% ตกค้างบนพืช/ผัก ตกค้างบนใบพืช 41% (ไม่โดนแมลง) อันตรายต่อสุขภาพมนุษย์และสัตว์ มนุษย์รับสัมผัสโดยตรง พลาดเป้าหมาย 15%0 ระเหยไป 10% เข้าห่วงโซ่อาหารอื่นๆ ตกค้างในสิ่งแวดล้อม ปลิวทิ้ง 30% เหลือ 70% ใช้สาร 100% 8
อัตราการป่วยจากการประกอบอาชีพที่รายงานเข้าสู่กระทรวงสาธารณสุข. พ. ศ อัตราการป่วยจากการประกอบอาชีพที่รายงานเข้าสู่กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2540 2542 2544 2546 รวมทุกสาเหตุ 3542 4618 3011 2629 สารสาเหตุ สารปราบศัตรูพืช 3297 4169 2653 2342 >90% ตะกั่ว 115 151 104 33 โลหะหนัก 44 115 29 24 ปิโตรเลียม 21 85 102 67 ก๊าซ+ไอระเหย 28 60 45 33 ฝุ่นในปอด 37 38 78 130 (ที่มา:สรุปรายงานการเฝ้าระวังโรค กองระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข พศ.2540-2546)
ผลกระทบสารเคมีกำจัดศัตรูพืชต่อสุขภาพคนไทย มูลนิธิชีววิถี ค้นเมื่อ 3 พค ผลกระทบสารเคมีกำจัดศัตรูพืชต่อสุขภาพคนไทย มูลนิธิชีววิถี ค้นเมื่อ 3 พค. 2555 จาก http://www.biothai.net/node/8691
สารเคมีทางการเกษตรก่อพิษได้หลากหลายแบบ
แบบที่ 1 แบ่งตามระยะเวลาที่แสดงอาการให้ปรากฏ 1. การเกิดพิษแบบเฉียบพลัน (Acute poisoning/toxicity) ได้รับสารแล้วแสดงอาการภายใน 24 ชั่วโมง 2. การเกิดพิษแบบเรื้อรัง (Chronic poisoning/toxicity) ได้รับทีละน้อยหลายครั้งติดต่อกันเป็นเวลานาน และเกิดการสะสม จนแสดงอาการ
แบบที่ 2 แบ่งตามตำแหน่งที่แสดงอันตรายจากสารพิษ 1. การเกิดพิษทางระบบของร่างกาย (Systemic poisoning/toxicity) มีการดูดซึมเข้ากระแสเลือดจากตำแหน่งหนึ่ง แล้วไปแสดงอาการที่ส่วนอื่นๆได้ 2. การเกิดพิษเฉพาะที่ (Local poisoning/Local toxicity) ไม่ดูดซึมเข้ากระแสเลือด จึงแสดงพิษที่ตำแหน่งได้รับสาร เช่น ฤทธิ์กัด คัน ระคายเคือง ฯ
แบบที่ 3 แบ่งตามกลวิธาน (mechanism) การเกิดพิษ 1.ปฏิกิริยาภูมิแพ้ (Allergic reaction) เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายคนนั้นตอบ- สนองว่องไวเกินไปต่อสาร (เฉพาะบุคคล) 2.ภาวะพันธุกรรมผิดปกติ (Idiosyncratic reaction) เกิดจากพันธุกรรมที่แตกต่างจากผู้อื่นของคนนั้น 3.การได้รับสารเกินขนาด (Overdosage หรือ Toxicologic reaction) เกิดกับทุกคนที่ได้รับสารพิษเกินขนาดที่ร่างกายทนได้
ช่องทางการดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดของสารพิษ (1) ทางปาก (2) ทางจมูก (3) ทางผิวหนัง (4) อื่น ๆ เช่น ฉีดเข้าเส้นเลือด ถูกหนามตำ ฯ
การดูดซึมผ่านเซลล์บุผนังลำไส้เล็ก เส้นเลือด ฝอยดำ เส้นเลือดฝอยแดง การดูดซึมผ่านเซลล์บุผนังลำไส้เล็ก 16
การดูดซึมผ่านผนังถุงลมฝอย ของปอด
การดูดซึมผ่านผิวหนัง 1 2 3 รูเหงื่อ รูขน รูไขมัน เพิ่มการดูดซึมเมื่อ -ผิวหนังชุ่มชื้น -มีบาดแผล -มีรอยถลอก ฯ การดูดซึมผ่านผิวหนัง
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดพิษ ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสารที่ทำให้เกิดพิษ สารแต่ละชนิดมีพิษมากน้อยไม่เท่ากัน ในแต่ละผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย 1.1 ตัวสารหลัก เช่น ยาฆ่าหญ้า 2,4,5-ที 1.2 ตัวปนเปื้อนของสารหลัก เช่น ไดออกซิน 1.3 สารเติมแต่งหรือส่วนประกอบอื่นๆของผลิตภัณฑ์ เช่น สารทำละลาย น้ำมันก้าด สี กลิ่น ฯ
2. ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย ได้รับสารพิษเข้าร่างกายมากน้อยไม่เท่ากัน 2.1 ปริมาณสารพิษที่ได้รับ (dose) 2.2 วิถีทางที่ได้รับ (route) เช่น ทางปาก จมูก ผิวหนัง 2.3 ความนานของระยะเวลาที่ได้รับสัมผัส (duration) และความถี่ (frequency) ของการรับ 2.4 ช่วงเวลาที่ได้รับ (time) เช่น เช้า บ่าย ค่ำ ก่อน/หลังอาหาร
3. ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับคนที่รับสัมผัสสารพิษ 3.1 พันธุกรรม (gene) 3.2 สภาวะในขณะนั้นของผู้รับสัมผัสสารพิษ เช่น วัย ความเจ็บป่วย ฯ 4.สภาวะสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น อุณหภูมิ ความชื้น การถ่ายเทของอากาศ ฯ
ถ้าได้รับสารพร้อมกันมากกว่า 1 ชนิด จะเกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างสาร (Interactions) ทำให้มีโอกาสเกิดผลต่างๆ เช่น สารแย่งกันดูดซึม สารแย่งกันออกฤทธิ์ที่เซลล์/อวัยวะเป้าหมาย สารแย่งกันในกระบวนการเปลี่ยนแปลงสารภายในร่างกาย สารแย่งกันขับถ่าย ฯ ผลลัพธ์ที่ได้ พิษเพิ่มขึ้นแบบผลบวกของพิษแต่ละตัว เช่น 2 + 3 = 5 พิษเพิ่มขึ้นแบบเกินกว่าผลบวกของพิษแต่ละตัว เช่น 2 + 3 = 20 พิษลดลงจากการหักล้างพิษกันเอง เช่น 4 + 6 = 3 หรือ (+4) + (-4) = 0 หรือ 4 + 0 = 1 ใช้เป็นยาแก้พิษ
คำถาม ??
ตัวอย่าง สารพิษทางการเกษตร=สารปราบศัตรูพืช 1.ยาฆ่าแมลง -ออกาโนคลอรีน เช่น ดีดีที ดิลดริน อัลดริน เอ็นโดซัลแฟนฯ -ออกาโนฟอสเฟต เช่น พาราไทออน มาลาไทออน ฯ -ออกาโนคาร์บาเมต เช่น คาบาริล ฯ -ไพรีทรอยด์ เช่น ไซเปอร์เมธิน ฯ 2.ยาฆ่าหญ้า -พาราควอท เช่น กรัมมอกโซน ฯ -ไกลโฟเสท เช่น ราวนด์อัพ ฯ 3.ยาเบื่อหนู -วาร์ฟาริน เช่น ราคูมิน ฯ -ซิงค์ฟอสไฟด์ ฯ 4.ยาฆ่าเชื้อรา ฯลฯ
อาการพิษจากพาราควอท ไดควอท ทำปฏิกิริยากับ O2 เกิดอนุมูลอิสระมากมาย ทำลายเซลล์และเนื้อเยื่อบุต่างๆ โดยเฉพาะผิวหนัง ตับ ไต ปอด ระบบทางเดินหายใจ ไอ เจ็บคอ เลือดกำเดาไหล หยุดการหายใจฯ ระบบทางเดินอาหาร ตับวาย ไตวาย ฯ ระบบผิวหนัง ผิวแห้ง แตก ผื่นแดง พุพอง แผลมีหนอง เล็บซีด เล็บหลุด เล็บหักง่าย ฯ ตา เยื่อบุตาอักเสบ ระคายเคืองตา ตาบอด ฯ ผลิตภัณฑ์มีการเติมสี กลิ่น สารกระตุ้นอาเจียนด้วย เพื่อลดการรับอันตราย
อาการพิษจากไกลโฟเสท (glyphosate) ยับยั้งการสร้างกรดอะมิโน อาการพิษเฉียบพลัน ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ไอแห้งๆ แน่นหน้าอก ในรายที่เป็นรุนแรงจะมีอาเจียนปนเลือด ปัสสาวะออกน้อย ไตวายและปอดบวมคั่งน้ำ การสัมผัสทางผิวหนังทำให้เกิดผื่นคัน แสบตา เคืองตาและ เจ็บแสบในลำคอ และอาจมีอาการพิษเรื้อรังจากการสัมผัสทางผิวหนัง โดยเป็นผื่นคัน ผิวหนังไหม้ ตาดำอักเสบ น้ำตาไหลมาก บางรายมีเลือดกำเดาไหล เช่น ราวด์อัพ, ทัชดาวน์, สปาร์ค ฯ
อาการพิษจากออกาโนคลอรีน เป็นพิษต่อเยื่อหุ้มเซลล์ของเซลล์ประสาททั้งมนุษย์และแมลง ตกค้างอยู่นานในสิ่งแวดล้อม พิษต่อระบบประสาทส่วนกลางและสมอง ตัวสั่น ตากระตุก ความจำเสื่อม บุคลิกภาพเปลี่ยน กล้ามเนื้อบิดตัว เกร็ง กดศูนย์ควบคุมการหายใจ และตายได้ ฯ 27
อาการพิษจากสารพิษออกาโนฟอสเฟต ยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์โครีนเอสเทอเรสของระบบประสาทอัตโนมัติทั้งของคนและแมลง โดยยับยั้งแบบไม่ปล่อยคืน ระบบประสาทส่วนกลาง เหนื่อยง่าย เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ เดินโซเซ มือสั่น ชัก หมดสติ ช็อค ฯ ระบบกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนล้า ตะคริว หนังตากระตุก ทำงานไม่ประสานกันฯ ระบบประสาทอัตโนมัติ น้ำลายออกมาก เหงื่อออกมาก น้ำตาไหล หายใจลำบาก ตาพร่า ท้องร่วง ปวดเกร็งกระเพาะอาหาร ฯ
อาการพิษจากคาร์บาเมต ยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์โครีนเอสเทอเรสของระบบประสาทอัตโนมัติทั้งของคนและแมลง โดยยับยั้งแบบปล่อยคืนได้ อาการคล้ายออกาโนฟอสเฟต ระบบทางเดินหายใจ คอแห้ง เจ็บคอ แสบจมูก ไอ ฯ ระบบผิวหนัง คัน ตุ่มขาวบนผิวหนัง ผิวหนังตกสะเก็ด ผื่นแดง ฯ ตา เคืองตา ตาแดง ฯ
เป็นพิษต่อเยื่อหุ้มเซลล์ของเซลล์ประสาทแมลงมากกว่ามนุษย์ อาการพิษจากไพรีทรอยด์ เป็นพิษต่อเยื่อหุ้มเซลล์ของเซลล์ประสาทแมลงมากกว่ามนุษย์ ระบบทั่วไป ชา คอแห้ง เจ็บคอ แสบจมูก หายใจถี่ คัน ฯ หากได้รับเข้าร่างกายปริมาณมาก อาเจียน ท้องร่วง เดินโซเซ หนังตากระตุก หงุดหงิด น้ำลายไหลผิดปกติ เกร็ง ชัก หมดสติ ช็อค ฯ
นอกจากนั้น ยังมีพิษที่ไม่แสดงผลทันที แต่จะปรากฏภายหลัง เช่น หลังรักษาหายแล้ว 1- 4 วัน กลับมีอาการผิดปกติทางระบบประสาทส่วนปลาย คือ อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่ต้นแขน ต้นขา ที่คอ ที่สำคัญ คือ กล้ามเนื้อช่วยการหายใจอ่อนแรง อาจถึงกล้ามเนื้ออัมพาต ทำให้หยุดการหายใจ และตายได้ ช่วงนี้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเท่านั้น (จะใช้อะโทรปีนรักษาไม่ได้ผล อะโทรปีนรักษาได้เฉพาะช่วงอาการเฉียบพลันเท่านั้น) ดังนั้น แม้รักษาอาการเฉียบพลันหายแล้ว ทั้งผู้ป่วย ญาติ และแพทย์ ยังจะต้องคอยเฝ้าระวังต่อไปอีก 2 สัปดาห์
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อได้รับพิษ ถ้าได้รับเข้าทางปาก ทำให้ อาเจียนให้ได้โดยเร็วที่สุด เช่น โดยการล้วงคอ(ถึงโคนลิ้น) หรือให้กินยากระตุ้นอาเจียน (ipecac syrup) หลังจากนั้น ให้กินตัวดูดซับสาร คือ กินผงถ่านกัมมันต์ (activated charcoal) ชนิดผง (ผงถ่าน 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม) ผสมน้ำพอเหลวๆ( 4 – 8 เท่า) เพื่อดูดซับสารพิษ หรืออย่างน้อยกินไข่ขาวดิบ นม เพื่อเคลือบทางเดินอาหารและเจือจางสาร แล้วรีบไปพบแพทย์ **ห้ามกระตุ้นอาเจียน**กรณีทำท่าจะหมดสติ/ชัก (สมองถูกกดการทำงาน) เช่น ผู้ได้รับสารพิษหมดสติ ชัก ปฏิกิริยาสะท้อนกลับ (reflex) ตอบสนองไม่ดีหรือใกล้จะหลับหรือชักภายใน 30 นาทีหลังจากนี้) หรือ กินสารที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เช่น พาราควอท ถ้าเป็นยาฆ่าหญ้าพาราควอท ให้ควักดินท้องร่องหรือน้ำโคลนเหลวให้กินทันทีหรือเอาดินเหนียวละลายน้ำให้กิน-ไม่ต้องกระตุ้นอาเจียน
กินถ่านกัมมันต์แล้วต้องกินยาถ่ายออก ถ่านกัมมันต์ หรือ ถ่านปลุกฤทธิ์ ขนาดรูพรุน เป็นนาโนเมตร ปลุกด้วย ความร้อนและไอน้ำ (กายภาพ) หรือ ปลุกด้วยสารเคมี (เคมี) กินถ่านกัมมันต์แล้วต้องกินยาถ่ายออก ถ่านกัมมันต์ หรือ ถ่านปลุกฤทธิ์ ถ่านกะลามะพร้าวจากกล้องจุลทรรศน์กำลังขยายสูง (ซ้าย) ลักษณะผิวถ่านก่อนกระตุ้น (ขวา) หลังกระตุ้น
ถ้าได้รับเข้าทางหายใจ การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อได้รับพิษ(ต่อ) ถ้าได้รับเข้าทางหายใจ -เอาตัวออกพ้นไปทันทีจากบริเวณที่มีสาร แขวนลอยอยู่ในอากาศ -ปลดขยายเสื้อกางเกงให้หายใจสะดวกขึ้น -ล้วงสิ่งอุดตัน เช่น ฟันปลอมออกจากปาก *ถ้าหายใจไม่สะดวกให้ช่วยผายปอด (ระวังอันตรายเกิดกับผู้ช่วยเหลือ) ฯ
ถ้าได้รับทางผิวหนัง-นัยน์ตา การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อได้รับพิษ(ต่อ) ถ้าได้รับทางผิวหนัง-นัยน์ตา ถอดเสื้อผ้าที่สารหกรดออกทันที ณ ตำแหน่งที่สารหกรด แล้วอาบน้ำถูสบู่ทันที ล้างตา ด้วยน้ำให้สะอาดโดยปล่อยน้ำสะอาดไหลผ่านมากๆนานๆ กรอกตาไปมา ไปหาหมอ-ให้ถือกระป๋องใส่ยาฆ่าแมลงที่มีป้ายชื่อสารไปให้หมอดูด้วย (กระป๋องที่มีชื่อสารจริงๆ)
การป้องกันการเกิดพิษ ป้องกันการเข้าทางปาก ล้างมือด้วยสบู่ทันทีหลังทำงาน ไม่กินอาหารหรือสูบบุหรี่ระหว่างทำงาน ไม่วางจาน ช้อน แก้วน้ำ ภาชนะใส่อาหาร หรืออาหารใดๆไว้ภายในบริเวณที่ทำงาน
ป้องกันการเข้าทางจมูก การป้องกันการเกิดพิษ(ต่อ) ป้องกันการเข้าทางจมูก ใช้ผ้าหนาๆปิดปากและจมูก -กรองฝุ่นได้ แต่กรองก๊าซได้น้อย ใส่หน้ากากซึ่งมีที่กรองสาร-กรองก๊าซ สารระเหย ฝุ่นละเอียดได้ มีการตรวจวัดระดับสารปนเปื้อนในบรรยากาศเป็นระยะๆ ปิดเต็มหน้า ปิดครึ่งหน้า
ป้องกันการเข้าทางผิวหนังและนัยน์ตา การป้องกันการเกิดพิษ (ต่อ) ป้องกันการเข้าทางผิวหนังและนัยน์ตา -ใส่เสื้อกางเกงแขนยาวขายาว ผ้าหนาพอสมควร ในการทำงาน -หลังทำงาน ให้ถอดเสื้อผ้าที่ใส่ทำงาน ล้างมืออาบน้ำด้วยสบู่ทันที -ถ้าสารหกเลอะเสื้อผ้าให้ถอดออกเปลี่ยนทันที -หากสารหกเลอะตัวหรือผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำและสบู่ทันที -ผิวหนังบริเวณที่มีแผลหรือรอยถลอกต้องดูแลปกปิดเป็นพิเศษ -ห้ามสัมผัสสารด้วยมือเปล่า ควรสวมถุงมืออย่างหนา -หากเป็นสารน้ำ ต้องสวมถุงมือยางพิเศษที่กันสารละลายและน้ำได้ -ควรใส่แว่นตาที่ปิดมิดชิดระหว่างทำงาน -อย่าเอามือที่จับถูกสารมาขยี้ตา
เฉลยคำถาม ไม่มีสารใดๆที่ไม่มีพิษ ปริมาณเท่านั้นที่เป็นตัวกำหนด ให้สารนั้นเป็นสารพิษหรือเป็นยารักษาโรค พาราเซลซัส 1493-1541 เฉลยคำถาม
ก. ข. ง.ถูกทุกข้อ ค. คาดการณ์ความผิดพลาดที่เป็นสาเหตุการตาย อนาถชีวิตเกษตรกรสูดพิษตกค้างจากยาฆ่าแมลง นอนใหลตาย “อนาถ…ฉีดพ่นยาฆ่าแมลงใบยาสูบ เมื่อยล้า นอนพักเอาแรงกลับนอนใหลตาย น้ำลายฟูมปาก แพทย์ระบุเกิดจากสารพิษสะสมในร่างกาย ……... ที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 1 กม.พบศพนายเขียว บุญค้ำ อายุ 45 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บนส่วนพ่วงรถไถนาเดินตาม สภาพสวมกางเกงวอร์มขายาวสีเขียว เสื้อยีนแขนยาว นอนหงายน้ำลายฟูมปากมีเลือดไหลซึม ตัวแข็งทื่อ ใกล้กันมีขวดยาฆ่าแมลงและถังฉีดพ่นวางอยู่ เบื้องต้นแพทย์คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 6ชั่วโมง ….... สอบสวนนางหนูจันทร์ บุญค้ำ ภรรยาผู้ตาย ทราบว่า…..หลังจากพ่นยาฆ่าแมลงแล้วสามีได้ไปนอนพักบนตัวพ่วงรถไถ กระทั่งรุ่งเช้าไม่เห็นสามีนำใบยามาตาก จึงออกไปดู พบว่าเสียชีวิตแล้ว…..แพทย์ชันสูตรจาก รพ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า จากสภาพศพที่มีน้ำลายฟูมปาก เลือดไหล ตามลำตัวเป็นป้านแดง สอบประวัติพบประวัติการใช้สารเคมีพ่นยาฆ่าแมลงโดยไม่สวมหน้ากากป้องกัน..…” คาดการณ์ความผิดพลาดที่เป็นสาเหตุการตาย ก. ข. ง.ถูกทุกข้อ ค.
คำถาม ??
ขอบคุณและสวัสดีค่ะ kannikar@kku.ac.th