มนุษย์กับเศรษฐกิจ
สังคมกับเศรษฐกิจ สถาบันเศรษฐกิจ หมายถึง สถาบันสังคมที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมขั้นพื้นฐานของมนุษย์เพื่อความอยู่รอดสถาบันนี้มีหน้าที่หลัก 3 ประการดังนี้
2.การจำหน่ายจ่ายแจก 3. การอุปโภคบริโภค 1.การผลิต
1.การผลิต การทำหรือหาสินค้าและบริโภคเพื่อความต้องการของมนุษย์ อาหาร ยา การศึกษา คมนาคม
2.การจำหน่ายจ่ายแจก การนำสินค้าและบริการไปสู่สมาชิกของสังคมมีตลาดเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ผ่านธนาคาร พ่อค้า
3.การอุปโภคบริโภค การที่สมาชิกในสังคมกินหรือใช้สินค้าและบริการต่างๆที่ผลิตขึ้น
การบริโภคนิยม ระบบทุนนิยม โลกาภิวัฒน์เข้ามาครอบงำโครงสร้างเศรษฐกิจจนกลายเป็นเศรษฐกิจกระแสหลักปัจจุบัน จากบริษัทข้ามชาติเพื่อให้ปากท้องอิ่ม แต่หากบริโภคมากเกินไปจนเกิดความฟุ้งเฟ้อ เสียสุขภาพ
ลัทธิบูชาสินค้า เกิดจากระบบทุนนิยมที่เน้นการผลิตสินค้าและบริหารจนเลยความพอดี สินค้ากลายเป็นของศักดิ์สิทธ์ที่ทุกคนซื้อหามาครอบครอง เช่น โทรศัพท์ กระเป๋า รถยนต์
เศรษฐกิจกับแบบแผนการดำรงชีวิตของมนุษย์ การปฏิวัติเกษตรกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรม การปฏิวัติเทคโนโลยีสารสนเทศและสังคมยุคหลังอุตสาหกรรม
1.การปฏิวัติเกษตรกรรม เริ่มจากการที่ยุคแรกมนุษย์หาของป่า ล่าสัตว์ เร่ร่อนไปตามสถานที่ต่างๆเพื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ จนเมื่อประมาณ 10,000-8,000 มาแล้วมนุษย์รู้จักเพาะปลูกและใช้แรงงานจากสัตว์ จนผลิตเครื่องมือเครื่องใช้ทางการเกษตร จนสามารถเพิ่มผลผลิตได้จนเกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ 4 ประการดังนี้
การตั้งถิ่นฐานเป็นหลักแหล่ง การทำงานตามทักษะ การตั้งถิ่นฐานเป็นหลักแหล่ง การค้าขาย เทคโนโลยีการเกษตร
2. การปฏิวัติอุตสาหกรรม เกิดขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 18 เมื่อมนุษย์คิดค้นเครื่องจักรไอน้ำขึ้นมาลดการใช้แรงงานจากคนหรือสัตว์ การปฏิวัติอุตสาหกรรมนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจ 5 ประการ
การใช้พลังงานใหม่ การทำงานในโรงงาน การผลิตจำนวนมาก การทำงานเฉพาะทาง มนุษย์รับจ้างแรงงาน
การใช้พลังงานใหม่ หลังจากเจมส์วัตต์ค้นพบเครื่องจักไอน้ำแล้วสามารถทดแทนแรงงานคนได้มากถึง 100 คน
การผลิตจำนวนมาก การแปรรูปผลผลิตทางธรรมชาติมาเป็นสินค้าต่างๆทำให้มนุษย์สะดวกสะบายกว่าเดิม
การทำงานเฉพาะทาง - เป็นกระบวนการที่เป็นการผลิตในโรงงานอุตสาหรรมเปลี่ยนจากการที่คนหนึ่งคนต้องทำงานทุกระบวนการเป็นการทำงานเฉพาะอย่างซ้ำๆส่งผลให้สามารถผลิตสินค้าได้สูงขึ้นภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
มนุษย์รับจ้างแรงงาน จากเดิมที่เราเคยทำงานที่ครัวเรือนได้เปลี่ยนมารับจ้างขายแรงงานในโรงงานอุตสาหกรรม ทำงานรายวัน รายเดือน บุคคลที่ทำงานด้วยกันลูกจ้างและนายจ้างมีความสัมพันธ์กันตามบทบาทหน้าที่
3. การปฏิวัติเทคโนโลยีสารสนเทศและสังคมยุคหลังอุตสาหกรรม เดิมทีที่สังคมต้องพึ่งพาเครื่องยนต์และเทคโนโลยีสูง เช่น คอมพิวเตอร์ ระบบฐานข้อมูล การใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศมาใช้ทำให้สามารถลดการจ้างแรงงานในโรงงานอุตสาหกรรม เช่น ธนาคาร โฆษณา ประชาสัมพันธ์
การปฏิวัติอุตสาหกรรมนำไปสู่กิจกรรมทางเศรษฐกิจ 3 ประการ การผลิตนวัตกรรมจากองค์ความรู้ การใช้ทักษะการสื่อสาร การทำงานที่ไม่จำกัดสถานที่
การผลิตนวัตกรรมจากองค์ความรู้ เมื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อการอุปโภคบริโภคต่างๆที่เห็นและจับต้องได้เพื่อตอบสนองความสบาย วิทยุ โทรทัศน์ รถยนต์ การเงิน การธนาคาร ล้วนอาศัยข้อมูลสารสนเทศ ซึ่งมีผลเป็นอย่างมากต่อวิถีชีวิตในอนาคต
การใช้ทักษะการสื่อสาร การทำงานในสังคมอุตสาหกรรมเน้นการใช้ทักษะฝีมือ แต่การทำงานในสังคมสารสนเทศเน้นไปที่การสื่อสารที่ใช้ภาษา อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น
การทำงานที่ไม่จำกัดสถานที่ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้สามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา
ระบบเศรษฐกิจในโลกปัจจุบัน 1. ระบบทุนนิยม คือ ระบบเศรษฐกิจที่ให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ดังนี้ เอกชนเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต : ที่ดิน เงินทุน แรงงานดังนั้นเอกชนจึงมีสิทธิเสรีภาพในการจัดการทรัพย์สินของตน การแสวงหาผลกำไร: ระบบทุนนิยมยอมรับว่าการแสวงหาผลกำไรเพื่อเป็นแรงจูงใจในการทำธุรกิจ เอกชนพยามหาวิธีใหม่ๆเพื่อลดต้นทุนและขยายกิจการ การแข่งขันและเสรีภาพของผู้บริโภค: ผู้บริโภคมีทางเลือกในการซื้อสินค้าตามความพอใจแต่ถ้าหากผู้ผลิตรวบกิจการบางครั้งอาจเกิดการควบคุมสินค้าในทางอ้อมได้ กลไกการตลาด: อุปสงค์ อุปทาน บทบาทของรัฐ: รัฐบาลไม่เข้าไปแทรกแซงหรือควบคุมเศรษฐกิจโดยตรง สร้างเสถียรภาพให้ระบบทุนนิยมเติบโต
ข้อดี ข้อเสีย - เอกชนมีแรงจูงใจในการลงทุน - ทรัพยากรถูกนำมาใช้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ - สินค้ามีคุณภาพและราคาถูก - เจ้าของปัจจัยการผลิตมีเสรีในการใช้ปัจจัยที่ตนครอบครอง - เกิดการกระจายรายได้เฉพาะกลุ่มบุคคล - เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง - ธุรกิจขนาดใหญ่สามารถผูกขาดสินค้า
2. ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม คือ ระบบเศรษฐกิจที่ให้รัฐบาลเป็นผู้ดำเนินธุรกิจในทุกด้านทั้งสินค้าและบริการ ดังนี้ การถือครองกรรมสิทธิร่วมกันในทรัพย์สิน : รัฐบาลเป็นถือว่าที่ดิน เงินทุน เครื่องจักรเป็นทรัพย์สินส่วนกลางรัฐมีหน้าที่บริหารให้เกิดประโยชน์สูงสุด การไม่แสวงหาผลกำไร : การแสวงหากำไรจากธุรกิจถือเป็นความโลภเป็นสิ่งต้องห้ามระบบเศรษฐกิจเพื่อบริการสังคมส่วนรวม รัฐเป็นผู้ควบคุมในระบบเศรษฐกิจ : รัฐเป็นผู้วางแผนเศรษฐกิจของชาติทั้งหมด วางแผน ผลิต แจกจ่าย ตั้งราคา เอกชนสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กแต่ราคาต้องเป็นไปตามที่รัฐกำหนด
ข้อดี ข้อเสีย - เกิดการกระจายรายได้ที่เป็นธรรม - ประชาชนได้รับสวัสดิการจากรัฐบาลทั่วถึงและเพียงพอ - ขาดแรงจูงใจในการลงทุน - ไม่มีเสรีภาพในการทำงาน - รัฐบาลเก็บภาษีในอัตราสูง
3. ระบบเศรษฐกิจแบบผสม คือ ระบบเศรษฐกิจที่เกิดจากการผสมผสานของทุนนิยมและสังคมนิยม ข้อดี ข้อเสีย - การกระจายของรายได้และทรัพยากรเป็นธรรม - ผู้แรงงานได้อัตราค่าจ้างตามความสามารถ - เอกชนมีบทบาทในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น - ผู้บริโภคสามารถเลือกสินค้าและบริการได้ตามต้องการ - รัฐบาลไม่สามารถสั่งการแบบรีบด่วนได้ - การวางแผนจากรัฐเพื่อให้เอกชนดำเนินการหรือปฏิบัติตามเป็นไปได้ยาก - การดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรัฐเป็นไปได้ยาก
4. รัฐสวัสดิการ เป็นระบบทางสังคมที่รัฐให้หลักประกันแก่ประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมกันในด้านปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการมีคุณภาพชีวิตที่ดี เช่น หลักประกันด้านสุขภาพ ทุกคนมีสิทธิ์ได้รับบริการป้องกันและรักษาโรคฟรี หลักประกันด้านการศึกษา ทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาตามความสามารถโดยได้รับทุนการศึกษาฟรีจนทำงานได้ตามความสามารถในการเรียน หลักประกันด้านการว่างงาน รัฐต้องช่วยให้ทุกคนได้งานทำ ใครยังหางานไม่ได้รัฐต้องให้เงินเดือนขั้นต่ำไปพลางก่อน หลักประกันด้านชราภาพ รัฐให้หลักประกันด้านบำนาญสำหรับผู้สูงอายุทุกคน หลักประกันด้านที่อยู่อาศัย ที่ดินทำกิน เป็นต้น
ข้อดี ข้อเสีย - การกระจายของรายได้และทรัพยากรเป็นธรรม - สวัสดิการพื้นฐานเท่าเทียมกัน - ผู้บริโภคสามารถเลือกสินค้าและบริการได้ตามต้องการ - รัฐบาลรับภาระมาก - อัตราภาษีสูง คนที่มีรายได้สูงรู้สึกเสียเปรียบ ขาดการแข่งขันทำธุรกิจ
5. ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมโดยรัฐ หรือทุนนิยมโดยวิถี ระบบแบบนี้เน้นที่ความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างรัฐและเอกชน รัฐบาลเข้ามามีส่วนช่วยให้เอกชนมีโอกาสทางธุรกิจ ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย
งานเดี่ยว ให้วิเคราะห์และแสดงความคิดเห็นในประเด็นที่ว่า “ ประเทศไทยเหมาะกับระบบเศรษฐกิจแบบใดมากที่สุด ”
งานกลุ่ม ให้นิสิตศึกษาค้นคว้าและนำเสนอเกี่ยวกับการเมืองการปกครองในยุคสมัยต่างๆ ดังหัวข้อต่อไป สมัยการปกครองของไทยแบบจารีตประเพณี (สมัยสุโขทัยมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น 1781-2394) สมัยการปกครองของไทยแบบตะวันตก (รัชกาลที่ 4 –รัชกาลที่ 7) สมัยประชาธิปไตยแบบอมาตยาธิปไตย (หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง – สิ้นสุดอำนาจของจอมพล ป. พิบูลสงคราม) สมัยประชาธิปไตยในยุคทหารและนายทุน (จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ – ก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516) สมัยประชาธิปไตย ยุค หัวเลี้ยวหัวต่อ (2516 – 2535) สมัยประชาธิปไตยยุคปฏิรูปการเมือง (2535-ปัจจุบัน)
รูปแบบการนำเสนอ นำเสนอเป็น Power Point ปรินท์ไฟล์ Power Point ส่ง 1 ชุด นำเสนอเนื้อหาให้ครบถ้วน พร้อมถึงวิเคราะห์ จุดเด่นจุดด้อย ของการเมืองการปกครองในแต่ละรูปแบบ การนำเสนอ ให้นำเสนอทั้งกลุ่ม ต้องมีส่วนร่วมในการนำเสนอทุกคน (มีคะแนนในส่วนนำเสนอด้วย) ส่งแผ่น ซีดีไฟล์ นำเสนอ 1 แผ่น