วิธีการตีเส้นโครงสร้างพื้น ที่เป็นแบบแผ่นพื้นสำเร็จและติดตั้งผนังหล่อสำเร็จภายในและภายนอก

คำนำ รายงานเรื่องนี้เป็นได้รวบรวมวิธีการตีเส้นโครงสร้างพื้นที่เป็นแบบแผ่นพื้นสำเร็จและติดตั้งผนังหล่อสำเร็จภายในและภายนอกเท่านั้น เนื้อหาหลักจะแบ่งเป็นการตีเส้นก่อนเท และหลังเท วิธีการตีเส้นโครงสร้างพื้นที่เป็นแบบแผ่นพื้นสำเร็จและติดตั้งผนังหล่อสำเร็จภายในและภายนอก มุ่งเน้นให้ตีเส้นเพื่อการติดตั้งแผ่นผนังสำเร็จเมื่อตีเส้นเสร็จแล้วน้อยนักที่ต้องกลับมาตีเส้นที่พื้นอีกครั้ง จึงควรมีการวางแผนการก่อนทั้งก่อนและหลังเทเพื่อความถูกต้องและสมบูรณ์ของเส้น ทั้งนี้วิธีการที่รวบรวมมานี้เป็นเพียงการรวบรวมข้อมูลที่เคยทำมาจากSiteงานD-Condo ,Rainหัวหิน หากมีการปรับปรุงชิ้นงานและรูปทรงและวัสดุที่ใช้ไม่เหมือนเดิม ก็หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย

สารบัญ เรื่อง หน้า 1.บทนำ 1-4 2. การตีเส้นก่อนเท 5-13 เรื่อง หน้า 1.บทนำ 1-4 2. การตีเส้นก่อนเท 5-13 3.การตีเส้นหลังเท 14-18

บทนำ 1 วิธีการตีเส้นโครงสร้างพื้นที่เป็นแบบแผ่นพื้นสำเร็จและติดตั้งผนังหล่อสำเร็จภายในและภายนอก มีข้อแตกต่างจากแบบพื้น Post คือ 1.1 พื้นสำเร็จ มีลักษณะเป็นแผ่น วางครบห้องครบแถวมีหลายแผ่นหลายขนาด และเนื่องจากเป็นแผ่นพื้นสำเร็จรูปการเจาะBlockดิ่ง อาจทำให้แผ่นเสียความแข็งแรง ได้

1.2 การให้ระดับเทพื้นต้องให้มีการตรวจสอบอย่างดี และแม่นยำในการทำค่าระดับพื้นเพราะเมื่อวางพื้นสำเร็จต้องเท Toping พื้นปิด เพื่อทำพื้นชั้นต่อไป 2

3 1.3. มีระบบห้องน้ำสำเร็จที่ต้องทำKicker ซึ่งต้องตีเส้นและให้ระดับ

2.วิธีการตีเส้นก่อนเท 4 กรณีแผ่นพื้นที่จะวางห้องน้ำและระเบียง 2.1 เริ่มจากการตีเส้นเพื่อ lock ชิ้นงานที่สำคัญ ได้แก่ คานสำเร็จ แผ่นพื้นที่จะวางห้องน้ำ และระเบียง ซึ่งมีความสำคัญกับแนวท่อที่จะขึ้นต่อเนื่อง การตีเส้นนั้นอ้างอิงระยะจากBase Line กรณีแผ่นพื้นที่จะวางห้องน้ำและระเบียง เส้นขอบชิ้นงานตีไว้บนCorbel

ทำที่ Lock แผ่นพื้น โดยเจาะเหล็กØ12-16มม. ลึกประมาณ 10ซม ทำที่ Lock แผ่นพื้น โดยเจาะเหล็กØ12-16มม.ลึกประมาณ 10ซม.สูงจากCorbel 5 ซม. ตามตำแหน่งที่จะยึดแผ่นพื้นที่ โดยตำแหน่งจุดนั้นต้อง Combie กับแบบงานสถาปัตถ์ เพราะเมื่อวางแผ่นพื้นแล้วท่อที่อยู่ในแผ่นจะตรงกับตำแหน่งท่อที่จะใช้งานจริง 6

ติดตั้งI-Beam 150 มม. ยันด้านข้างแผ่นCorbel

ช่องLockควรมีความกว้างกว่าเหล็กที่ใช้ยึด 28-30มม 4-5 มม.

ตำแหน่งlockแผ่นมีอยู่ 2 ตำแหน่งต่อแผ่น

กรณีคานสำเร็จ ใช้เส้น Offset Pc.wall วัดระยะมาใช้ในขณะติดตั้งแบบรองรับคาน ส่วน Offsetที่เสาช่างไม้นำระดับน้ำยาวถ่ายแนว ควรเผื่อระยะคานสำเร็จอาจบิด ไม่ได้ฉาก ล้มออกมาอยู่ในแนว Pc.wall 7 ดิ่งCheckคานอีกครั้งเมื่อวาง

8 วางแผ่นละจัดแผ่นให้เรียบร้อย

9 ตำแหน่ง Block ดิ่ง 2.2 ดิ่งเส้นเพื่อตีเส้น Base line, Dropพื้น, แนวขอบข้าง อุปกรณ์+วิธีการดิ่ง 1. Laserฉาก 2.ลูกดิ่ง - ดิ่งเส้น Offset base line จากพื้นด้านล่าง ซึ่งต้องมีการกำหนดตำแหน่งBlockดิ่งถ่ายเส้นขึ้นมา เนื่องจากเมื่อเทพื้นปิดไปแล้วจะไม่สามารถหาเส้นได้จึงจำเป็นต้องBlock ช่องดิ่งไว้ ขนาดประมาณ 20x20ซม. - เนื่องจากลดความเสียหายที่ต้องเจาะBlockดิ่งที่แผ่นสำเร็จ - Block Base lineควรเปิดมุมที่Corridor เส้นBase lineจะได้ต่อเนื่อง เพราะถ้าหากสร้าง Block Base line ไว้ในห้อง เมื่อปิดแผ่นผนังกั้นห้องทำให้เส้นที่จะใช้อ้างอิงขาดความต่อเนื่องและสั้นเกินไปที่จะใช้อ้างอิง ช่วงCorridorจึงเหมาะที่จะใช้ทำเพราะโล่งกว่าไม่มีผนังสำเร็จมาบัง

10 สำหรับวิธีการเทแบบพื้นสำเร็จหรือ Hollow Core สามารถขึ้นLine Block ดิ่งแบบมุมฉาก 3 จุดได้ตามช่องรอยต่อแผ่นต่อแผ่น หรือขึ้นแนวทีละข้าง เพราะไม่ต้องการเจาะแผ่นให้เสียหาย ต่างกับแบบพื้นPost. ที่ขึ้นBlockดิ่งได้3-4block - เมื่อถ่ายเส้นตามจุดดิ่งเส้นขึ้นมาแล้ว ทำการขึงแนวเอ็นจุดนั้นๆพ่นสเปรย์ ตามแนวเอ็นดีดเส้นเต๊า ถ้าในช่วงเย็นหรือค่ำควรใช้เลเซอร์ช่วงในการตีเส้น - เมื่อถ่ายเส้น ดีดเต้าเป็นแนวจะได้เส้นตัดกัน สามารถเช็คฉากว่าได้ฉากหรือไม่โดยใช้เทปยาวดึงระยะตามกฎปิทาคอรัส หรือใช้เลเซอร์เช็คฉาก ดึงระยะต่อความยาวรวมของ Offset Base lineถึง Offset Base line ในZoneนั้น แล้วซอยระยะ ตามOffset Grid lineเสาแต่ละต้นเพื่อนำไปทำเส้น Drops , Sharp, Corridor *ต้องแน่ใจว่าแผ่นพื้นต้องไม่ขยับจัดใหม่อีกถึงจะขึ้นLineได้

11 ตีเส้นDropห้องน้ำ 2.3 ตีเส้นDropห้องน้ำ และOffsetแบบข้าง

12 จะเห็นจากภาพว่า แบบข้างเสมือนระดับเทคอนกรีตไปในตัว ซึ่งสามารถใช้อลูมิเนียมกล่อง รูดทำระดับเทได้

12 2.4 ให้ระดับแบบลอย+และปรับระดับแบบข้างอีกครั้ง เช็คระยะแบบลอยก่อนเทอีกครั้ง

13 2.5 checkระดับระหว่างเท อีกครั้ง ถ้าระดับไม่ได้อาจจะเกิดเนื่องจากรูดอลูมิเนียมระดับขณะคอนกรีตยังเหลวต้องรูดหลายรอบโดยใช้กล้องระดับช่วย

3.วิธีการตีเส้นหลังเท 14 3.1 ตีเส้นBase Line

15 ปกติแล้วชุดSurveyต้องออกมาทำงานช่วงประมาณ 6.00-7.00 เฉพาะวันที่ต้องตีเส้น Base line เพื่อเตรียมตีเส้นล่วงหน้า ช่วงเวลาเริ่มงานควรมีลักษณะพอมีแสงตอนเช้าให้เห็นไม่ใช่ยังมืดยังครึ้ม ทั้งนี้เกี่ยวกับทัศนวิสัยมอง สิ่งที่ต้องมีให้กับ Survey - ช่างไม้-แกะแบบลอย แกะBlockดิ่งดิ่งเส้น - ลิฟต์ ขนส่งกรณีชั้นที่สูงๆ ต้องขนอุปกรณ์Survey ในการดิ่งเส้นBase Line ต่างกับวิธีอื่นๆ คือมักเทเป็นZone มีหลายZoneมากกว่า จึงทำได้โดย 3.1.1. ตั้งกล้องดิ่งที่ รูบล็อกดิ่งเส้น ซึ่งกำหนดในKey Plan ว่ามีกี่รู ปกติว่าใช้2รูดิ่ง เช่นใช้ Block1 และ Block1.1(เป็นจุดอ้างอิงได้ฉากหรือไม่เท่านั้นเพราะระยะสั้นไม่เหมาะใช้Backเส้น) Back จุด Block2(Block2เป็นZoneที่ยังไม่ได้ทำพื้น จึงใช้ Back จุดเท่านั้น) ตามภาพ 3.1.2.ถ่ายเส้นโดยใช้กล้องTheodoliteแบบเลเซอร์ปรับแสงได้หรือติดอุปกรณ์ดิ่ง แปะเทปกาวที่Blockดิ่ง ชั้นนั้นๆ ดิ่งเส้นโดยใช้ ว. สื่อสาร markที่ตำแหน่งจุดดิ่งบนเทปกาว ดิ่ง 2 Block ตามภาพ 2.1.3.นำกล้องไปตั้งบนผ้าเทป ตั้งกล้องที่ตำแหน่งจุด1แล้ว backมุมยังจุด2เปิดหาจุด1.1 ตีเส้น ส่องดูว่าได้ฉากหรือไม่ ถ้าได้ฉากสามารถขึ้นlineตัวอาคาร ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะเช็คดูระยะแนวฉากที่กล้องเปิดเทียบกับจุดที่ดิ่งมาเพี้ยนบิดไปมากหรือไม่ โดยปกติควรบิดไม่เกิน 3 มม. จากตำแหน่งBlockดิ่งถึงBlockดิ่ง

16 -ดึงระยะเช็ค ทั้ง 2ด้าน ไม่ควรเกิน 3 มม. ถ้าถูกต้องก็สามารถซอยแบ่ง Offset Grid lineได้ - ตำแหน่ง Block ดิ่งควรเปลี่ยนทุก 5 ชั้น ในช่วงที่ดิ่งภายในชั้นนั้นๆควรยึดเส้นเพียงชั้นเดียวเป็นเส้นอ้างอิงคือดิ่งจากชั้น 1 ไปหาทุกชั้นในรอบดิ่ง นั้นๆ 3.2 ตีเส้นชิ้นงานและOffsetชิ้นงาน 3.3 ตีเส้น Offset Pc.wall 3.4 ทำเส้นระดับOffset floor finish(OFFL.) 2 3 2.1 3.1 *Blockสีแดง 1.1,2.1,3.1ใช้Testว่าได้ฉากหรือไม่เท่านั้นไม่ควรใช้backเป็นline 1.1 1

17 3.5 ตีเส้นทำKicker ห้องน้ำและเสา 3.6 ให้ระดับแบบKicker+ ระดับเทKicker 3.6 ให้ระดับCorbelหรือระดับหัวเสา

18 เมื่อติดตั้งชิ้นงานทั้งหมด จึงเริ่มขบวนการใหม่ตามข้อ 2