03760491 ระเบียบวิธีวิจัยทางการบัญชีบริหาร Research Methods in Managerial Accounting สมบูรณ์ สาระพัด เติมศักดิ์ สุขวิบูลย์ คณะวิทยาการจัดการ 6 : 15 ก.ย. 60
หัวข้อบรรยาย ความหมายการวิจัยทั่วไป ความหมายการวิจัยทางธุรกิจ ประเภทของการวิจัย มิติต่างๆ ของการวิจัย จรรยาบรรณการวิจัย คุณค่าการวิจัยต่อธุรกิจ บทบาทการวิจัยกับการจัดการทางธุรกิจ
ความหมายการวิจัยทั่วไป “Research” การค้นคว้าหาสิ่งใดสิ่งหนึ่งหลายๆ ครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกระทั่งมั่นใจว่า ค้นพบข้อเท็จจริงที่สามารถจะคาดการณ์ ทำนายและอธิบายในเรื่องนั้นๆ ได้อย่างถ้วนถี่และเชื่อถือได้ การวิจัยรากศัพท์ละติน Re + Search Research Again + Cercier อีกครั้งช้าๆ การค้นคว้า/แสวงหา
“การวิจัยเป็นการค้นคว้าเพื่อหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนตามหลักวิชา” ความหมายการวิจัยทั่วไป OXFORD Advanced Learner’s Dictionary (1994 :1073) ที่เสนอว่า การวิจัย มาจากคำว่า Research ที่ระบุความหมายว่า “Careful Study and Investigate” ที่หมายถึง การวิจัยเป็นการศึกษาและการสืบค้นความรู้อย่างใดอย่างหนึ่งด้วยความระมัดระวังอย่างละเอียดถี่ถ้วน พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน (2546) กำหนดให้ความหมายการวิจัย 2 ประเด็นคือ “การวิจัยเป็นการค้นคว้าเพื่อหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนตามหลักวิชา” “การวิจัยเป็นการสะสมและรวบรวม” การวิจัย หมายถึง การศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์หรือทดลองอย่างมีระบบ โดยใช้อุปกรณ์หรือวิธีการ เพื่อค้นหาข้อเท็จจริง หรือค้นหาหลักการสำหรับนำไปใช้ตั้งกฎ ทฤษฏีหรือแนวทางปฏิบัติ (สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ,2547 :45)
ความหมายการวิจัยทั่วไป พจนานุกรม Webster’s New Twentieth Century Dictionary (1966) ให้คำจำกัดความ “Research” - การสอบสวน/ตรวจสอบในความรู้สายใดสายหนึ่งอย่างระมัดระวัง อดทน อย่างเป็นระบบ ระเบียบและขันแข็งเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริง และกฎเกณฑ์ต่างๆ - การแสวงหาความจริงอย่างคร่ำเคร่งและต่อเนื่อง Williams and Stevenson (1963) ให้ความหมาย Research ว่า “การค้นหาโดยวิธีครุ่นคิด/การแสวงหาอย่างคร่ำเคร่ง เพื่อให้เกิดความแน่นอน” Plutchick (1968) ให้ความหมายในทำนองว่า การวิจัยเป็นการ สำรวจเพื่อให้เข้าใจธรรมชาติได้ดีขึ้น ซึ่งจะมีส่วนประกอบ 2 อย่าง : - การพยายามอย่างเข้มแข็งที่จะค้นหาข้อเท็จจริงใหม่ - การพยายามจัดระเบียบข้อเท็จจริงที่ค้นพบให้เป็นแบบแผนที่มีความหมาย
ความหมายการวิจัยทั่วไป Best and Khan (1998 : 18) คือ การวิเคราะห์และบันทึกการสังเกตภายใต้การควบคุมอย่างเป็นระบบระเบียบและเป็นปรนัยที่จะนำไปสู่การสร้างทฤษฎี หลักการหรือการวางนัยทั่วไปโดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ การวิจัย หมายถึง การใช้ความรู้พื้นฐานที่มีอยู่สำหรับการศึกษา ค้นคว้าความรู้ใหม่ด้วยวิธีการที่เป็นระบบ มีการทดสอบสมมติฐานที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้ความรู้ที่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ (Burns and Grove, 1997 : 3) Kerlinger (1986) ให้ความหมายของ “การวิจัย” ว่า การวิจัยเป็นการไต่สวนสืบค้นปรากฏการณ์ตามต่างๆ ธรรมชาติอย่างมีระบบ มีการควบคุม มีการสังเกตการณ์จริงและการวิพากษ์วิจารณ์ โดยใช้ทฤษฎีและสมมติฐานเป็นแนวทางค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างปรากฏการณ์นั้น Schumacher และ Mcmillan (1993) อธิบายถึง “การวิจัย” ว่า การวิจัยเป็นกระบวนการเชิงระบบในการรวบรวมข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างสมเหตุสมผลเพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง
บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์ (2540) ให้ความหมาย “การวิจัย” ว่า ความหมายการวิจัยทั่วไป บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์ (2540) ให้ความหมาย “การวิจัย” ว่า กระบวนการค้นคว้าหาข้อเท็จจริงหรือปรากฏการณ์ตามธรรมชาติอย่างมีระบบ และมีจุดมุ่งหมายที่แน่นอนเพื่อให้ได้ความรู้ที่เชื่อถือได้ - การศึกษาค้นคว้าหาข้อเท็จจริง = ผู้วิจัยต้องค้นคว้าให้ได้มาทั้งข้อเท็จและ ข้อจริง ศึกษาค้นคว้าครบถ้วนทุกแง่ทุกมุมทั้งข้อสนับสนุนและข้อคัดค้าน - การศึกษาค้นคว้าต้องทำเป็นระบบระเบียบเป็นขั้นตอนมีเหตุมีผล = วิธีทางวิทยาศาสตร์ - การศึกษาค้นคว้าต้องเป็นการกระทำที่มีจุดมุ่งหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง/หลายอย่างผสมกัน สุชาติ ประสิทธิรัฐสินธุ์ (2540) ให้ความหมาย การวิจัย ว่า กระบวนการแสวงหาความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในสิ่งที่ต้องการศึกษาโดยที่มี…- การเก็บรวบรวมข้อมูล - การจัดระเบียบข้อมูล - การวิเคราะห์ข้อมูล - การตีความหมายผลการวิเคราะห์ ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบอันถูกต้อง กระบวนการ = กิจกรรมต่างๆ ที่ได้กระทำขึ้นโดยมีความเกี่ยวโยงต่อเนื่องกันอย่างมีระบบเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมาย
ความหมายการวิจัยทั่วไป ในที่ประชุม Pan Pacific Science Congress ปี1961 ประเทศสหรัฐ ได้มีการอธิบายถึงความหมายคำว่า “ R E S E A R C H ” R = Recruitment and Relationship E = Education and Efficiency S = Science and Stimulation E = Evaluation and Environment A = Aim and Attitude R = Result C = Curiosity H = Horizon
ความหมายการวิจัยทั่วไป R = Recruitment and Relationship การฝึกฝนให้คนมีความรู้ การรวบรวมผู้ที่มีความรู้เพื่อปฏิบัติงานร่วมกัน รวมทั้งการติดต่อสัมพันธ์และประสานงานกัน E = Education and Efficiency ผู้วิจัยจะต้องมีการศึกษา มีความรู้และมีสมรรถภาพสูงในการวิจัย S = Science and Stimulation การวิจัยเป็นศาสตร์ที่ต้องพิสูจน์ค้นคว้าเพื่อหาความจริงโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และผู้วิจัยต้องมีความคิดริเริ่ม การกระตือรือร้นที่จะศึกษาวิจัย E = Evaluation and Environment ผู้วิจัยต้องรู้จักการประเมินคุณค่าของผลงานวิจัยประโยชน์มาก/น้อย และต้องรู้จักใช้เครื่องมือ อุปกรณ์และอาจรวมถึงกำลังคนในการวิจัยอย่างเหมาะสม
ความหมายการวิจัยทั่วไป A = Aim and Attitude การวิจัยจะต้องมีจุดมุ่งหมาย/เป้าหมายที่แน่นอนและผู้วิจัยต้องมีทัศนคติที่ดีต่อการวิจัยตั้งแต่เริ่มปฏิบัติ และติดตามผลการวิจัย R = Result ผลการวิจัยที่เกิดขึ้นจะต้องยอมรับกันอย่างดุษฎี เพราะเป็นผลที่ได้จากการค้นคว้า ศึกษาอย่างมีระบบระเบียบที่ดีและถูกต้อง C = Curiosity ผู้วิจัยต้องมีความอยากรู้อยากเห็น ความสนใจ ความสงสัยและขวนขวายในการศึกษาวิจัยตลอดเวลา H = Horizon ผลงานการวิจัยย่อมทำให้ทราบและเข้าใจถึงปัญหาต่างๆ ซึ่งเสมือนกับเกิดแสงสว่าง หากการวิจัยยังไม่บรรลุผลจะต้องหาทางศึกษาค้นคว้าต่อไปจนสำเร็จ
การวิจัยทางธุรกิจ ---> Business Research ความหมายการวิจัยธุรกิจ การวิจัยทางธุรกิจ ---> Business Research เป็นกระบวนการศึกษาค้นคว้าที่มีระบบ ระเบียบอย่างถูกต้องตามวิธีทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้เกิดผลตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ โดยปราศจากการอคติ และมีประสิทธิภาพ ผลวิจัยสามารถนำมาเป็นเครื่องมือในกระบวนการตัดสินใจ/การแก้ไขปัญหาการบริหารทุกลักษณะของธุรกิจ Zikmund (2000) ให้ความหมาย “การวิจัยทางธุรกิจ” ว่า การรวบรวมข้อมูล / สารสนเทศที่มีกระบวนการอย่างเป็นระบบระเบียบและมีวัตถุประสงค์ : - การรวบรวม (Gathering) - การบันทึก (Recording) - การวิเคราะห์ข้อมูล (Analyzing Data) ทั้งนี้เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
ความหมายการวิจัยธุรกิจ Cooper และ Schindler (2003) อธิบายความหมายว่า เป็นระบบที่มีจุดประสงค์เกี่ยวกับการจัดเตรียมหาข้อมูล คำแนะนำเพื่อที่จะใช้ในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับการจัดการ นราศรี ไววนิชกุล และชูศักดิ์ อุดมศรี (2542) ได้ให้ความหมาย “การวิจัยธุรกิจ” หมายถึง การศึกษาค้นคว้าถึงความจริงเกี่ยวกับธุรกิจด้วยวิธีการที่มีหลักเกณฑ์ (Scientific Method) ถูกต้องตามระบบที่มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ธุรกิจดำเนินงานบรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ สถานการณ์ที่ใช้วิจัยทางธุรกิจ ตั้งแต่… การวิจัยทางการจัดการ การตลาด การเงิน การบัญชี การผลิต ตลอดจนเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ และการวิจัยทางสังคมศาสตร์อื่นที่เกี่ยวข้อง
ลักษณะจุดมุ่งหมายการวิจัย 1. การวิจัยมีเป้าหมายเพื่อมุ่งหาคำตอบ เพื่อนำมาใช้แก้ปัญหา โดยศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่มีความเป็นเหตุและเป็นผลซึ่งกันและกันอย่างชัดเจน 2. การวิจัยเป็นการสรุปผล หลักเกณฑ์และทฤษฎีที่ใช้ในการคาดคะเนเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หรือเป็นการศึกษาข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างเพื่อนำผลสรุปอ้างอิงไปสู่ประชากร 3. การวิจัยเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูล หรือปรากฏการณ์ที่สังเกตได้มาใช้ในการสรุปผล โดยปัญหาบางปัญหาไม่สามารถทำการวิจัยได้เนื่องจากไม่สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลได้
แนวคิดพื้นฐานการวิจัย 1. กฎเหตุและผลของธรรมชาติ (Deterministic Law of Nature) เป็นแนวคิดที่ระบุว่า ปรากฏการณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นจะสามารถแสวงหาสาเหตุที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์นั้นได้เสมอ ๆ หรือ เมื่อกำหนดสถานการณ์ใดที่เป็นสาเหตุย่อมจะหาผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้เช่นเดียวกัน 2. กฎความเป็นระบบของธรรมชาติ (Systematic Law of Nature) เป็นแนวคิดที่ระบุว่า ปรากฏการณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นตามกฎของเหตุและผลของธรรมชาติจะมีรูปแบบของความสัมพันธ์ของตัวแปรที่ค่อนข้างจะชัดเจน เช่น y = f (x) หรือ y = ax+b เป็นต้น ผู้วิจัยจะนำรูปแบบดังกล่าวไปใช้อธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทั่ว ๆ ไปได้ 3. กฎความสัมพันธ์ของธรรมชาติ (Associative Law of Nature) เป็นแนวคิดที่ระบุว่า การเกิดปรากฏการณ์ใด ๆ ที่แตกต่างกันนั้น จะมีความมากน้อยของตัวแปรที่เป็นสาเหตุและตัวแปรผลที่แตกต่างกัน 4. กฎองค์ประกอบหลักของธรรมชาติ (Principle Component of Nature) เป็นแนวคิดที่ระบุว่า ตัวแปรสาเหตุและตัวแปรผลที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เป็นความสัมพันธ์เชิงเดี่ยว แต่จะมีตัวแปรอื่น ๆ (ตัวแปรแทรกซ้อน/สอดแทรก) ที่มักจะมาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ ๆ 5. กฎความน่าจะเป็นของธรรมชาติ (Probabilistic Law of Nature) เป็นแนวคิดที่ระบุว่า ความรู้/ความจริงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจะเป็นผลลัพธ์ของปรากฏการณ์ที่มีความน่าจะเป็นในการเกิดขึ้นที่ค่อนข้างสูง
การวิจัยทางการบัญชี
ภาระหน้าที่/บทบาทของผู้บริหาร การตัดสินที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ (ข้อมูล) สภาพแวดล้อม PEST รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล (Scenario) แนวทางหรือ ทางเลือก ที่ดีที่สุด ปัญหา/โอกาส ทางการเงิน/บัญชี สภาพแวดล้อม ภายในองค์การ การเงิน การบัญชี การบริหาร แผนการทาง การเงิน-บัญชี ข้อมูลย้อนกลับ นำแผนสู่ภาคปฏิบัติ ประเมินผล
คุณค่าของการมีทักษะการวิจัย เพื่อเป็นการรวบรวมสารสนเทศ/ข้อมูลต่างๆ ก่อนลงมือในการปฏิบัติงาน ซึ่งสามารถป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น เพื่อสามารถใช้ในการศึกษาวิจัยและแสวงหาความรู้ระดับสูงที่มีความลึกซึ้ง ต่อไป เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจในการออกแบบวิจัย ขั้นตอนและกระบวน การวิจัย เพื่อสามารถประเมินและแก้ปัญหาทางการบริหารในองค์กรอย่างถูกต้องและ รวดเร็ว เพื่อสร้างอาชีพเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการวิเคราะห์ วิจัยและการตรวจสอบทางการบัญชี หรือการวิจัยด้านต่างๆ เพื่อเป็นคนช่างสังเกตและละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของนักบัญชีและการเงิน
ความสำคัญของการวิจัยกับการบัญชี ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี (6 กลุ่มตามพระราชบัญญัติวิชาชีพการบัญชี พ.ศ. 2547) มีภาระหน้าที่ตามบทบาทที่ได้รับมอบหมาย ในทุกหน่วยงานจะต้องมีผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีอย่างน้อยหนึ่งด้านเพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนการบริหารจัดการด้านการจัดทำงบการเงินเพื่อใช้ในการบริหารงานรวมทั้งนำเสนองบการเงินต่อบุคคลภายนอก งานบัญชีจึงเป็นเสมือนจุดศูนย์กลางของทุกหน้าที่งานเพราะจำเป็นต้องใช้ข้อมูลจากทุกหน่วยงานในองค์การ สารสนเทศที่ได้จากระบบงานด้านบัญชีใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจเพื่อปรับปรุงการดำเนินงาน ผลลัพธ์ของการตัดสินใจที่ดีส่วนหนึ่งจึงเป็นผลมาจากการมีสารสนเทศทางการบัญชีที่รวดเร็ว ถูกต้อง น่าเชื่อถือ เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ
ความสำคัญของการวิจัยกับการบัญชี คุณภาพของสารสนเทศด้านบัญชีการเงินและบัญชีบริหารเป็นผลมาจากทั้งปัจจัยภายในเช่น ความสามารถของกิจการในการบริหารจัดการ ทั้งทางด้านงบประมาณ วัสดุ อุปกรณ์ บุคลากร วัฒนธรรมองค์การ ตลอดจนปัจจัยภายนอกเช่น ความซับซ้อนของธุรกรรมต่างๆ การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เป็นต้น ในทางปฏิบัติ ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีกลุ่มต่างๆ ย่อมเผชิญกับปัญหาต่างๆ ทำให้จำเป็นต้องอาศัยองค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษา ค้นคว้า อย่างเป็นระบบ หรือที่เรียกว่าการวิจัย เพื่อเป็นข้อสนเทศที่สำคัญในการพัฒนาวิชาชีพให้เจริญก้าวหน้า เป็นผลดีต่อตนเอง องค์การ และสังคมโดยรวม
ความสำคัญของการวิจัยกับการบัญชี การวิจัยเป็นกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามโจทย์การวิจัยและวัตถุประสงค์รวมถึงสมมติฐานการวิจัยที่ผู้วิจัยกำหนดไว้ โดยใช้กระบวนการที่เป็นวิทยาศาสตร์ รวมทั้งกระบวนการที่เรียกว่าศิลป์เพื่อค้นหาข้อมูลเพื่อสนับสนุนกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ น้ำหนักการให้ความสำคัญของกระบวนการทั้งสองขึ้นอยู่กับการออกแบบงานวิจัย การวิจัยทางการบัญชีทำให้ได้ข้อสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อบุคคลหรือหน่วยงานต่างๆ อาทิ ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีโดยตรงใช้ในการพัฒนาศักยภาพของตนเอง ผู้กำหนดนโยบายเพื่อกำกับดูแลงานของผู้ประกอบวิชาชีพ ใช้ในการพัฒนามาตรฐานการรายงานทางการเงิน หน่วยงานหรือบุคคลที่ใช้ข้อมูลใช้เป็นแนวทางในการเลือกใช้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ สถาบันการศึกษาใช้ในการปรับปรุงหลักสูตรเก่าหรือพัฒนาหลักสูตรใหม่ให้ทันกระแสของสังคมโลกที่พลวัตร
การใช้ประโยชน์งานวิจัยในการดำเนินงาน ทางธุรกิจและการบัญชีบริหาร ผลการวิจัยทางด้านการบัญชีบริหารทำให้เกิดประโยชน์ความก้าวหน้าต่อวงวิชาการและเป็นข้อสนเทศแก่หน่วยงานและผู้ประกอบวิชาชีพด้านการบัญชีบริหารโดยตรง เช่น งานวิจัยเกี่ยวกับการลดต้นทุน ทำให้เราทราบว่าเทคนิคการลดต้นทุนใดมีความสำคัญที่สุด เทคนิคการลดต้นทุนที่ดีที่สุดนอกจากทำให้ต้นทุนลดลงแล้ว ต้องไม่มีผลเสียหายต่อคุณภาพของสินค้าหรือบริการและทำให้กำไรเพิ่มขึ้น งานวิจัยเกี่ยวกับตัวผลักดันต้นทุนในระบบต้นทุนกิจกรรมทำให้กิจการทราบว่าอะไรเป็นสาเหตุของการเกิดต้นทุน เช่น จำนวนครั้งในการเคลื่อนย้ายสินค้าทำให้ต้นทุนแรงงานเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นกิจการอาจลดการเคลื่อนย้ายโดยใช้สายพานแทนการใช้คน เป็นต้น
การใช้ประโยชน์งานวิจัยในการดำเนินงาน ทางธุรกิจและการบัญชีบริหาร 3. งานวิจัยเกี่ยวกับการวัดผลการปฏิบัติงานเช่น Balanced Scorecard ทำให้เราทราบว่าตัวชี้วัดผลการดำเนินงานใดเป็นสาเหตุ ตัวชี้วัดผล การดำเนินงานใดเป็นผลลัพธ์ ส่งผลให้กิจการนำข้อมูลไปออกแบบ ระบบวัดผลการปฏิบัติงานเพื่อทำให้ผลงานแต่ละด้านสอดคล้องกัน 4. งานวิจัยเกี่ยวกับงบประมาณทำให้ทราบว่าคุณลักษณะงบประมาณที่ดี มีอะไรบ้าง เช่น ระบบงบประมาณที่ดีจะต้องเปิดโอกาสให้บุคลากรมี ส่วนร่วมในการวางแผน กำหนดเป้าหมายร่วมกัน จะต้องกำหนด เป้าหมายให้ชัดเจน ไม่ยากหรือง่ายเกินไป ต้องนำเป้าหมายมาวัดผล การปฏิบัติงานในรูปของการวิเคราะห์ผลต่าง มีระบบการให้ข้อมูลป้อน กับแก่ผู้ปฏิบัติงานที่รวดเร็ว เป็นต้น
การใช้ประโยชน์งานวิจัยในการดำเนินงาน ทางธุรกิจและการบัญชีบริหาร 5. งานวิจัยเกี่ยวกับการเลือกเทคนิคทางการบัญชีบริหารทำให้ทราบว่า เทคนิคใดทำให้ผลการดำเนินงานดีขึ้นบ้าง ดังนั้นธุรกิจจะใช้ข้อมูล ดังกล่าวเป็นแนวทางในการพัฒนาระบบบัญชีบริหารเพื่อให้ผลการ ดำเนินงานในแต่ละด้านดีขึ้น 6. งานวิจัยด้านบัญชีบริหารที่นำมิติด้านวัฒนธรรมมาวิเคราะห์ร่วมด้วย ทำให้กิจการออกแบบเครื่องมือทางการบัญชีบริหารให้สอดคล้องกับ วัฒนธรรมต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น เช่น กิจการชาวญี่ปุ่นเป็น สังคมที่เคารพผู้อาวุโส ไม่นิยมการเผชิญหน้า ไม่นิยมการแสดง ความเห็นต่อหน้าผู้บังคับบัญชา การกำหนดเป้าหมายในงบประมาณ จึงเป็นแบบ Top-down มากกว่า ในทางตรงข้ามระบบของอเมริกันจะ นิยมแสดงความเห็น ต้องการการมีส่วนร่วมมากเนื่องจากวัฒนธรรม ของคนกลุ่มนี้เป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง
การใช้ประโยชน์งานวิจัยในการดำเนินงาน ทางธุรกิจและการบัญชีบริหาร 7. ผลงานวิจัยด้านบัญชีสามารถนำมาปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรการ เรียนการสอนให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับความต้องการของสังคม เช่น งานวิจัยเกี่ยวกับคุณลักษณะของนักบัญชีบริหารที่สอดคล้องกับ ความต้องการของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการผลิตสินค้า ผล การวิจัยอาจพบว่า ผู้ประกอบการต้องการให้บัณฑิตบัญชีมีความ สามารถด้านไอทีและด้านภาษามากขึ้น มหาวิทยาลัยอาจเพิ่มการ เรียนการสอนด้านดังกล่าวมากขึ้น เป็นต้น 8. ผลการวิจัยด้านระบบบัญชีทำให้ได้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการ ทำงานของระบบในแง่มุมต่างๆ เช่น ผลการวิจัยเกี่ยวกับระบบบัญชีใน หน่วยงานหนึ่งอาจทำให้ทราบว่าผู้ใช้ระบบมีความพึงพอใจในการ ทำงานน้อยเนื่องจากระบบใช้งานค่อนข้างยาก ดังนั้นผู้ออกแบบระบบ ต้องนำข้อมูลดังกล่าวมาทบทวน ปรับปรุง แก้ไขระบบบัญชีให้ดีขึ้น
การใช้ประโยชน์งานวิจัยในการดำเนินงาน ทางธุรกิจและการบัญชีบริหาร 9. ผลการวิจัยด้านการสอบบัญชีทำให้เราสามารถค้นหาปัจจัยที่ทำให้ การทำงานของผู้สอบบัญชีมีคุณภาพ เช่น ผลการวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า เพื่อไม่ให้ผู้สอบบัญชีสนิทสนมกับลูกค้ามากเกินไป ควรเปลี่ยนผู้สอบ บัญชีทุกห้าปี ข้อเสนอนี้ทำให้ ก.ล.ต. เมืองไทยต้องแก้ไขกฎหมายให้ เป็นไปตามนี้ 10. งานวิจัยด้านการสอบบัญชีเกี่ยวกับหน้ารายงานของผู้สอบบัญชี ทำให้พยากรณ์แนวโน้มของการอออกรายงานของผู้สอบแต่ละ ประเภทว่าขึ้นอยู่กับปัจจัยใดบ้าง ทำให้เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ข้อมูล 11. ผลการวิจัยเกี่ยวกับมาตรฐานการบัญชีทำให้ทราบว่ามาตรฐานต่างๆ ที่กำหนดมานั้นมีประโยชน์หรือไม่ เช่น งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่าการ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับกำไรตามส่วนงานมีผลกระทบทางบวกต่อ ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน ดังนั้นแสดงว่าการเปิดเผยข้อมูลนี้มี ประโยชน์ต่อผู้ใช้ข้อมูลในงบการเงิน เป็นต้น
คุณค่างานวิจัยต่อธุรกิจ 1 2 3 4 เกิดความรู้ใหม่ทางธุรกิจ แก้ไขปัญหาในการปฏิบัติงาน ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน กำหนดนโยบายและแผน
ข้อพึงระวังเกี่ยวกับการวิจัย - เมื่อคำแนะนำไม่สามารถประยุกต์ให้ตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการ ขั้นวิกฤตได้ - เมื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการที่มีการเสี่ยงเล็กน้อย - เมื่อการจัดการมีทรัพยากรไม่เพียงพอที่จะทำการศึกษาวิจัย - เมื่อราคาของการศึกษาวิจัยมีค่าเกินระดับของการเสี่ยงในการ ตัดสินใจ
ประเภทการวิจัย หลักการจำแนกประเภท มิติการจำแนกการวิจัย 1. ต้องมีกลุ่มให้ครบถ้วน (mutually exhaustive) 2. แต่ละกลุ่มที่กำหนดเมื่อกำหนดประเภทจะต้องแยกออกจากกันและ กันโดยเด็ดขาด (mutually exclusive) 3. กลุ่มแต่ละกลุ่มควรจะมีความหมายที่ชัดเจนและมีจำนวนมากเพียงพอ มิติการจำแนกการวิจัย - เหตุผลของการทำวิจัย - วัตถุประสงค์ของการวิจัย - วิธีการวิจัย - สถานที่หรือทำเลของการวิจัย - วัตถุหรือสิ่งที่ต้องการวิจัย - ผู้กระทำการวิจัย
การจำแนกตามเหตุผลการวิจัย ประเภทการวิจัย การจำแนกตามเหตุผลการวิจัย การวิจัยพื้นฐาน (Basic research) : การวิจัยแสวงหาความรู้และความเข้าใจประเด็นเรื่องต่างๆ ให้มากขึ้น มุ่งแสวงหาความจริงใช้ทดสอบ/สร้างทฤษฎี ไม่มีวัตถุประสงค์ใช้ประโยชน์ทันที แต่เพิ่มพูนความรู้ทางวิชาการและวิจัยต่อไป การวิจัยประยุกต์ (Applied research) : การวิจัยที่นำผลการวิจัย/ข้อค้นพบไปใช้ในทางปฏิบัติจริง โดยมุ่งหาข้อเท็จจริง/ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล/ตัวแปรในการแก้ไขปัญหาจริง
การจำแนกตามวัตถุประสงค์การวิจัย ประเภทการวิจัย การจำแนกตามวัตถุประสงค์การวิจัย การวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive research) : การวิจัยมุ่งพรรณนาสภาพที่เป็นอยู่และลักษณะสำคัญของปรากฏการณ์หรือพฤติกรรมเกิดขึ้น การวิจัยเชิงอธิบาย (Explanatory research) : การวิจัยมุ่งอธิบายสาเหตุการเกิดขึ้นสภาพที่เป็นอยู่ ปรากฏการณ์ หรือพฤติกรรมที่เกิดขึ้น โดยมุ่งหาเหตุผล
การจำแนกตามวิธีการเก็บข้อมูลการวิจัย ประเภทการวิจัย การจำแนกตามวิธีการเก็บข้อมูลการวิจัย การวิจัยแบบอาศัยการทดลอง (Experimental research) : กระบวนการวิจัยที่มีการวางแผน โดยที่มีการกระตุ้นเพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายใต้การควบคุม ควบคุมดูแลและเฝ้าสังเกตอย่างเป็นระบบ การวิจัยแบบไม่อาศัยการทดลอง (Non-experimental research) : กระบวนการวิจัยที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ ตามสภาพเป็นจริงโดยไม่มีการจัดกิจกรรม/ การกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ
การจำแนกตามสภาวะการวิจัย ประเภทการวิจัย การจำแนกตามสภาวะการวิจัย การวิจัยสภาวะที่ควบคุมเต็มที่ (Highly controlled settings) : การวิจัยที่ควบคุมปัจจัยการเปลี่ยนแปลงต่างๆ อย่างครบถ้วนเต็มที่ การวิจัยสภาวะที่ควบคุมได้บ้าง (Partially controlled settings) : การวิจัยที่ควบคุมปัจจัยการเปลี่ยนแปลงต่างๆ บางประการเท่านั้น เพื่อสังเกตการกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงโดยวิธีการหนึ่งวิธีการใด การวิจัยสภาวะที่ควบคุมไม่ได้ (Uncontrolled settings) : การวิจัยที่ไม่มีการควบคุมปัจจัยที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ โดยทำการศึกษาเก็บข้อมูลตามสภาพ ลักษณะหรือพฤติกรรมตามธรรมชาติที่เกิดขึ้น
การจำแนกตามสิ่งที่ทำการวิจัย ประเภทการวิจัย การจำแนกตามสิ่งที่ทำการวิจัย มนุษย์ : บุคคล กลุ่มบุคคล สัตว์ พืช และอื่นๆ : สิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่ต้องการศึกษา สิ่งไม่มีชีวิต : สิ่งของ/วัตถุต่างๆ การจำแนกตามผู้กระทำการวิจัย การวิจัยโดยบุคคลเดียว : การวิจัยที่ต้องอาศัยผู้ที่มีความรู้เพียงคนเดียว การวิจัยคณะบุคคล : การวิจัยที่ต้องอาศัยผู้ที่มีความหลากหลายสาขา
การจำแนกระดับหน่วยการวิเคราะห์ในการวิจัย ประเภทการวิจัย การจำแนกระดับหน่วยการวิเคราะห์ในการวิจัย การวิจัยระดับจุลภาค (Micro level) : การวิจัยปรากฏการณ์เกี่ยวกับลักษณะต่างๆ บุคคล หรืออาจจะเป็นพฤติกรรม ทัศนคติและความคิดเห็น การวิจัยระดับมหภาค (Macro level) : การวิจัยปรากฏการณ์เกี่ยวกับลักษณะรวมๆ ระดับชุมชน สังคมหรือ ประเทศในหลายจุดเวลา การจำแนกระดับความลึกของข้อมูล การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative research) : การวิจัยที่อาศัยข้อมูลตัวเลขเพื่อยืนยันพิสูจน์ความถูกต้องของ ข้อค้นพบและข้อสรุปต่างๆ การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research) : การวิจัยที่ไม่เน้นข้อมูลตัวเลขยืนยันความถูกต้องของข้อค้นพบและ ข้อสรุปต่างๆ
: มาตรฐานที่ดี/ถูกต้องตามวิธีการ มาตรฐานงานวิจัย : มาตรฐานที่ดี/ถูกต้องตามวิธีการ - มีจุดประสงค์จำกัดความอย่างชัดเจน - มีรายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการวิจัย - มีการออกแบบวางแผนการวิจัยอย่างถี่ถ้วน - ข้อจำกัดถูกแสดงอย่างเปิดเผย - มีมาตรฐานเกี่ยวกับหลักจริยธรรมสูง - การวิเคราะห์ที่เหมาะสมสำหรับความต้องการของผู้ทำ - การค้นคว้าถูกแสดงอย่างไม่คลุมเครือ - บทสรุปที่พิสูจน์ว่าถูกต้อง - สะท้อนประสบการณ์ของการวิจัย
1 2 3 4 วัตถุประสงค์ชัดเจน มิติวิจัย เวลา สถานที่ ตัวแปร ลักษณะงานวิจัยที่ดี 3 เครื่องมือมีความเชื่อมั่นสูง 4 มีความเที่ยงตรงทั้งภายใน/ภายนอก ภายใน - ผลการวิจัยที่ได้ มาจากการทดสอบ/วิเคราะห์ข้อมูลอย่างแท้จริง ภายนอก - นำผลการวิจัยที่ได้ไปประยุกต์ใช้ได้อย่างถูกต้อง
5 6 7 8 กระบวนการ ขั้นตอนเป็นที่ยอมรับ ความรู้ ความซื่อสัตย์ ลักษณะงานวิจัยที่ดี 7 วางแผนอย่างรอบคอบ 8 มีประสิทธิภาพ ประหยัด
New Product Development Process Idea Generation Concept Development and Testing Marketing Strategy Screening Business Analysis Product Market Testing Commercialization 38
Research Process 39
บทบาทการวิจัยกับการจัดการทางธุรกิจ เหตุผลการทำวิจัยธุรกิจ : Research provides you with the knowledge and skills needed for the fast-paced decision-making environment ความต้องการสารสนเทศและข้อมูลการบริหาร : 1. Global and domestic competition is more vigorous 2. Organizations are increasingly practicing data mining and data warehousing Data Mining คือ การวิเคราะห์ข้อมูลจากข้อมูลจำนวนมาก (big data) เพื่อหาความสัมพันธ์ของข้อมูลที่ซ่อนอยู่ โดยทำการจำแนกประเภท รูปแบบ เชื่อมโยงข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กัน และหาความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้ได้องค์ความรู้ใหม่ ที่สามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจในด้านต่าง ๆ Data Warehouse คือ ฐานข้อมูลขนาดยักษ์ ที่รวบรวมฐานข้อมูลจากหลายแหล่งหลายช่วงเวลา Data warehouse ใช้เพื่อการวิเคราะห์ (ข้อมูลทั้งในอดีตและปัจจุบัน) Database ใช้เพื่อการประมวลผล (เฉพาะข้อมูลปัจจุบัน)
ภาระหน้าที่/บทบาทของผู้บริหาร 1. สร้างความต้องการให้กับลูกค้า/ผู้ใช้บริการแทนที่จะให้เรียกร้องก่อน ภายหลัง 2. แก้ไขปัญหาทางการบริหารและจัดการที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งภายใน องค์การและภายนอกองค์การ 3. ประเมินสถานการณ์ทางการจัดการเพื่อความยั่งยืนทางธุรกิจ 4. วางแผนและกำหนดกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับบริบทหรือสถานการณ์ โดยอาศัย PEST 3C’s SWOT Five Competitive Forces Analysis Balanced Scorecard เป็นต้น แผนดำเนินการจะต้อง สอดคล้องกับแผนและนโยบายขององค์การในภาพรวม 5. การดำเนินงานขององค์การจะต้องคอยควบคุมอย่างใกล้ชิด พร้อม ประเมินผลตามกรอบเวลา เช่น การประเมินทุก 1 เดือน 6. คาดการณ์ปัญหาหรืออุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตพร้อมจัดเตรียม แผนสำรองเพื่อจัดการกับปัญหาดังกล่าว
คุณค่างานวิจัยต่อธุรกิจ เกิดความรู้ใหม่ทางธุรกิจ แก้ไขปัญหาในการปฏิบัติงาน 1 2 3 4 ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน กำหนดนโยบายและแผน
New Product Development Process Marketing Strategy Development Business Analysis Product Development Concept Development and Testing Market Testing Idea Screening Commercialization Idea Generation 44
จรรยาบรรณการวิจัย ความแตกต่างและเหมือนกัน จริยธรรม จริยศาสตร์ และจรรยาบรรณ - จริยธรรม(morals) หมายถึง หลักความประพฤติที่ดีงามเพื่อประโยชน์แห่งตนและสังคม - จริยศาสตร์ (ethics) หมายถึง ความรู้ที่กล่าวถึงแนวทางการประพฤติ ที่ถูกต้อง - จรรยาบรรณ (code of conduct) หมายถึง ประมวลความประพฤติที่ผู้ประกอบอาชีพการงานแต่ละอย่างกําหนดขึ้น เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณชื่อเสียงและฐานะของสมาชิก อาจเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ก็ได้ (ราชบัณฑิตยสถาน, 2525)
จรรยาบรรณการวิจัย จรรยาบรรณของนักวิจัย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ประกาศ ณ วันที่ 21 เมษายน 2541 ให้มี "จรรยาบรรณนักวิจัย” อันเป็นหลักเกณฑ์ควรประพฤติของนักวิจัยทั่วไป ไม่ว่าสาขาวิชาการใด ๆ มีลักษณะเป็นแนวทางกว้างๆ เพื่อครอบคลุมทุกสาขาวิชาการ จำนวน 9 ประการ 1. นักวิจัยต้องซื่อสัตย์และมีคุณธรรมในทางวิชาการและการจัดการ แนวทางปฏิบัติ - นักวิจัยต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น - นักวิจัยต้องซื่อตรงต่อการแสวงหาทุนวิจัย - นักวิจัยต้องมีความเป็นธรรมเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่ได้จากการวิจัย 2. นักวิจัยต้องตระหนักถึงพันธกรณีในการทำวิจัย ตามข้อตกลงที่ทำไว้กับหน่วยงานที่สนับสนุนการวิจัยและต่อหน่วยงานที่ตนสังกัด - นักวิจัยต้องตระหนักถึงพันธกรณีในการทำวิจัย - นักวิจัยต้องอุทิศเวลาทำงานวิจัย - นักวิจัยต้องมีความรับผิดชอบในการทำวิจัย
จรรยาบรรณการวิจัย 3. นักวิจัยต้องมีพื้นฐานความรู้ในสาขาวิชาการที่ทำวิจัย แนวทางปฏิบัติ - นักวิจัยต้องมีพื้นฐานความรู้ ความชำนาญ - นักวิจัยต้องรักษามาตรฐานและคุณภาพของงานวิจัยในสาขาวิชาการนั้นๆ 4. นักวิจัยต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ศึกษาวิจัย - การใช้คนหรือสัตว์เป็นตัวอย่างทดลอง - นักวิจัยต้องดำเนินการวิจัยโดยมีจิตสำนึก - นักวิจัยต้องมีความรับผิดชอบต่อผลที่จะเกิดแก่ตนเอง 5. นักวิจัยต้องเคารพศักดิ์ศรีและสิทธิของมนุษย์ที่ใช้เป็นตัวอย่างในการวิจัย - เคารพในสิทธิของมนุษย์ที่ใช้ในการทดลอง - ไม่คำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ทางวิชาการจนเกิดความเสียหายที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง - นักวิจัยต้องดูแลปกป้องสิทธิประโยชน์และรักษาความลับของกลุ่ม ตัวอย่าง
จรรยาบรรณการวิจัย 6. นักวินักวิจัยต้องมีอิสระทางความคิด แนวทางปฏิบัติ - นักวิจัยต้องเสนอผลงานวิจัยตามความเป็นจริง ไม่จงใจเบี่ยงเบนผลการวิจัย 7. นักวิจัยพึงนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในทางที่ชอบ - นักวิจัยพึงเผยแพร่ผลงานวิจัยโดยคำนึงถึงประโยชน์ทางวิชาการ และสังคม - นักวิจัยพึงเสนอผลงานวิจัยตามความเป็นจริง 8. นักวิจัยพึงเคารพความคิดเห็นทางวิชาการของผู้อื่น - นักวิจัยพึงมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี - นักวิจัยพึงยอมรับฟัง แก้ไขการทำวิจัยและการเสนอผลงานวิจัยตามข้อแนะนำที่ดี 9. นักวิจัยพึงมีความรับผิดชอบต่อสังคมทุกระดับ - นักวิจัยพึงรับผิดชอบในการสร้างสรรค์ผลงานวิชาการเพื่อความเจริญของสังคม - นักวิจัยพึงพัฒนาบทบาทของตนให้เกิดประโยชน์ยิ่งขึ้น