งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

บทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "บทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์"— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 บทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์

2 เศรษฐศาสตร์ คือ อะไร ความต้องการไม่จำกัด
ทรัพยากรมีอยู่จำกัด เมื่อเทียบกับ ความต้องการไม่จำกัด

3 ความต้องการ > ทรัพยากร
ความต้องการ > ทรัพยากร เกิดความขาดแคลน ทำการเลือกภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่นั้น ค่าเสียโอกาส การเลือก

4 ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost)
คุณค่าหรือมูลค่าของทางเลือกที่ดีที่สุดในบรรดาทางเลือกทั้งหลายที่ต้องสละไป เมื่อมีการตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่งในการใช้ทรัพยากร ค่าเสียโอกาสต่ำ : เลือกใช้ทรัพยากรได้เหมาะสม

5 เศรษฐศาสตร์ เป็นวิชาทางสังคมศาสตร์ที่ศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์และสังคมในการตัดสินใจเลือกใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดและสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายทาง มาใช้ในการผลิตสินค้าและบริการต่างๆ อย่างประหยัดที่สุดหรืออย่างมีประสิทธิภาพทางเทคนิคสูงสุด และหาทางจำแนกแจกจ่ายสินค้าและบริการเหล่านั้นไปยังบุคคลในสังคมให้ได้รับความพอใจสูงสุดหรืออย่างมีประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจสูงสุด

6 ความสำคัญของวิชาเศรษฐศาสตร์
เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ปัญหา และตัดสินใจปัญหานั้น เพื่อเข้าใจปรากฏการณ์ต่างๆ ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทั้งสาเหตุ และผลกระทบต่อบุคคล และสังคม ตลอดจนรู้แนวทางที่จะนำไปแก้ไขหรือประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างมีเหตุผลทางเศรษฐกิจ

7 ความสัมพันธ์ระหว่างเศรฐศาสตร์กับศาสตร์อื่นๆ
เศรษฐศาสตร์มีความสัมพันธ์กับรัฐศาสตร์ในแง่ที่ว่า การกำหนดนโยบายต่างๆ ทางเศรษฐกิจก็ยังอยู่ภายใต้อิทธิพลหรืออุดมการทางเมืองของพรรคการเมืองที่ได้เสียงข้างมากเข้ามาบริหารประเทศ เศรษฐศาสตร์มีความสัมพันธ์กับกฎหมายในแง่ที่ว่า การอกกกฎหมายบางเรื่อง อาจเกิดขึ้นเนื่องจากความพยายามที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจบางอย่าง เช่น กฎหมายว่าด้วยการค้ากำไรเกินควรหรือกฎหมายแรงงานขั้นต่ำ

8 ความสัมพันธ์ระหว่างเศรฐศาสตร์กับศาสตร์อื่นๆ
เศราฐศาสตร์มีความสัมพันธ์กับบริหารธุรกิจอย่างมาก เพราะในการตัดสินปัญหาต่างๆในการบริหารธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านการเลือกโครงการการลงทุน การเลือกวิธีการผลิตตลอดจนการกำหนดราคาสินค้าและปริมาณการผลิตเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ นักธุรกิจจำเป็นต้องอาศัยหลักเกณฑ์ทางเศรษฐศาสตร์เข้าช่วยในการตัดสินใจ นอกจากนี้นักธุรกิจยังต้องมีความรอบรู้อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจ ภาวะเศรษฐกิจ ตลอดจนปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเป็นประจำทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เพราะปัจจัยเหล่านี้จะมีผลกระทบต่อการลงทุนโดยตรง

9 ความสัมพันธ์ระหว่างเศรฐศาสตร์กับศาสตร์อื่นๆ
เศรษฐศาสตร์ยังมีความสัมพันธ์กับจิตวิทยาด้วย เพราะพฤติกรรมของมนุษย์ในการติดสินปัญหาเศรษฐกิจบางเรื่องต้องคำนึงถึงหลักจิตวิทยาด้วย ตัวอย่างเช่น มีผู้ผลิตบางรายนิยมตั้งราคาสินค้าให้ลงท้ายด้วยเลข 9 เพราะต้องการให้ผู้ซื้อรู้สึกว่าสินค้ายังราคาถูกอยู่ เช่น ถ้าตั้งราคารองเท้าคู่ละ 200 บาท คนทั่ว ๆ ไปอาจจะรู้สึกว่าแพง เพราะราคาสูงถึง 200 แต่ถ้าตั้งราคาคู่ละ 199 บาท คนจะรู้สึกว่าราคาถูก เพราะไม่ถึง 200 บาท เป็นต้น

10 ขอบเขตของวิชาเศรษฐศาสตร์
วิชาเศรษฐศาสตร์ เป็นวิชาที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินปัญหาทางเศรษฐกิจของมนุษย์และสังคม ดังนั้น เนื้อหาเศรษฐศาสตร์จึงครอบคลุมถึงพฤติกรรมของมนุษย์และสังคมตลอดจนปัจจัยต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมนั้นๆ

11 วิธีการศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์
วิธีอนุมาน (Deductive) เป็นการสร้างทฤษฎีโดยเริ่มต้นจากการสร้างสมมุติฐาน (Hypothesis) โดยอาศัยเหตุและผลตามแบบตรรกวิทยา จากนั้นทำการทดสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ถ้าสอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ แสดงว่า สมมุติฐานนั้นถูกต้องสามารถสรุปออกมาเป็นทฤษฎี วิธีอุปมาน (Induction) คือ วิธีการหาเหตุจากผล เป็นการสร้างทฤษฎีโดยการรวบรวมข้อเท็จจริงจากปรากฏการณ์ต่างๆ มาเป็นข้อมูล แล้วตั้งเป็นกฎหรือทฤษฎีเพื่อนำไปใช้ในการอธิบายเหตุการณ์อื่นๆในระดับที่กว้างด้วยการพิสูจน์ข้อมูลโดยใช้หลักทางสถิติ เรียกว่า การสรุปจากความจริงย่อยไปสู่ความจริงหลัก

12 1. มนุษย์เป็นผู้มีเหตุผลในทางเศรษฐศาสตร์ (Economic rationality)
ข้อสมมติที่สำคัญในการศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ 1. มนุษย์เป็นผู้มีเหตุผลในทางเศรษฐศาสตร์ (Economic rationality) คือ การตัดสินปัญหาทางเศรษฐกิจของบุคคล จะเป็นไปในทางที่จะทำให้ตนเองได้รับประโยชน์สูงสุด

13 2. ข้อสมมติให้สิ่งอื่นๆ คงที่ (Other things being constant)
คือ การกำหนดให้สิ่งอื่นๆ คงที่หรือไม่มีอิทธิพลใดๆ ทั้งสิ้นนอกจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องที่กำลังศึกษา

14 ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์กับสภาพความเป็นจริง
การนำทฤษฎีเศรษฐศาสตร์มาอธิบายพฤติกรรมทางเศรษฐกิจตามความเป็นจริงจึงถูกจำกัดโดยข้อสมมติที่กำหนดขึ้นในแต่ละทฤฎี แต่แม้กระนั้น การสร้างทฤษฎีเศรษฐศาตร์เพื่อย่นย่อพฤติกรรมต่างๆ ทางเศรษฐกิจก็เป็นสิ่งที่จำเป็นและมีประโยชน์ เพราะทฤษฎีเหล่านั้นสามารถใช้อธิบายพฤติกรรมสามารถใช้อธิบายพฤติกรรมทางเศรษฐกิจภายใต้สถานการณ์บางอย่างได้และอาจใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจในการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้

15 เศรษฐศาสตร์จุลภาค และ เศรษฐศาสตร์มหภาค

16 เศรษฐศาสตร์จุลภาค (Microeconomics) เป็นการศึกษาถึงพฤติกรรมทางเศรษฐกิจของแต่ละบุคคล ได้แก่ ผู้ผลิต ผู้บริโภค และเจ้าของปัจจัยการผลิต เนื้อหาของวิชาส่วนใหญ่จึงเกี่ยวข้องกับการผลิต การบริโภค การกำหนดราคาสินค้าและปัจจัยการผลิตภายใต้การดำเนินงานของตลาดต่างๆ หรือเรียกทฤษฎีเศรษฐศาสตร์จุลภาคว่า "ทฤษฎีราคา (Price Theory)“ เศรษฐศาสตร์มหภาค (Macroeconomics) เป็นการศึกษาถึงพฤติกรรมของเศรษฐกิจส่วนรวม เช่น รายได้ประชาชาติ การลงทุน การจ้างงาน การค้าระหว่างประเทศ และการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ หรือเรียกว่า "ทฤษฎีรายได้และการจ้างงาน (Income and Employment Theory)"

17 เศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ และ เศรษฐศาสตร์นโยบาย
เศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ และ เศรษฐศาสตร์นโยบาย

18 เศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ (Positive Economics)
การศึกษาเพื่อแสวงหาความรู้ความเข้าใจใน ปรากฎการณ์ทางเศรษฐกิจต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยเป็นการศึกษาหาเหตุและผลของ ปรากฎการณ์ทางเศรษฐกิจ ในภาวะเศรษฐกิจรุ่งเรืองการเก็บภาษีแบบอัตราก้าวหน้าจะทำให้รัฐได้รับรายได้เพิ่มขึ้น

19 เศรษฐศาสตร์นโยบาย (Normative Economics)
การศึกษาเพื่อใช้ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ มากำหนดแนวทางที่ถูกว่าควรเป็นเช่นใด ควรจะแก้ไขอย่างไร เพื่อประโยชน์ในการวางแผนหรือกำหนดนโยบาย ทางเศรษฐกิจ เช่น รัฐควรเก็บภาษีในอัตราก้าวหน้าเพื่อการกระจายรายได้ที่ดีขึ้น

20 ประโยชน์ของวิชาเศรษฐศาสตร์
ในฐานะผู้บริโภค ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถประมาณการและวางแผนในการบริโภคสินค้าและบริการเพื่อให้ได้รับความพอใจสูงสุดจากงบประมาณที่มีอยู่จำกัด ในฐานะผู้ผลิต ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์จะช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับการค้าและการลงทุน เช่น ควรจะผลิตสินค้าชนิดใดเป็นปริมาณและราคาเท่าใด หรือควรเลือกใช้เทคนิคการผลิตอย่างไร ในฐานะผู้บริหารประเทศ ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์จะช่วยให้เข้าใจในปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศตลอดจนการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างเหมาะสม

21 ทรัพยากรหรือปัจจัยการผลิต (Resources or Factor of Production)
: ทรัพยากรที่นำมาใช้ในการผลิตสินค้าและบริการ แบ่งได้เป็น 4 ประเภท คือ ที่ดิน (Land) แรงงานหรือทรัพยากรมนุษย์หรือทุนมนุษย์ (Labor or Human resource or Human capital) ทุนหรือสินค้าทุน (Capital or Capital Goods) ผู้ประกอบการ (entrepreneur)

22 ที่ดิน (Land) รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ เช่น ป่าไม้ แร่ธาตุ สัตว์ป่า สัตว์บก สัตว์น้ำ ความอุดมสมบูรณ์ของดิน ปริมาณน้ำฝน ฯลฯ มนุษย์สร้างขึ้นไม่ได้ แต่สามารถ ปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้นได้ ค่าตอบแทน : ค่าเช่า (Rent)

23 แรงงานหรือทรัพยากรมนุษย์หรือทุนมนุษย์ (Labor or Human resource or Human capital)
แรงกาย แรงใจ รวมถึงสติปัญญา ความรู้ ความสามารถ และความคิดที่ใช้ในการผลิตสินค้าและบริการ แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ แรงงานมีฝีมือ แรงงานกึ่งมีฝีมือ และแรงงานไร้ฝีมือ ค่าตอบแทน : ค่าจ้าง หรือเงินเดือน (Wage and Salary)

24 ทุนหรือสินค้าทุน (Capital or Capital Goods)
สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อใช้ร่วมกับปัจจัยการผลิตอื่นๆ เพื่อผลิตสินค้าและบริการ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ สิ่งก่อสร้าง และ เครื่องมือเครื่องจักร ค่าตอบแทน : ดอกเบี้ย (Interest)

25 ผู้ประกอบการ (entrepreneur)
Land Capital Labor Entrepreneur

26 ผู้ประกอบการ (entrepreneur)
ทำหน้าที่ในการวางแผนและกำหนดนโยบายในการผลิต ภาระความเสี่ยงทางด้านการผลิตและการตลาด ค่าตอบแทน : กำไร (Profit)

27 ผู้ประกอบการ (entrepreneur)
ทำหน้าที่ในการวางแผนและกำหนดนโยบายในการผลิต ภาระความเสี่ยงทางด้านการผลิตและการตลาด ค่าตอบแทน : กำไร (Profit)

28 II สินค้าและบริการ (Goods and Services)
สิ่งที่ได้จากการผลิตโดยใช้ปัจจัยการผลิตต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ให้ความพอใจมากกว่า “ศูนย์” สามารถสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ แบ่งได้ 2 ประเภท คือ สินค้าไร้ราคา (Free Goods) เศรษฐทรัพย์ (Economic Goods)

29 สินค้าไร้ราคา (Free Goods)
สินค้าที่มีมากและมีไม่จำกัดเมื่อเทียบกับความต้องการของมนุษย์ เป็นสิ่งที่ไม่มีราคา

30 เศรษฐทรัพย์ (Economic Goods)
สินค้าที่มีราคามากกว่า “ศูนย์” แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ สินค้าเอกชน (Private Goods) สินค้าสาธารณะ (Public Goods)

31 กิจกรรมทางเศรษฐกิจ หน่วยเศรษฐกิจ และภาวะเศรษฐกิจ
กิจกรรมทางเศรษฐกิจ หน่วยเศรษฐกิจ และภาวะเศรษฐกิจ กิจกรรมทางเศรษฐกิจ หมายถึง การดำเนินกิจกรรมต่างๆ โดยยึดหลักความประหยัดเป็นสำคัญ กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญๆ ได้แก่ การบริโภค การผลิต และการซื้อขายแลกเปลี่ยน บุคคลที่ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เรียกว่า หน่วยเศรษฐกิจ หน่วยเศรษฐกิจที่สำคัญประกอบด้วย ผู้บริโภค (Consumer) เป็นผู้ดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวกับการบริโภคสินค้าและบริการ โดยมีจุดมุ่งหมายคือ แสวงหาความพอใจสูงสุดจากการบริโภคสินค้าและบริการภายใต้งบประมาณที่มีอยู่จำกัด

32 ผู้ผลิตหรือหน่วยธุรกิจ (Producer or firms) เป็นผู้ดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการผลิตสินค้าและบริการเพื่อจำหน่ายให้กับผู้บริโภค โดยมีจุดมุ่งหมายคือ แสวงหากำไรสูงสุดจากการผลิตสินค้าและบริการ เจ้าของปัจจัยการผลิต (Factors of entrepreneur) คือ ผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดิน ทุน แรงงาน หรือเป็นผู้ประกอบการ บุคคลคนเดียวอาจเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตได้มากกว่าหนึ่งชนิด เจ้าของปัจจัยการผลิตจะเสนอขายปัจจัยการผลิตชนิดต่างๆ ให้กับผู้ผลิต โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะแสวงหาผลตอบแทนสูงสุดจากปัจจัยการผลิตที่ครอบครอง

33 ระบบเศรษฐกิจที่ใช้เงินเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
สินค้าและบริการ ค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าและบริการ ปัจจัยการผลิต ค่าตอบแทนปัจจัยการผลิต (รายได้) ผู้ผลิต ครัวเรือน Money Sector Real Sector

34 ระบบเศรษฐกิจ หน่วยเศรษฐกิจที่รวมตัวเป็นกลุ่มสถาบันทางเศรษฐกิจ (Economic Institutions) โดยจะมี การแบ่งงานกันทำตามความถนัดของแต่ละหน่วย ทุกหน่วยจะต้องประสานงานกัน ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายใต้ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และกฎหมายอันเดียวกัน

35 ระบบเศรษฐกิจ แบ่งได้ 3 ระบบใหญ่ ๆ คือ ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม (Capitalism) ระบบเศรษฐกิจแบบวางแผนจากส่วนกลาง (Central Planning System) ระบบเศรษฐกิจแบบผสม (Mixed Economy)

36 I ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม (Capitalism)
ระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม (Free - Enterprise System) หรือ ระบบตลาด (Market System) ลักษณะสำคัญ กรรมสิทธิในทรัพยากรเป็นของเอกชน เสรีภาพในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ มีกำไรเป็นเครื่องจูงใจ รัฐบาลจะไม่เข้าแทรกแซงโดยไม่จำเป็น ระบบราคา : แก้ปัญหาพื้นฐาน

37 เลือกผลิตสินค้าที่มีความต้องการมาก
การแก้ปัญหาพื้นฐาน ผลิตอะไร เลือกผลิตสินค้าที่มีความต้องการมาก ราคาสินค้าสูง เปรียบเทียบกับต้นทุนการผลิต มีกำไร ผลิต

38 การแก้ปัญหาพื้นฐาน (ต่อ)
ผลิตอย่างไร ผู้ผลิตต้องการกำไรสูงสุด แต่ไม่สามารถตั้งราคาได้ตามต้องการ ลดต้นทุนการผลิตเพื่อให้ได้กำไรเพิ่มขึ้น มองราคาปัจจัยการผลิต และวิธีการผลิต

39 การแก้ปัญหาพื้นฐาน (ต่อ)
ผลิตเพื่อใคร ความสามารถในการจ่ายของบุคคล รายได้มาก จ่ายได้มาก รายได้น้อย จ่ายได้น้อย การเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต ราคาของปัจจัยการผลิต

40 ข้อดี :ระบบทุนนิยม มีแรงจูงใจในการผลิต มีการปรับปรุงเทคนิคการผลิตให้มีประสิทธิภาพ เพื่อลดต้นทุนการผลิต มีการจัดสรรทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ และ มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย

41 ข้อเสีย :ระบบทุนนิยม การกระจายผลผลิตหรือกระจายรายได้ ไม่เท่าเทียมกัน อาจเกิดการผูกขาดขึ้นได้ในระบบเศรษฐกิจ

42 เป้าหมาย :ระบบทุนนิยม
ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ความมีประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ

43 II ระบบเศรษฐกิจแบบวางแผนจากส่วนกลาง (Central Planning System)
ลักษณะสำคัญ : รัฐเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตต่างๆ รวมถึงแรงงาน การแก้ปัญหาพื้นฐาน : รัฐบาลเป็นผู้กำหนดนโยบาย

44 ข้อดี : ข้อเสีย ข้อดี ก่อให้เกิดความเสมอภาค : การบริโภค การมีรายได้ การมีงานทำ มีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ข้อเสีย ขาดเสรีภาพในทางเศรษฐกิจ ประชาชนขาดแรงจูงใจในการแสวงหารายได้ ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างช้าๆ

45 เป้าหมาย : แบบวางแผนจากส่วนกลาง
ความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ ความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

46 III ระบบเศรษฐกิจแบบผสม (Mixed Economy)
การแก้ปัญหาพื้นฐาน กลไกราคาและการวางแผนจากส่วนกลาง ทุนนิยม วางแผน แบบผสม

47 ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
ผลิตอะไร (What to produce ?) ผลิตอย่างไร (How to produce ?) ผลิตเพื่อใคร (For whom to produce ?)

48 คลิกที่ บทเรียน


ดาวน์โหลด ppt บทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google