ถุงมันฝรั่ง
ครูคนหนึ่ง...สั่งให้นักเรียนทุกคนนำถุงพลาสติกใส และมันฝรั่งมาที่โรงเรียน และให้แต่ละคนเขียนชื่อของคนที่เคยทำให้นักเรียนโกรธ และ ไม่ยอมให้อภัยบนหัวมันฝรั่งหัวละชื่อแล้ว ใส่มันฝรั่งที่มีชื่อลงไปในถุงพลาสติกใบนั้น ถุงพลาสติกของบางคนหนักอึ้ง ! แล้วครูก็ให้ทุกคนหิ้วถุงนี้ไปทุก ๆ แห่งเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ไม่ว่าจะกินจะนอน ก็ต้องเอาถุงวางไว้ใกล้ตัวเสมอ เวลาผ่านไป.....ไม่กี่วัน....การแบกถุงมันฝรั่งก็เริ่มเป็นภาระหนักสำหรับนักเรียน บางครั้งพวกเขาต้องเฝ้าคอยเอาใจใส่เพื่อที่จะไม่ลืมทิ้งมันไว้ตามที่ต่างๆ ในที่สุด... มันฝรั่งก็เน่าและเริ่มส่งกลิ่นเหม็น
ถ้าถุงมันฝรั่งนี้...เป็นความหนักในการที่เราคอยเก็บรักษาความโกรธแค้นเอาไว้ ลองคิดดูว่า.....เราต้องสูญเสียอะไรเพื่อรักษาความเจ็บปวดนี้ไว้ในหัวใจ เราอาจจะคิดว่า...... เราเป็นผู้ให้เมื่อเราอภัยให้ผู้อื่น แต่จริงๆแล้ว มันเป็นของขวัญสำหรับตัวเราเองต่างหาก การให้อภัย.... ไม่ได้หมายถึงการบอกว่า “ที่เธอทำร้ายฉันน่ะ ไม่เป็นไรหรอก” แต่หมายถึงการที่เราปล่อยวางความเจ็บปวดเพื่อประโยชน์ของตัวเราเอง
ถ้าคุณเก็บความโกรธไว้ แล้วคิดว่าชีวิตของคุณมีความสุข ก็เก็บไว้เถิด แต่ความโกรธมีผลเหมือนมีลูกศรเสียดแทงจิตใจ นั่งก็ทุกข์ นอนก็ทุกข์ ทำให้บุญบารมี โชคลาภ วาสนา ที่เคยสั่งสมมาสูญหายไปในพริบตา เพราะขณะที่เราโกรธ ตัวเราจะขาดสติสูญเสียบุคลิกภาพ ขาดยางอาย ถ้อยคำก็ไม่มีคารวะ หากถึงขั้นรุนแรงก็มีการทำร้ายร่างกาย ยิ่งเป็นการสร้างเวรสร้างกรรมขึ้นอีก
นอกจากนั้น ร่างกายจะปล่อยสารทำลายเนื้อเยื่อ และระบบภูมิคุ้มกันทำให้สุขภาพเสื่อมโทรมได้ง่าย การโมโหจนเป็นนิสัยจะเป็นการเติมเชื้อโทสะที่มีอยู่ในจิตใจ ให้มีกำลังรุนแรง กิริยาจะก้าวร้าว ลูกหลานและคนรอบข้างก็จะติดนิสัยไปด้วย
ถึงยามโกรธ โปรดส่องมองกระจก ดูจิตตก อกเต้น เมื่อเห็นหน้า ซึ่งปั้นยาก ปากจมูก และลูกตา ดังยักษา ราศี ไม่มีเอย ....
“ If you judge people, you have no time to love them ” “ ถ้าคุณมัวแต่คอยพิพากษาคนอื่น คุณก็จะไม่มีเวลารักพวกเขา ”
การให้อภัย.....เมื่อเกิดกับผู้ใดแล้ว จะทำให้จิตใจของผู้นั้นผ่องใสปราศจากการกลุ้มรุมบดบังของโทสะ ขอให้สังเกตความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เวลาเราโกรธ เกลียด พยาบาทใครสีหน้าของเราจะเปลี่ยนไป เลือดในร่างกายจะผิดระบบ รุ่มร้อนไม่พอใจ แต่พอยกโทษให้ ก็จะรู้สึกทันทีว่า ยิ้มได้ จิตเบาสบาย ที่เปรียบกันว่า เหมือนยกภูเขาออกจากอก รู้สึกจิตเป็นอิสระทันทีเพราะหมดห่วง หมดทุกข์ หมดสนิมที่จะกัดกร่อนจิตใจ
สิ่งใดที่เขาทำกับเรา มันคือเวรกรรมของเขา สิ่งใดที่เขาทำกับเรา มันคือเวรกรรมของเขา แต่การตอบโต้ของเรา มันคือเวรกรรมของเรา
โกรธแล้ว.... หายโกรธเองเป็นเรื่องธรรมดา ทุกสิ่งเมื่อเกิดแล้วต้องดับ ไม่เป็นการบริหารจิตแต่อย่างใด แต่โกรธแล้วหายโกรธเพราะคิดให้อภัย เป็นการบริหาร จะเป็นการยกระดับของจิตให้สูงขึ้น ดีขึ้น มีค่าขึ้น ผู้ที่เห็นความสำคัญของจิต จึงควรมีสติทำความเพียรอบรมจิตให้คุ้นเคยต่อการให้อภัยไว้เสมอ เมื่อเกิดโทสะขึ้นในผู้ใด เพราะการปฏิบัติล้วงล้ำก้ำเกินเพียงใดก็ตาม พยายามมีสติพิจารณาหาทางให้อภัยทานเกิดขึ้นในใจให้ได้ ก่อนที่ความโกรธจะดับไปเสียเองก่อน
ถ้าเราไม่เคยกล่าวโทษใคร เราก็ไม่จำเป็นต้องให้อภัยใคร ถ้าเราไม่เคยกล่าวโทษใคร เราก็ไม่จำเป็นต้องให้อภัยใคร