แล้ว...ถังรั่วใบใหญ่ให้อะไรกับเรา ...กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีเรื่องเล่าของชายชราชาวจีนผู้หนึ่ง และถังตักน้ำใบเก่าของเขาที่ทุกวันนี้ยังทิ้งแง่คิดและคติสอนใจดีๆไว้กับคนรุ่นหลัง เรื่องยาวที่อยากเล่าให้สั้นย่อก็มีอยู่ว่า.... ....ชายชราชาวจีนผู้หนึ่งซึ่งรับอาชีพเป็นคนหาบน้ำ ทุกวันเขาจะต้องหาบถังน้ำสองใบ โดยแขวนอยู่บนไม้คานหนักไปตักน้ำยังลำธารเพื่อหาบกลับมาที่หมู่บ้าน แต่ทว่าปริมาณน้ำ ที่เขาหาบมาจากลำธารซึ่งน่าจะปริ่มเต็มทั้งสองถัง กลับเหลือเพียงครึ่งค่อนในถังที่แขวนอยู่ บนไม้คานด้านซ้าย ....นั่นเป็นเพราะว่าถังน้ำใบนั้นมีรอยแตก น้ำจึงมักจะรั่วไหลออกมาตลอดทาง ในขณะที่ถังน้ำอีกใบหนึ่งไม่มีแม้แต่รอยร้าวจึงสามารถรองรับน้ำได้ในปริมาณมาก
ข้าละอายใจเต็มทนที่ทำให้ท่านต้องลำบากและผิดหวัง ....เป็นเช่นนี้อยู่ทุกวันจนกระทั่งสองปีให้หลัง เจ้าถังน้ำที่มีรอยรั่วไม่สามารถอดทนกับรอยแตกของตัวเองได้อีกต่อไปมันมักจะโทษตัวเองอยู่เสมอที่ทำให้ชายชราต้องประสบกับความยากลำบากแบกหาบตัวเองอยู่ทุกวันในขณะที่ตัวเองกลับรองรับน้ำได้เพียงครึ่งเมื่อถึงบ้าน มันจึงพูดกับชายชราด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยว่า... ข้าละอายใจเต็มทนที่ทำให้ท่านต้องลำบากและผิดหวัง ท่านก็เห็นว่าทุกวันน้ำที่ท่านตักมาใส่ตัวข้าจะรั่วไหลออกไป จนเกือบหมด ข้าจึงให้น้ำกับท่านได้เพียงแค่ครึ่งค่อน ไม่เหมือนกับ ถังน้ำอีกใบที่มักจะคุยทับข้าเสมอถึงความสมบูรณ์แบบของตัวเอง ที่ช่วยให้ท่านได้น้ำเต็มปริมาณทุกวัน เมื่อเทียบกันแล้วข้าจึง ดูไร้ประโยชน์ไปถนัดตา
...ชายชรายิ้มและพูดกับถังน้ำอย่างเอ็นดูว่า... เจ้าถังน้ำเอ๋ย...อย่าได้น้อยเนื้อต่ำใจไปเลย หากเจ้าไม่มีประโยชน์จริงอย่างที่เจ้าพูด ข้าก็คงเลิกใช้เจ้าไปนานแล้ว แต่ตรงกันข้ามข้าก็ยังเลือกใช้เจ้าอยู่เหมือนเดิมทุกวัน ถ้าเจ้าลองสังเกตสักนิดเจ้าจะเห็นว่าตลอดทาง ที่ข้าหาบน้ำกลับเข้ามาในหมู่บ้าน ข้างทางจะมีดอกไม้สวยๆหลากหลายพันธุ์ขึ้นอยู่เต็มไปหมด และที่สำคัญดอกไม้เหล่านั้นเติบโตงอกงามอยู่เพียงฝั่งเดียว คือฝั่งที่ข้าหาบเจ้าไว้เท่านั้น นั่นเพราะอะไรล่ะ? ไม่ใช่เพราะ น้ำที่รั่วออกมาจากเจ้ารึ? ที่ช่วยทำให้ดอกไม้เหล่านั้นเจริญงอกงาม เจ้าอยู่กับข้ามานานข้ารู้ดีถึงจุดบกพร่องของเจ้า ข้าจึงเลือกใช้ให้เกิดประโยชน์ ข้ารู้ว่าข้ามักจะหาบเจ้าไว้บนไหล่ด้านซ้ายเสมอ ข้าจึงโปรยเมล็ดดอกไม้ลงบนทางเดินด้านซ้ายมือของข้าเท่านั้น ดังนั้นทุกวันที่ข้าเดินทางกลับบ้าน ข้าจะใช้น้ำที่รั่วจากตัวเจ้า โปรยรดเมล็ดดอกไม้อยู่ทุกวัน จนมันเติบโตกลายเป็นดอกไม้ ที่ผลิดอกสวยสดใส ถ้าหากไม่มีเจ้าและรอยรั่วในตัวของเจ้า ข้าคงไม่มีวันได้เชยชมดอกไม้งามพวกนี้เป็นแน่ จริงไหม?”
.....ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า โดยธรรมชาติของมนุษย์ ทุกคนย่อมมี จุดบกพร่องในตนเอง พวกเราทุกคนจึงไม่ต่างจากถังน้ำที่มีรอยแตกรั่ว ไม่มีใคร ที่เกิดมาเป็นเช่นดังถังน้ำที่สมบูรณ์แบบไม่มีที่ติ แต่อย่างไรก็ตามความบกพร่องหรือ รอยรั่วจะไม่เป็นปัญหา เมื่อทุกคนรู้ถึงจุดบกพร่องของตัวเองแล้วปรับให้เข้ากับชีวิต ใช้จุดบกพร่องเสริมสร้างพลังผลักดันพัฒนาตัวเองให้มากยิ่งๆขึ้นไป..... ....โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชีวิตการทำงาน อย่าได้คิด น้อยเนื้อต่ำใจในตำแหน่งหน้าที่ของตนที่อาจไม่เทียบเท่า กับใครอีกหลายๆคน แต่จงคิดเสียว่าองค์กรทุกองค์กรย่อม ประกอบด้วยคนอยู่มากมายหลายตำแหน่งหน้าที่ ทุกคนต่าง มีหน้าที่รับผิดชอบของตัวเองและต่างก็เป็นส่วนประกอบที่ สำคัญที่ทำให้องค์กรอยู่รอด จะขาดคนใดคนหนึ่งไปเสียไม่ได้....
นอกจากนี้ในระดับของผู้บริหาร เรื่องนี้ยังได้แง่คิดที่ดีในการปกครองคน ในฐานะของผู้บริหาร ท่านควรจะเข้าใจจุดด้อยหรือจุดบกพร่องของผู้ที่อยู่ ใต้บังคับบัญชาของตัวเอง หรือที่เรียกว่า “ใช้คนให้เป็น” กระจายงานตาม ความถนัดของแต่ละคน เปิดใจให้กว้างมองหาจุดดีในจุดด้อย ไม่ปล่อยให้ จุดบกพร่องหรือรอยแตกรั่วทวีรอยแตกร้าว จนไม่สามารถใช้ประโยชน์ใดๆ ได้อีกต่อไป เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้คนทุกคนที่ต่างก็มีรอยแตกร้าวสามารถอยู่ ร่วมกันได้ ในที่สุดรอยรั่วก็จะเป็นเพียงแค่รอยจุดเล็กๆที่ไม่สามารถ กระเทือนกระทบถังสังคมใบใหญ่ได้อีกต่อไป.....