ทฤษฎีและนโยบายการเงิน Monetary Theory and Policy ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์สำนักคลาสสิก (Classical Theory)
Classical period Neoclassical period Adam Smith : The Nation of Wealth ( 1776 ) David Ricardo : Principles of Political Economy ( 1817 ) John Stuart Mill : Principles of Political Economy ( 1848 ) Neoclassical period Alfred Marshall : Principles of Economics ( 1920 ) A.C.Pigou : The Theory of Unemployment ( 1933 )
เงินเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเท่านั้น เงินมิได้แสดงฐานะความมั่งคั่งของประเทศ ฐานะของประเทศต้องวัดด้วยปริมาณของทรัพยากรที่มีอยู่และของสินค้าและบริการที่ผลิตขึ้นมาได้ ปัจจัยที่แท้จริงเป็นตัวกำหนดตัวแปรที่แท้จริง ปัจจัยทางการเงินไม่มีบทบาทใดๆต่อการกำหนดตัวแปรที่แท้จริง เพราะเงินทำหน้าที่สื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเท่านั้น เศรษฐกิจดำเนินโดยเสรี ปราศจากการแทรกแซงของรัฐ
การกำหนดการจ้างงานและผลผลิต Y N N1 N2
Marginal Physical Product of Labor N1 N2 MPL
Assume : ตลาดผลผลิตเป็นตลาดแข่งขันสมบูรณ์ Marginal Cost = Marginal Revenue ( MC = MR ) Competitive Market : MR = P ในกรณีที่แรงงานเป็นปัจจัยเดียวที่ผันแปรได้ : MC = Marginal Labor Cost Marginal Labor Cost = อัตราค่าแรงที่เป็นตัวเงินหารด้วยผลผลิตที่ได้เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มแรงงานหนึ่งหน่วย ( MPL )
ค่าแรงที่แท้จริง ( Real Wage )
W/P N ND
W/P N NS
Y N W W/P N0 NS ND (W/P)0 P P0 W0 ( W / P )0
การกำหนดระดับราคาสินค้า Irving Fisher ( 1911 ) – The Equation of Exchange M : ปริมาณเงินที่มีอยู่ในระบบเศรษฐกิจ VT : จำนวนครั้งโดยเฉลี่ยที่เงินถูกใช้จ่ายในการแลกเปลี่ยนทุกชนิด อัตราการเปลี่ยนมือของเงิน ( Turnover Rate of Money ) PT : ดัชนีราคาของรายการแลกเปลี่ยนทุกชนิด T : ดัชนีปริมาณของรายการแลกเปลี่ยนทุกชนิด
อุปทานของเงินถูกกำหนดโดยธนาคารกลาง Y P MVY อุปทานของเงินถูกกำหนดโดยธนาคารกลาง
การกำหนดอัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในภาวะดุลยภาพในระยะยาวถูกกำหนดโดยปัจจัยที่แท้จริงเท่านั้น ปัจจัยดังกล่าวคือ ความมัธยัสถ์ของประชาชน ( กำหนดการออมที่แท้จริง ) และผลิตภาพของทุนเป็นเครื่องกำหนดการลงทุนที่แท้จริงในระบบเศรษฐกิจ
r r0 S S , I I S0 , I0
ตลาดทุน r r0 S S , I I S0 , I0 i i0 SF SF , IF DF SF0 , IF0
บทบาทของเงินระยะยาว การเพิ่มขึ้นในอุปทานของเงิน การเพิ่มขึ้นในอุปทานของแรงงาน การเพิ่มขึ้นในอุปสงค์ต่อแรงงาน
บทบาทของเงินในระยะสั้น ในระยะสั้นเงินมีความไม่เป็นกลาง ( Money is Nonneutral ) : การเปลี่ยนแปลงในปริมาณเงินอาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตัวแปรที่แท้จริงในช่วงเวลาปรับตัว เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวขึ้นๆลงๆในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เกิดวัฏจักรของธุรกิจ กลไกโดยตรง - David Hume and Richard Cantillon กลไกโดยอ้อม – Henry Thornton
กลไกโดยตรง ปริมาณเงินที่ประชาชนต้องการถือกับอัตราการใช้จ่าย และกับระดับทรัพย์สินหรือรายได้เป็นความสัมพันธ์ที่มีเสถียรภาพ ปริมาณเงินที่ถืออยู่จริงเพิ่มขึ้นเกินกว่าความต้องการ จะเกิดการใช้จ่ายส่วนเกินที่ถือครองนี้ออกไป อุปสงค์รวมเพิ่มขึ้น ระดับราคาสินค้าสูงขึ้น มูลค่าที่แท้จริงของปริมาณเงินลดลง จนทำให้ปริมาณเงินที่ถืออยู่จริงเท่ากับปริมาณที่ต้องการอีกครั้ง
Y P Y0 P0 P1 M VY M* VY
กลไกโดยอ้อม อธิบายโดยการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ระบบธนาคารพาณิชย์ – อัตรากำไรทางพาณิชย์ ( The Rate of Mercantile Profit ) – อัตราดอกเบี้ยตามธรรมชาติ ( Natural Rate of Interest ) สาเหตุที่เกิดความผันผวนในระบบเศรษฐกิจในระยะสั้น