ตลาดปัจจัยการผลิต (Markets for Factor Inputs)

Slides:



Advertisements
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
ทฤษฎีการผลิต และต้นทุนการผลิต
Advertisements

เศรษฐศาสตร์แรงงาน EC 471 การโยกย้ายแรงงาน
เศรษฐศาสตร์แรงงาน EC 471 บทบาทของรัฐบาลในตลาดแรงงาน
เศรษฐศาสตร์แรงงาน (ศ. 471) อุปสงค์แรงงาน
Supply-side Effects of Fiscal Policy.
รองศาสตราจารย์ ดร. ภาวดี ทองอุไทย สิงหาคม 2552
เศรษฐศาสตร์แรงงาน (ศ. 471) อุปสงค์แรงงาน (ต่อ)
เอกสารประกอบการสอนเสริม เศรษฐศาสตร์วิเคราะห์
เอกสารประกอบการสอนเสริม เศรษฐศาสตร์วิเคราะห์
ตลาดน้ำมันโลก: การวิเคราะห์บทบาทของ OPEC (ต่อ)
เศรษฐศาสตร์แรงงาน (ศ. 471)
Specific Factor Model ดร.วิธาดา อนกูลวรรธกะ
คณิตศาสตร์สำหรับการคิดภาระภาษี
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในรายได้ของผู้บริโภค
ตัวแบบเส้นความพอใจเท่ากัน(indifference curve)
Lecture 8.
กลไกราคา การเกิดกลไกราคา คือ ตัวกำหนดราคาสินค้าว่าจะถูกหรือแพง
ดุลยภาพทั่วไป (General equilibrium)
ทฤษฏีพฤติกรรมผู้บริโภค
ส่วนเกินของผู้บริโภค (consumer surplus)
ตัวอย่าง: ตลาดปัจจัยการผลิตที่มีผู้ซื้อรายเดียว
ตัวอย่าง : ผลกระทบภายนอกจากการผลิต
อุปทานของแรงงานในระดับบุคคล
อุปสงค์ อุปทาน และ การกำหนดราคา Applications
ทฤษฎีและนโยบายการเงิน Monetary Theory and Policy
Revision Problems.
ทฤษฎีและนโยบายการเงิน Monetary Theory and Policy
อุปสงค์และอุปทาน Demand and Supply.
บทที่ 7 การวิเคราะห์ราคา สินค้าเกษตรและอาหาร
บทที่ 9 ราคาระดับฟาร์มและราคาสินค้าเกษตรและอาหาร
บทที่ 2 อุปสงค์ อุปทาน.
Chapter 3 การกำหนดราคามุ่งที่ต้นทุน
อุปสงค์ อุปทาน และภาวะดุลภาพ/ความหมายของอุปทาน
บทที่ 6 อุปสงค์ (Demand)
บทที่ 2 อุปสงค์ อุปทาน.
หน่วยที่ 3 การกำหนดขึ้นเป็นราคาดุลยภาพ
บรรยาย เศรษฐศาสตร์ขั้นพื้นฐาน
บทที่ 5 ทฤษฎีการผลิต การศึกษาด้านอุปทาน ทฤษฏีการผลิต (บทที่ 5)
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of Demand)
บทที่ 2 ความรู้เกี่ยวกับอุปสงค์และอุปทาน
บทที่ 4 ทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภค (Theory of Consumer Behavior)
บทที่ 7 การกำหนดราคาสินค้าในตลาด
ดุลยภาพของตลาด (Market Equilibrium)
สื่อประกอบการเรียนการสอน
บทที่ 8 การกำหนดราคาและผลผลิตในตลาดแข่งขันสมบูรณ์ (Price and Output Determination Under Perfect Competition) ความหมายของตลาด ลักษณะของตลาดแข่งขันสมบูรณ์
บทที่ 5 ทฤษฎีการผลิต (Production Theory)
บทที่ 1 บทนำ เศรษฐศาสตร์คืออะไร เศรษฐศาสตร์จุลภาคและเศรษฐศาสตร์มหภาค
บทที่ 9 การกำหนดราคาและผลผลิตในตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ (Price and Output Determination Under Imperfect Competition) ตลาดผูกขาดที่แท้จริง ลักษณะของตลาดผูกขาดแท้จริง.
บทที่ 7 รายรับ รายรับจากการผลิต ลักษณะของเส้นรายรับต่างๆ
บทที่ 3 ความยืดหยุ่นของอุปสงค์และอุปทาน
บทที่ 2 อุปสงค์ อุปทาน และการกำหนดราคาสินค้า
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์และอุปทาน Elasticity of Demand and Supply
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์และอุปทาน Elasticity of Demand and Supply
อุปสงค์และอุปทาน Demand and Supply.
พฤติกรรมผู้บริโภค.
บทที่ 4 โครงสร้างตลาดและการกำหนดราคา
บทที่ 8 รายรับและกำไรจากการดำเนินธุรกิจ
โครงสร้างของตลาดและการกำหนดราคา
โครงสร้างต้นทุน บทที่ 8 การตั้งราคาโดยพิจารณาจากต้นทุน
Lecture 14 ประสิทธิภาพของการบริโภคจาก Edgeworth’s Box Diagram
การวางแผนการผลิต และการบริการ
ทฤษฎีเฮิคเชอร์และโอลิน
ต้นทุนการผลิต.
บทที่ 4 การกำหนดเป็นดุลยภาพของตลาดการเปลี่ยนแปลง ภาวะดุลยภาพ และการแทรกแซงดุลยภาพของตลาด ความหมายของดุลยภาพของตลาด ดุลยภาพ (Equilibrium ) หมายถึง ภาวะสมดุลที่เกิดขึ้นเมื่ออุปสงค์เท่ากับอุปทานโดยจุดดุลยภาพจะแสดงราคาดุลยภาพ.
ผู้สอน อ.ศรีวรรณ ปานสง่า
ตลาด ( MARKET ).
ทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภค
ทฤษฎีการผลิต.
ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด
ตลาดผูกขาด ( MONOPOLY )
ใบสำเนางานนำเสนอ:

ตลาดปัจจัยการผลิต (Markets for Factor Inputs)

ในการวิเคราะห์ตลาดปัจจัยการผลิต จะมีการกลับกันกับตลาดผลผลิต นั่นคือ ผู้ผลิตเป็นผู้ซื้อปัจจัยการผลิต (แทนที่ผู้บริโภค) เจ้าของปัจจัยการผลิตเป็นผู้ขาย

อุปสงค์ต่อปัจจัยการผลิต ในกรณีที่อยู่ในตลาดแข่งขันสมบูรณ์

ลักษณะพิเศษของอุปสงค์ต่อปัจจัยการผลิต คือ เป็นอุปสงค์สืบเนื่อง (derived demand) อุปสงค์สืบเนื่อง คือ อุปสงค์ต่อปัจจัยการผลิตที่ขึ้นอยู่กับทั้งระดับผลผลิตของหน่วยผลิตและต้นทุนของปัจจัยการผลิตนั้น

กรณีอยู่ในการผลิตระยะสั้น หน่วยผลิตจะจ้างแรงงานเพิ่มอีกหนึ่งคนก็ต่อเมื่อรายรับที่เพิ่มขึ้นจากผลผลิตที่ผลิตจากแรงงานรายนั้นสูงกว่าต้นทุนของการจ้างแรงงานรายนั้น Marginal Revenue Product of Labor > Wage

MRPL = R = R . Q L Q L ดังนั้น MRPL = MR * MPL MR MPL

ถ้าตลาดของผลผลิตเป็นแบบแข่งขันสมบูรณ์ MR = P ดังนั้น MRPL = MPL * P แต่ถ้าตลาดของผลผลิตเป็นแบบผูกขาด ราคาที่ขาย = MR ฉะนั้น MRPL = MR * MPL

ข้อสังเกต 1) MRPL ลาดจากซ้ายมาขวา เพราะว่า เมื่อ L เพิ่ม เกิด diminishing MPL 2) MRPL ของตลาดผลผลิตแบบผูกขาดอยู่ต่ำกว่า MRPL ของตลาดแข่งขันสมบูรณ์ เนื่องจาก MR < P

MRPL คือ จำนวนเงินที่หน่วยผลิตยินดีที่จะจ่ายในการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งราย แต่เนื่องจาก firm maximize profit ต้องจ้างตามเงื่อนไขของต้นทุน (ค่าจ้าง) ที่เกิดขึ้น MRPL = w ในกรณีที่ตลาดแรงงานแข่งขันสมบูรณ์ w จะคงที่เป็นเส้นตรงขนานกับแกนจำนวนแรงงาน

พิสูจน์ว่า เงื่อนไข MRPL = w สอดคล้องกับ เงื่อนไข การทำกำไรสูงสุดที่ MR = MC MRPL = MR * MPL = w MR = w = w L MPL Q เนื่องจาก MC = C = (wL) Q Q MC = w * ( L / Q) ดังนั้น MR = MC

กรณีอยู่ในการผลิตระยะยาว การเปลี่ยนแปลงของปัจจัยการผลิตประเภทหนึ่งส่งผลต่อปัจจัยการผลิตอีกประเภทหนึ่ง เช่น w ลดลง และ firm ต้องการขยายผลผลิตทำให้จ้าง L เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องใช้ E มากขึ้นด้วย จนในที่สุดทำให้ MRP shift ไปทางขวา

ในระยะยาว การเปลี่ยนแปลงราคาของปัจจัยมีผล 2 แบบคือ Substitution effect กับ Output effect Output effect ทำให้ MC ลดลง (เพิ่มขึ้น) ซึ่งทำให้ MR ไม่เท่ากับ MC การเพิ่มขึ้น (ลดลง) ของการใช้ปัจจัยการผลิตทำให้ MR = MC อีกที ซึ่งไปเปลี่ยนขนาดของผลผลิตในที่สุด

ข้อสรุปของเส้นอุปสงค์ต่อปัจจัยการผลิตระยะยาว 1) มีความยืดหยุ่นมากกว่าในระยะสั้น 2) เนื่องจากมีการทดแทนกันได้ระหว่างปัจจัยการผลิตก็จะทำให้ความยืดหยุ่นสูงขึ้นไปอีก

การหา Market demand curve ของปัจจัยการผลิต โดยทั่วไปเป็นการรวม (sum) จาก firm ทั้งหมดใน industry แต่ปัญหาอยู่ที่มี interaction ระหว่าง firm ที่มีผลต่ออุปสงค์ต่อปัจจัยการผลิต

กลไกที่เกิดขึ้นเป็น ดังนี้ 1. สมมติให้ w ลดลง 2. firms จ้างแรงงานเพิ่มขึ้น 3. firms ขายผลผลิตที่แรงงานผลิตได้มากขึ้น 4. ทำให้เกิด excess supply ในตลาดผลผลิต 5. ราคาผลผลิตตกลง 6. ทำให้ MRP ลดลง โดย shift มาทางซ้าย 7. Market demand curve จากกรณีนี้ ต่างไปจากกรณีที่ไม่คิดราคาผลผลิตลดลง

อุปทานของปัจจัยการผลิต ในกรณีของตลาดปัจจัยการผลิตที่แข่งขันสมบูรณ์ อุปทานของปัจจัยการผลิต ในกรณีของตลาดปัจจัยการผลิตที่แข่งขันสมบูรณ์

หน่วยผลิตจะซื้อปัจจัยการผลิต ณ ราคาดุลยภาพตลาดที่กำหนดโดยอุปสงค์และอุปทานในตลาด นั่นหมายความว่า เส้นอุปทานที่ firm เผชิญ จะเป็นเส้นตรงขนานกับแกนปริมาณปัจจัยการผลิตและมีราคาปัจจัยการผลิตที่คงที่

average expenditure curve (AE) เป็นราคาต่อหน่วยปัจจัยการผลิตที่ firm จ่าย ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อปัจจัยการผลิตเพิ่มอีกหนึ่งหน่วยก็เป็น marginal expenditure curve (ME) เส้นราคาที่ firm เผชิญเป็นเส้นที่แสดงทั้ง AE และ ME เพราะว่า เป็นราคาที่กำหนดจากตลาดปัจจัยการผลิตที่แข่งขันสมบูรณ์

อุปทานของแรงงาน อาจมีส่วนต่างไปจากอุปทานของปัจจัยการผลิตชนิดอื่น เพราะว่าแรงงานมีจุดประสงค์ utility maximization ในการขายแรงงาน โดยที่ utility ประกอบด้วยการทำงาน (works) กับการพักผ่อน (leisure) กรณีค่าจ้างเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาของการพักผ่อนสูงตามไปด้วย

Total effect = Substitution effect + Income effect เมื่อค่าจ้างเพิ่มขึ้น Total effect = Substitution effect + Income effect Substitution effect ทำให้ทำงานเพิ่ม ลดการพักผ่อนลง Income effect ทำให้ทำงานน้อยลง เพราะว่าสามารถมีรายได้สูงพอที่จะซื้อของต่าง ๆ ได้ รวมทั้งการพักผ่อน หาก Substitution effect > Income effect จะทำให้ทำงานเพิ่มขึ้น Substitution effect < Income effect จะทำให้ทำงานลดลง